เธอยินยอมเขา และเขาก็ยินยอมเธอ ต่างคนต่างเป็นของกันและกัน
เธอยินยอมเขา และเขาก็ยินยอมเธอ ต่างคนต่างเป็นของกันและกัน
ซีรีส์สมยอมรัก
เล่ม 1 สมยอมรัก
“คุณอาขาหนูนีร้อนจังเลยค่ะ ช่วยหนูนีหน่อยนะคะ” เธอออดอ้อนเบียดร่างเปลือยเปล่าเข้าหาร่างสูงเพรียวแข็งแรงของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสอง
“เดี๋ยวอาจะช่วยหนูนีเองครับ” พันราชตอบกลับไปเสียงแหบพร่า พรหมจูบไปทั่วเนื้อตัวเปลือยเปล่าของสาวน้อยใต้ร่างที่โดนยานรกเล่นงานจนร้อนผ่าวไปหมดทั้งร่างในเวลานี้
“อ๊า... อาพันขา”
“ขา...” พันราชรับคำเด็กสาว แยกเรียวขาของเธอออกอีกครั้ง เขาเพิ่งกระชากพรหมจรรย์ของเธอออกไปหยกๆ และเพิ่งเสร็จสมกันไป
“หนูนีต้องการอาพันที่สุดเลยค่ะ” นีรชาร้องบอก เบียดกายเข้าหาอย่างร่านร้อน
“สาวน้อยของอา อาจะให้หนูนีหมดลำเลยนะครับ” พันราชบดเบียดท่อนดุ้นอวบใหญ่และยาวเหยียดรกไปด้วยเส้นขนดกหนาฝังเข้าไปในร่องฉ่ำเยิ้มแดงก่ำ
“อ๊า... เสียวค่ะ เสียวที่สุดเลย”
“อาก็เสียวดุ้นไปหมดแล้ว หนูนีตอดอาแรงเหลือเกิน อาจะกระแทกแล้วนะครับ” เขาร้องบอกเมื่อจะเริ่มสอดประสานอีกครั้ง
“กระแทกเลยค่ะ หนูนีต้องการอาพัน” นีรชาร้องครางเสียงสะท้านหยัดสะโพกรับอย่างรัญจวนใจ มือบางเกาะเกี่ยวเอวหนาเอาไว้มั่น
“ลึกอีกค่ะอาพัน แรงอีกค่ะ หนูนีไม่ไหวแล้ว” นีรชาร้องบอกก่อนจะกรีดร้องสุดเสียงเมื่อถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรง
“อ๊าย.... อาพัน”
“โอ้ว... เด็กน้อยให้อาแตกในอีกใช่ไหมครับ”
“แตกเลยค่ะ แตกเลย” นีรชาร้องครางเสียงกระเส่าเมื่อโดนกระแทกกระทั้นจนจมเตียงเช่นนี้
“อ๊า... อาจะเสร็จแล้วครับหนูนี” พันราชร้องบอกไม่นานเขาก็อ้าปากค้างแตกในร่องเยิ้มจนหมดแม็กซ์
นีรชาร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างหนา บ้างก็คุกเข่าให้เขากระแทกทั้งคืนจนเธอสลบคาร่างของเขาเมื่อยานรกหมดฤทธิ์ลงไปในตอนรุ่งสาง
ย้อนไปก่อนหน้านี้...
พันราชนอนหลับไปแล้ว แต่เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก เป็นปัทมลเพื่อนของนีรชาโทรมาบอกว่าเธอกับนีรชาออกมางานวันเกิดของดนุเดช แต่ตอนนี้นีรชาโดนมอมเหล้าจนเมาแถมยังมีอาการแปลกๆ ให้เขารีบออกไปรับโดยด่วน
พันราชได้ยินดังนั้นก็นึกเป็นห่วงเด็กสาวยิ่งนัก เขารีบบึ่งรถไปหาเธอในทันที
เขาไปทันกับที่ดนุเดชกำลังจะแบกร่างของนีราชในสภาพเมามายเสื้อผ้าหลุดลุ่ยขึ้นห้องไป จึงรีบเข้าไปกระชากตัวเด็กสาวออกมาแล้วพามาขึ้นรถอย่างโมโห
เขาจำได้ว่าต่อยมันไปด้วยหมัดหนักๆ จนเลือดกบปาก แล้วเขาก็พบว่านีราชโดนวางยาปลุกเซ็กซ์ กำลังบ่นว่าร้อนถอดทึ้งเสื้อผ้าไปมาด้วยอาการกระสับกระส่าย
เหตุการณ์เลยเป็นแบบนี้ เขากับเธอได้เสียกันอย่างเผ็ดร้อน เนื่องจากเธอยั่วยวนใจของเขาเหลือเกิน และเขาเองก็แอบรักลูกสาวเพื่อนรุ่นพี่มานานหลายปีแล้ว
การได้เห็นสาวน้อยตรงหน้าแก้ผ้าแม้จะไม่มีสติก็ทำให้เขาขาดสติไปด้วยเช่นเดียวกัน เขาทนไม่ไหว หักห้ามตัวเองไม่ได้ จึงตอบสนองเธอไปอย่างเต็มอกเต็มใจ และคิดว่าตื่นขึ้นมายังไงก็ต้องรับผิดชอบเธอ ดีเหมือนกันเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ บิดามารดาของเธอเพิ่งเสียชีวิต ในขณะที่เธอเพิ่งเรียนจบการศึกษา หากเธอตกเป็นของเขาทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เธอเองไม่มีญาติที่ไหนเขารู้ดี
นีรชาตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนศีรษะอย่างรุนแรง เธอเจ็บระบบไปทั่วเนื้อตัวจนแทบขยับตัวไม่ได้
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักทายของคุณอาหนุ่มทำให้นีรชาหันไปมองก่อนจะกะพริบตาปริบๆ แล้วพวงแก้มสาวก็แดงซ่านขึ้นมาในทันที
“อาพัน”
“เป็นยังไงบ้าง” เขาขยับเข้ามาใกล้นั่งลงบนเตียงขณะเอ่ยถามสาวน้อยตรงหน้า
“ปวดหัวแล้วก็เมื่อยตัวไปหมดเลยค่ะ”
“ก็เราน่ะมีอะไรกับอาทั้งคืน นอกจากจะเมาแล้วยังโดนยาปลุกเซ็กซ์อีก” เขาพูดตรงๆ ทำเอาเธอต้องกัดปากตัวเองเบาๆ พันราชขยับเข้าไปใกล้ มองพวงแก้มสาวเนียนใสอย่างเสน่หา ก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนๆ ลงไปหา
“อุ๊ย!”
“เราเป็นเมียอาแล้วนะ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ” เธอกัดปากหลุบตาลงต่ำ
“แต่อาจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
“หนูนีไม่อยากให้คุณอารับผิดชอบเพราะเกิดจากความผิดพลาดนะคะ” เธอพูดเสียงสั่นๆ ไม่อยากให้เขาต้องมารับภาระอะไรแบบนี้
“ที่บ่ายเบี่ยงไม่อยากให้อารับผิดชอบพราะว่าจริงๆ แล้วอยากให้ไอ้ดนุเดชมันอุ้มขึ้นไปทำมิดีมิร้ายใช่ไหม” เขาพูดด้วยความโกรธ ในขณะที่เธอกัดปากตัวเองไม่กล้ามองหน้าเขา
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่หนูนีไม่อยากให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเพราะความผิดพลาดน่ะค่ะ” เธอขยับหนีดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าอกแต่เขาตะครุบเอาไว้
“อย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่พอใจเป็นอันมาก
“อาพัน” เขาดึงเธอไปกอดรัดแนบแน่นขยับใบหน้าเข้ามาแนบชิด
“ทำไม คิดจะหนีอาไปไหน” น้ำเสียงของเขาดูคุกคามจนเธอเริ่มตัวสั่น
“ปล่อยหนูนีนะคะ”
“ไม่ปล่อย พ่อแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปย้ายมาอยู่กับอาที่นี่เถอะ เป็นสาวเป็นนางอยู่คนเดียวไม่ปลอดภัย” เหตุผลของเขาทำให้เธอแอบกัดริมฝีปากเล็กน้อย การย้ายมาอยู่กับเขานั่นแหละที่เรียกว่าไม่ปลอดภัยของจริง
“จะให้หนูนีย้ายมาอยู่ในฐานะอะไรคะ” เอ่ยถามเขาออกไปแล้วก็หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“เมียอาไง” พอเขาพูดแบบนั้นเธอก็หน้าแดงซ่านหนักกว่าเก่า เขาให้เธอย้ายมาอยู่ในฐานะเมียแต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ ทุกอย่างมีเพียงคำว่ารับผิดชอบเท่านั้นเองใช่ไหม
“เมื่อคืนเราร้อนแรงกันแค่ไหน จำไม่ได้เหรอ” เขาแหย่คนน่ารักในอ้อมแขน
“ใครจะไปจำได้กันล่ะคะ”
“ถ้าจำไม่ได้ เดี๋ยวอาจะทวนความจำให้นะ” เขาล้วงมือเข้าไปในผ้าห่มสัมผัสเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเธออย่างเร้าอารมณ์ คนถูกสัมผัสรู้สึกหยาดเยิ้มแต่พยายามหักห้ามใจตัวเองเอาไว้
“อุ๊ย! อาพันอย่าค่ะ” เขาไม่ฟังเสียงทัดทานของเธอมุดเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันอีกครั้ง
“หนูนีเจ็บค่ะ” เธอร้องบอกเขาเมื่อเขาเลื่อนมือไปสัมผัสนวลเนื้อสาวกลางกายที่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้สอดกายเข้าไปพักพิงครั้งแล้วครั้งเล่า
“อาขอโทษแล้วกัน เมื่อคืนหนูนีโดนหนักมากพอแล้ว” ประโยคของเขาทำให้เธอยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นกว่าเก่า
“อีกสักวันสองวันก็หายบวมแล้วครับ” เขาเลื่อนมือลงไปเกลี่ยเนินสาวของเธอเบาๆ คล้ายเป็นการปลอบโยนสาวน้อยให้คลายจากความหวาดกลัวและเจ็บปวด
“อาพันขา หนูนีหิวแล้วค่ะ” เธอพยายามหาทางเอาตัวรอด
“อาบน้ำก่อนสิ” เขาจัดการอุ้มร่างของเธอขึ้นพาไปเข้าห้องน้ำ
สาวน้อยที่ร่างเปลือยเปล่าหันหลังให้ด้วยความเขินอายเมื่อเขาพามาในห้องน้ำและวางให้เธอยืนบนพื้น เธอปิดป้องเนื้อตัวเป็นพัลวันเมื่อเขาตามมากอดแล้วแงะมือของเธอออกจากเนื้อตัวเปลือยเปล่า
“อาบน้ำนะครับ อาทำอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวไปกินกันนะคนดี” เขาหมุนกายเธอมาหามองด้วยดวงตาหวานละมุน
พันราชดึงฝักบัวมาราดรดไปทั่วเนื้อตัวของสาวน้อย ขัดถูเนื้อตัวทำความสะอาดให้อย่างอ่อนโยน ร่างกายของเธอหอมกรุ่นผิวขาวผุดผ่องน่าสัมผัส เขาคุกเข่าลงตรงหน้าแยกขาของเธอออกจากกัน
“ไหนอาดูหน่อยสิครับว่ายังบวมอีกมากไหม” เขาบอกเธอเสียงนุ่ม ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดเลียร่องให้เธอเบาๆ
“อ๊า... อาพันขา อย่าค่ะ” เธอกดมือกับบ่ากว้างของเขา ร้องครางเสียงหลงเมื่อโดนเลียร่อง ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาเธอต้องซู๊ดปากร้องครางไม่เป็นภาษา
“อาพัน อ๊าย...” เธอเกร็งกระตุกร่างด้วยความรัญจวน เนื้อตัวสั่นเทาแข้งขาสั่นไปหมด
“เสร็จเหรอครับ อาแค่เลียเองนะ”
“ก็ลิ้นของอาพัน” เธอพูดแล้วกัดปากเบาๆ ลิ้นของเขาทั้งสากทั้งร้อนทำเอาเธอตัวสั่นไปหมด เขายกยิ้มมุมปาก คิดจินตนาการไปว่าหากได้เธอมาอยู่ร่วมบ้านเขาจะได้กกกอดแนบชิดเธอทุกครั้งที่ต้องการ
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
โปรย : กลางวันเธออยู่หน้าห้อง กลางคืนเธออยู่หน้าเตียง +++++++++++++++++++++++++++++ มัสยาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาแล้วเปิดก๊อกให้น้ำไหลลงสู่ผ้าจนชุ่ม เขาชิงดึงผ้าออกไปแล้วค่อยเช็ดซับลงบนคราบกาแฟที่กระเซ็นโดนส่วนแขนของเธอเสียเอง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มือของเขาไต่ขึ้นสูงจนมาถึงหน้าอกอวบอิ่ม มัสยารีบตะครุบมือเขาเอาไว้ “ ตรงนี้ไม่ได้เปื้อนค่ะ ” “ เปื้อนสิ มีรอยนิดหน่อย มัสไม่เห็นแต่ฉันเห็น ดูผ่านกระจกก็ได้ ” เขาหมุนตัวเธอให้ไปประจันหน้ากับกระจกโดยที่ตนเองประกบซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วสวมกอดพลางใช้ผ้านั้นเน้นย้ำซับเช็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตรงทรวงอก เช็ดไปเช็ดมากลายเป็นว่าใช้มือขยำคลึงแทน “ ฉันมันนิสัยไม่ดี ใจร้อนตลอด เลยทำกาแฟหกโดนเธอ ขอโทษนะมัส ” กล่าวคำขอโทษแต่การกระทำดูเหมือนจะไม่สำนึก เขารุกล้ำซุกซนไปเรื่อย ๆ มือหนึ่งเริ่มแกะกระดุมเชิ้ตของเธอช้า ๆ “ คุณเอกขา อย่าค่ะ ตรงนั้น... ไม่ต้อง ” เจ้าของทรวงท้วงเสียงสั่นเมื่อเขาก้มลงดูดเม้มที่ใบหูเบา ๆ “ ต้องสิ เพราะฉันต้องดูว่ามันเปื้อนไปถึงข้างในด้วยหรือเปล่า ”
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
"ท่านครับ คนยังไม่ตาย ต้องการชนอีกทีไหมครับ" "จัดการเลย" เสิ่นอันหยูซึ่งกำลังจมอยู่ในกองเลือด ได้ยินคำสั่งของสามีกับหู เธอกับเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยมีลูก อย่างไรก็ตาม การแต่งงานที่ไม่มีบุตรทำให้แม่สามีกล่าวหาว่าเสิ่นอันหยูมีบุตรยาก ตอนนี้ สามีของเธอไม่เพียงนอกใจเธอเท่านั้น แต่เขาต้องการให้เธอตายด้วย! เขาก็หย่ากับเธอได้ แต่นี่เขาพยายามจะฆ่าเธอ... ในวันที่หย่ากัน เสิ่นอันหยูที่เคยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดนั้นก็แต่งงานกับชายอีกคนหนึ่งทันที สามีคนที่สองของเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเมือง เธอสาบานว่าจะใช้อำนาจของเขาให้เป็นประโยชน์และแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอ! เดิมทีการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้ควรเป็นเพียงข้อตกลงที่หาประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่สุดท้าย เธอกลับถูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ตรึงไว้กับกำแพง "เอาจริงเลยได้ไหม ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป"
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด