เมื่อหนึ่งมีรักให้แต่ไม่อาจบอก กับอีกหนึ่งที่ไม่เคยรู้และตั้งหน้าตั้งตาชิงชัง การหมั้นหมายที่เกิดจากผู้ใหญ่ส่งผลให้นาฎสุรีย์ต้องจากลาไปไกลเพื่อรักษาแผลใจ ส่วนอีกคนที่ไม่เคยรับรู้ แท้จริงแล้วกลับห่วงหา ห้าปีต่อมา สองคนได้พบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนไป ส่วนเขากลับรู้หัวใจตัวเอง ******************** เพียะ! ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ชายหนุ่มนิ่งงัน มันชาไปทั้งแถบ นาฎสุรีย์มองมือตัวเอง มันกำลังสั่น เมื่อเขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าแววตามันเปลี่ยนไป เธอชะงักตัดสินใจหันหลังคิดวิ่งหนี แต่ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะหนีไปงั้นเหรอ มันง่ายไปมั้ง” พูดจบ เขาเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลง ก่อนล็อคอย่างแน่หนา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงสาวร้องลั่น “แหกปากไปเลย เอาให้ดัง ห้องฉันเป็นห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจสำรองไข ถึงมีก็ไม่มีใครก็กล้ามายุ่งหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนยังไง ทุกคนรู้ดี” เขาส่งเสียงข่มขู่ นาฎสุรีย์จ้องมองอีกฝ่าย กัดริมฝีปากครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด เธอไม่ได้อยากตบหน้าเขา แต่เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย!” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ เสียเปรียบอย่างรุนแรง ทว่าแววตาของอีกฝ่าย กลับไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ต่อให้พ่นอะไรออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันไม่ให้อภัยเธอ!” เขาตวาดลั่น คนใต้ร่างสะดุ้งสีหน้าตื่นกลัว มือหนาจับสาบเสื้อ ที่เคยถูกกระชากมาก่อนหน้า ออกแรงดึง แควก! มันขาดติดมือ เจ้าของเสื้อชะงักดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องขึ้นมาทันที พยายามดิ้นรนผลักดันอีกฝ่ายเพื่อให้พ้นจากการโดนกระทำ แต่ทว่าอารมณ์ของเขา กลับรุนแรงเกินกว่า เรี่ยวแรงเธอจะต้านทานเอาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ได้ยินไหม!” คนหน้ามืด ไม่ฟังเสียง ตอนนี้ในหัวเขาแค่ต้องการเอาคืน กับการกระทำไร้ซึ่งการไตร่ตรองของอีกคน คนอย่างพีรดล ไม่มีวันยอมให้ใครมาหยาม เท่าที่ผ่านก็ถือว่ายอมมามากพอแล้ว ริมฝีปากบางถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว จนคนใต้ร่างร้องครางในลำคอ พยายามผลักไสอีกฝ่าย แต่ร่างกายนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเลย มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วน ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มเริ่มร้อนฉ่า กระโปรงนักศึกษาถูกรั้งออก เจ้าของน้ำตาเริ่มคลอ ความหวาดกลัวแล่นพล่าน เธอไม่น่าโมโหจนน่ามืด แล้วหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วพีรดลเป็นคนเช่นไร หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางเอาตัวรอด อยากหลับโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย เขาถอนริมฝีปากจ้องมองอีกคน เห็นน้ำตาเธอกำลังไหลรินออกมา ทว่ามันได้ทำให้รู้สึกสงสาร เมื่ออารมณ์ตอนนี้มันกระเจิงไปไกล นาฎสุรีย์มีดีกว่าที่คิด เรือนร่างเย้ายวน ตรงหน้าทำเอาหายใจแทบไม่ออก ตัวตนแข็งขืนจนแทบปริแตก มันกำลังต้องการปลดปล่อย “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา “มันสายไปแล้ว เธอไม่ควรเข้ามาที่ห้องฉันตั้งแต่แรก...” เขาตอบเสียงรอดไรฟัน จะให้ผละไปได้ยังไง ในเมื่อเธอทำให้เขาแทบคลั่งแบบนี้
ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษา สวมแว่นตา ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง สาวเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน ได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่ว หญิงสาวชะงักเมื่อสาวใช้ในบ้าน เดินมาหาสีหน้าราวกับมีเรื่องหนักหนา ในอกมันสั่นสะท้าน และหวังให้สิ่งที่คิด ไม่เป็นจริง
“คุณนาคะ คุณท่านเชิญไปพบที่ห้องรับแขกค่ะ” สาวใช้นามเตยเอ่ยปาก ก่อนเข้าใกล้แล้วกระซิบ “คุณธนากรมาที่นี่พร้อมกับคุณพีค่ะ”
หญิงสาวชะงัก แค่ได้ยินชื่อ ทำเอาร่างกายมันสั่นเทา พยายามรั้งไว้ทุกวิถีทางแล้ว แต่คราวนี้กลับมาถึงที่ เธอควรทำอย่างไรดี
“ฉันรู้แล้วเตย เดี๋ยวฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยตามไป”
“คงไมได้หรอกค่ะคุณหนู คุณท่านให้คุณไปตอนนี้เลย” เตยบอกเสียงเครียด
คนตัวเล็กเม้มริมฝีปาก สีหน้าเครียดขึ้นทันที แววตาหวาดหวั่น ตัดสินใจสาวเท้าไปยังห้องรับแขก ดวงตากลมโตสะท้อนภาพชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กับชายอีกคน ที่อายุอานามมากน้อยกว่าพ่อไม่กี่ปี ชายกลางคนหันมาสบตา แล้วยิ้มอ่อนโยน
“สวัสดีค่ะคุณอา” เธอยกมือไหว้
“นามานั่งตรงนี้สิลูก” คนเป็นพ่อเอ่ยเรียก เธอยอมทำตาม หย่อนกายข้างบิดา
นิรนายิ้มกว้างมองบุตรสาว แล้วเลยไปยังชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกคน เหมาะสมกันเหลือเกิน หากได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน เงินทองที่มี มีหรือจะไปไหนเสีย ลูกสาวเธอกับว่าที่ลูกเขย สองคนเรียนเก่งทั้งคู่ ยิ่งสร้างความยินดีให้กับครอบครัวสองฝ่ายมากขึ้นอีก
นาฎสุรีย์เหลือบมอง เห็นสีหน้าแววตาราวกับไม่มีอะไร แต่เธอรู้ดี ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา สาวไหนต่างมองเหลียวหลัง กลับแอบซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ ริมฝีปากอวบอิ่มนั้น ก็ช่างเจรจาถากถางเธอดีเสียเหลือเกิน เรือนร่างสมบูรณ์แบบนั้น ยิ่งสร้างความปั่นป่วนให้เธอ ผู้ชายคนนี้คอยรังแก เอาเปรียบเธอตลอดเวลา เกลียดจนแทบไม่อยากมองหน้า ถ้าหนีหายจากตรงนี้ได้คงดี
“พอดีอากับพ่อของหนูนา กำลังคุยเรื่องการหมั้นหมายของหนูกับพี่พีน่ะ”
คนฟังชะงัก ช้อนสายตามองอีกคน เห็นเขากระตุกยิ้มราวกับเยาะ คิดว่าเธออยากได้หนักหนาเหรอ ถ้าไม่ใช่พ่อกับแม่ เธอไม่มีวันมานั่งตรงนี้หรอก
“หนูว่า... หนู”
“แล้วแต่พ่อกับแม่เถอะครับ เพราะถึงยังไง หนูนาคงไม่ปฏิเสธ ผมเองก็คงปฏิเสธเหมือนกันไม่ได้ แล้วเราสองคนจะทำยังไงได้ล่ะครับ นอกจากยอมรับ!” เขาโพลงออกมา สีหน้าไร้อารมณ์
เธอตั้งใจปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้เขาถากถางไปมากกว่านี้ เธอเหนื่อยมากพอแล้ว กับเรื่องแบบนี้ โตจนอายุย่างยี่สิบสอง อยากมีความคิด มีชีวิตเป็นของตัวเอง
“แต่นาขอเวลาค่ะ!” หญิงสาวพูดแทรก แววตามุ่งมั่น
สีหน้าของบิดามารดาเธอ บ่งบอกถึงความผิดหวัง นาฎสุรีย์กัดฟันแน่น สบตากับว่าที่คู่หมั้นคู่หมาย เห็นเขายิ้มหยัน ยิ่งสร้างความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นอีก
“นากำลังฝึกงานใกล้จบแล้วไม่ใช่เหรอลูก” ธนากรย้อนถาม สีหน้าหนักใจ
“เราสองคนไม่ได้รักกัน พูดว่ากะ...” เธอชะงัก อยากเอ่ยคำว่าเกลียด ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าแววตาผู้ใหญ่กำลังจับจ้องมา เลยไม่กล้า
“ไม่ได้รักกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรักกันไม่ได้นี่ลูก” นิรนาบอก แล้วหันมองบุตรสาว
“ทำไมแม่ถึงคิดว่ามันง่ายล่ะคะ แม่คิดว่าพีรดลอยากแต่งงานกับนาหรือไงคะ!” นาฎสุรีย์ย้อนถาม ก่อนตวัดสายตามองไปยังเขา ที่นั่งทำเป็นไม่รู้ร้อนหนาว ราวกับว่าต้องการให้เธอเป็นคนเอ่ยปากเรื่องทั้งหมดเสียเอง
นิรนาเหลือบมอง พีรดลชะงัก กวาดมองผู้ใหญ่ทั้งสาม แล้วถอนหายใจออกมา
“ผมยังไงก็ได้ ไม่ติดปัญหาครับ” เขาจำต้องพูดคำนี้ออกมา เพราะไม่อยากโดนตัดเงินค่าขนมจากบิดา แค่หมั้นกัน เมื่อโตพอ เขาจะถอนหมั้นจากยัยนี้ก็ได้ พ่อคงมาบังคับอะไรไม่ได้อีก
ทว่าหญิงสาวกลับกัดฟันแน่น ชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นอีกฝ่าย เอาดีเข้าตัว แล้วทำให้เธอเหมือนเด็กไม่เชื่อฟัง กระนั้นแล้ว ตนก็ไม่มีวันหมั้นหมาย กับคนนิสัยเสียอย่างพีรดลเด็ดขาด
“แต่นาไม่หมั้น ไม่มีวันด้วย!” เธอตะโกนออกมา น้ำตาคลอ
พีรดลยักไหล่ “เห็นไหมครับ ปัญหาไม่ใช่ที่ผม”
“นายหุบปากไปเลย พีรดล!” นาฎสุรีย์ตวาดไปยังเขา ชายหนุ่มยิ้มหยัน ทำเอาคนมองควันออกหู
“หยุดนะยัยนา!” คนเป็นแม่ปราม น้ำเสียงสั่น
เธอตวัดสายตามองบิดามารดา ไม่เข้าใจ เป็นอะไรนักหนาต้องบังคับให้แต่งงานกับพีรดล หมอนี่มันนิสัยเสียอย่างร้ายแรง คอยกลั่นแกล้งกันสารพัด ไม่เว้นแม้แต่ในรั้วมหาวิทยาลัย เธอถูกหมอนี่รังแกมามากพอแล้ว
“นาไม่มีวันหมั้นกับคนแบบนี้ ไม่มีวัน!”
“ยัยนา!” สุพจน์เรียกบุตรสาว สีหน้าตำหนิ
“นาพูดความจริง หมดสมัยคลุมถุงชนแล้วค่ะ นาขอตัวนะคะ!” หญิงสาวบอกปัด แล้วลุกยืนกระแทกส้นเท้า
นิรนาตระหนก รีบตามบุตรสาว
“ยัยนา มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!”
“พจน์ไปตามนิมาเถอะ ตอนนี้ยัยนาคงกำลังโกรธอย่าเพิ่งไปบังคับลูกเลย” ธนากรส่งเสียงเตือน
“ยัยนา แม่บอกให้หยุดไง!”
นิรนารั้งท่อนแขนบุตาสาวเอาไว้ แต่เธอกลับสะบัดจนมารดาล้มลงกองกับพื้น
“แม่!” คนตัวเล็กตระหนก ตรงเข้าประคองมารดา
“ไม่ต้องมาช่วย ปล่อยให้แม่ตายไปเถอะ”
สุพจน์รีบตรงเข้ามาช่วยภรรยา นิรนาน้ำตานองหน้า กอดลมหายใจติดขัด คนตัวเล็กตระหนกเมื่อเห็นแม่กำลังเกร็งไปทั้งร่าง
“แม่ แม่! แม่เป็นอะไร!” หญิงสาวร้องลั่น
กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”
เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
เพราะความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น ทำให้นรีกานต์และกวีวัธน์ต้องแต่งงานกัน ทว่าเขากลับยังคงมีเยื่อใยต่อคนรักเก่าอยู่ เธอจำต้องเดินออกมา เพื่อให้เขาได้สมหวังกับคนรัก แม้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม ทว่าเขากลับตามหา เพื่อทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีและพ่อของลูกกับเธอ ******************************* ปัง! ประตูปิดลงร่างเธอถูกโยนลงบนเตียง รีบลุกพรวด จ้องมองอีกฝ่ายแววตาตื่นตระหนก “นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่ตลกแล้วนะ!” เธอตวาดลั่น “ฉันก็ไม่ตลกเหมือนกัน มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเป็นเมียฉันไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กำลังจะทำให้ เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันกำลังว่าง กำลังโสด แต่ก่อนแต่ง ฉันขอเช็คของหน่อยก็แล้วกัน ว่ามีดีแค่ไหน!” คนตัวเมากระโจนเข้าหา นรีกานต์รู้ในทันทีว่า ชีวิตตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว กระโจนหนีด้วยความหวาดกลัว วิ่งตรงไปหาประตู ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ กระชากร่างบางเข้าหาจนปะทะแผงอก มือยกทุบตีจิกข่วนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน แต่เหมือนเขาไม่สะเทือนเลยสักนิด “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อ ริมฝีปากถูกปิดอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” ร่างถูกตรงบนเตียง เรียวแขนรวบไว้เหนือศีรษะ น้ำตาคนโดนกระทำไหลริน เมื่อรู้ว่าตนเองหมดหนทางรอดในคราวนี้ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าของคนใต้ร่าง น้ำตาของผู้หญิงมันไร้ความหมายสิ้นดี มารยาแบบนี้ เห็นมาจนสะอิดสะเอียนแล้ว “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว...” “หยุดพูดให้รำคาญสักที นอนเฉยๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็มีความสุขเอง!”
เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่คนรักกลับมีคนอื่น เธอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เพื่อเอาคืนคนพวกนั้น โดยหวังให้เขาคือเครื่องมือระบายความแค้น ทว่าเป็นเธอเองที่ตกหลุมกับดักที่ตนเองวางไว้ ใครจะรู้ว่าเขาจะนำพาให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส จนอยากจะถอนตัว
เพราะวัยเพียงสิบสี่มิลันดาถูกปฏิเสธความรักที่มีให้กับคมฉณัฐอย่างไร้เยื่อใยความเสียใจทำให้เด็กสาวตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก คมฉณัฐจะทำเช่นไรเมื่อกลับมาเด็กสาวกลายเป็นสาวสะพรั่งดีกรีศัลยแพทย์เกียรตินิยม
ไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยหรือสวรรค์กลั่นแกล้งกันแน่ เมื่อไฮโซสาวสร้างข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวันอย่างเมริยา สิทธิศักดิ์โสภณ ต้องตกกระไดพลอยโจน ถูกจับแต่งงานกับหนุ่มรูปกายภายนอกดูสุภาพบุรุษ ท่าทางสุขุมนุ่มลึก อย่างด็อกเตอร์ กันตธร วัชรเดชานนท์ เพียงเพราะสองคนถูกแอบถ่ายขณะเข้าโรงแรมด้วยกัน ทว่าเมริยาไม่เคยคิดเลยว่า ภาพลักษณ์ของชายคนนี้แท้จริงเป็นแค่ภาพลวงตากันตธรเองก็ไม่คิดเช่นกันว่าภาพลักษณ์ของเธอแท้จริงคือสิ่งหลอกลวง เมื่อเขาไม่ใช่อย่างที่เธอคิด และเธอไม่ใช่อย่างที่เขาคิด การอยู่ร่วมบ้านจึงกลายเป็นเรื่องวุ่นปั่นป่วน ********************************* “ชุดคุณเลือกเอาเองก็แล้วกัน เผื่ออยากใส่แบบวาบหวิวโชว์เยอะๆ แบบที่คุณชอบไง” ชายหนุ่มประชดแล้วยักไหล่ คนถูกเยาะเย้ยสุดทน อารมณ์เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง เมริยากัดริมฝีปากแล้วจ้องมองว่าที่เจ้าบ่าว “ใช่! อย่างฉันมันต้องแหวกมันต้องเว้าเอาให้เห็นถึงข้างในนั้นล่ะถึงจะเป็นสไตล์ของฉัน!” คนสวยย้อนจ้องหน้าเขาไม่วางตา “เชิญตามสบาย อยากจะแหวกขนาดไหนก็เชิญผมไม่ว่าอะไรหรอก” เมริยาจ้องมองแผ่นหลังเขาที่หายเข้าไปในห้องลองเสื้อ มือบางกำแน่นด้วยความเดือดดาล โอ้ย! เธอโมโหจนแทบจะกระอักออกมาอยู่แล้ว ไอ้หมอนี่ต้องตายด้วยมือเธอสักวัน *********************************** เมริยาเห็นสันกรามอีกฝ่ายรู้ดีว่าเขากำลังทรมาน ค่อยๆ ใช้แขนชันกายขึ้นโน้มใบหน้าใกล้ใบหูกระซิบแผ่ว “หลับแล้วเหรอคะ คุณสามี...”คนฟังขนลุกซู่ รีบลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฮ้ย! คุณทำอะไร!”เขาร้องลั่น คนตัวเล็กลุกนั่งแสร้งยิ้มหวานยั่วยวน กันตธรอ้าปากค้างเห็นชุดที่สาวเจ้าใส่เล่นเอาใจสั่น สติแทบคงไว้ไม่อยู่ สะบัดไล่ความคิดด้านมืดออก จะตกหลุมพรางของเธอไม่ได้ “ถะ...ถอยออกไปเลยนะ ผมขอเตือนวันนี้คุณไม่ได้แอ้มผมหรอก”ชายหนุ่มบอกเสียงสั่น “แน่ใจเหรอคะที่รักขา...”หญิงสาวแสร้งลากเสียงหวานก่อนเขยิบกายเข้ามาใกล้ “ออกไปเลยคุณ ผมไม่มีวันทำอะไรคุณหรอก อย่ามาหื่นขอร้อง”กันตธรกระถดกายหนี *********************************************
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"