เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
เธอไม่เคยหน้านิ่วคิ้วขมวดได้เท่านี้มาก่อนเลยตั้งแต่เริ่มชีวิตการเป็นนักเขียน
ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกวิจารณ์งานเขียนหรอกนะ ในการเป็นนักเขียนอาชีพ...ใช่ หมายถึงอาชีพนักเขียน เขียนนิยายหากินน่ะ เอาเป็นว่าในชีวิตการเป็นนักเขียนของเธอ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ ‘อาคิรา’ ปรี๊ดแตกได้ถึงขนาดนี้มาก่อน
วิจารณ์งานน่ะได้ แต่วิจารณ์แบบไม่รู้จริง ด่าสาดเสียเทเสียอย่างนี้ เธอไม่ยอมหรอกนะ!
สายตาไล่อ่านไปตามข้อความที่ถูกแอคเคานท์อวตาร ไม่โชว์แม้กระทั่งชื่อนามสกุลจริง ทั้งรูปหน้าตาจริงด้วยความหงุดหงิด
‘กล้าเขียนออกมาได้ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิยายในตลาดของไทยถึงได้มีแต่งานต่ำตม เพราะคนเขียนส่วนใหญ่เขียนแต่งานเชิดชูระบอบปิตาธิปไตยออกมา พระเอกอย่าง xxx แถมยัง xxx แล้วจะยัง xxx ยังจะให้มันเป็นพระเอก มันสะท้อนให้เห็นว่าสติปัญญาของคนเขียนเป็นยังไง...’
ตามมาด้วยรูปปกนิยายแนวโรมานซ์ของเธอแปะหราประจานอยู่ในกลุ่มนักเขียนกลุ่มหนึ่งบนสังคมโซเชียลมีเดียที่มีสมาชิกนับหมื่นร่วมอยู่
วิจารณ์...ไม่! ด่ากันแบบนี้ จิกหัวเธอมาตบกลางสี่แยกเลยจะดีกว่า!
มือไม้สั่นเทากว่าเดิมด้วยอาคิรารู้ดีว่างานเรื่องนี้ที่เธอเขียนนั้นไม่ได้เชิดชูระบบปิตาธิปไตย หรือคำพูดง่ายๆ ว่าชายเป็นใหญ่แต่อย่างใด มันเป็นพล็อตเรื่องตลาดก็จริง ไอ้พวกมาเฟียที่ร้ายกับคนทั้งโลก แต่ดีกับนางเอกแค่คนเดียวเนี่ย แต่มันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องอีกว่าถึงพระเอกจะเป็นมาเฟีย แต่ไม่ได้ทำธุรกิจไม่ดีสักหน่อย และที่ต้องร้ายกับคนอื่นเป็นเพราะเขาถูกปองร้าย มีปมตัวละครปลีกย่อยอีกเยอะ
มันอ่านเรื่องเดียวกับที่กูเขียนหรือเปล่าเนี่ย!
ถึงกับสบถด่าในใจ น่าเจ็บใจกว่านั้นคือการดูถูกนักเขียนหญิงอย่างที่ไม่สามารถให้อภัยได้ อาคิราเป็นเฟมินิสต์ เธอให้ความเคารพกับทุกเพศ แต่พอไม่ได้ความเคารพจากคนที่ไม่น่าให้ความเคารพมาบ้าง มันทนไม่ได้ที่จะออกงิ้ว อะไรไม่ว่า ความยัวะทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อไปสืบค้นว่าคนที่กล้ามาจิกหัวเธอไปตบกลางสี่แยกเองก็เป็นนักเขียนเหมือนกัน เพียงแต่โนเนม และ...เขียนนิยายผิดศีลธรรมประเภทสายเลือดเดียวกันเอง ร้ายกว่านั้นมีการล่วงละเมิดทางเพศที่ลูกชายทำกับผู้ให้กำเนิดด้วย
งานมึงไม่เชิดชูปิตาธิปไตยเลยมั้งไอ้แม่ย้อย!
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้เต้นผางๆ เดินวนไปมาตั้งสติสตังว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี รู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ เพราะเมื่อครู่นี้เธอได้ไปคอมเมนต์ตอบโต้แล้ว แต่ไอ้คนบ้าคนนี้มันดันเถียงข้างๆ คูๆ ไม่เข้าประเด็นอะไรสักอย่าง ทั้งยังมาว่าส่อเสียดเธอในเชิงเพศสภาพ ตบท้ายด้วยการบล็อกแอคเคานท์เธอหนีไปหน้าด้านๆ อีก
หน็อย...ไอ้เวรตะไล! แค้นนี้ต้องได้รับการชำระ!
ห้ามสติตัวเองไม่ได้ก็ต้องตีมันให้ตาย อาคิราทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนเริ่มสมัครแอคเคานท์ใหม่เพื่อเสิร์ชหาชื่อของคู่กรณีที่จำได้ดีอย่างรวดเร็ว
ชื่อแอคเคาทน์ว่า ‘เวนไตย’ อันเป็นที่มาของเวรตะไลที่เธอเรียกในใจเมื่อครู่ ใช้รูปพญาครุฑเป็นรูปโปรไฟล์
จำได้แม่นราวกับฝังอยู่ในหัว ใช้เวลาไม่นานก็เสิร์ชเจอคู่กรณี อาคิราใช้เวลาครู่หนึ่งในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันไหม ถึงจะมีการเปลี่ยนนามสกุลนิดหน่อย แต่ทั้งชื่อและรูปโปรไฟล์คือคนเดียวกันอย่างแน่นอน หนำซ้ำข้อมูลส่วนตัวก็ไม่เปิดเผยอะไรสักอย่าง เธอมั่นใจว่ามันคือไอ้เวรตะไลคนนั้นนั่นแหละ!
ไม่แปลกหรอกที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เพราะหมอนี่มีคดีกับใครต่อใครไปทั่วจนชาวบ้านเอือมระอากันไปหมด แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของเธอ ปัญหาของเธอคือจะทำอย่างไรให้ไอ้เวรนี่หน้าหงายดี
คิดเท่านั้นพลันส่งข้อความไปหาอย่างรวดเร็ว
‘จำฉันได้ไหมคะ ที่เราดีเบตกันในกลุ่มนักเขียน ฉันอยากจะชี้แจงอะไรกับคุณสักหน่อยค่ะเรื่องงานเขียน พอจะสะดวกคุยไหม’
รออย่างใจจดจ่อ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาหรอก เผลอๆ จะไม่ตอบด้วย เป็นคนขี้แพ้ เถียงข้างๆ คูๆ ไม่ชนะก็หนีเอาดื้อๆ เธอไม่หวังหรอก
ทว่า...เพียงครู่เดียว ข้อความกลับถูกกดยอมรับ มีการอ่าน และตอบกลับมา
‘ใครครับ’
กล้าทำมาเป็นจำเธอไม่ได้งั้นเหรอ!? ดี! งั้นแม่ใส่ไม่ยั้งเลยแล้วกัน!
‘ฉันคือนักเขียนคนที่คุณสาระแนเอางานมาประจานแบบทุเรศๆ ค่ะ แล้วคุณก็บล็อกหนีไปเพราะเถียงแบบมีตรรกะเหตุผล มีความรู้แบบปัญญาชนไม่ได้ ก็เลยต้องมาตามหาแล้วมาชี้แจงอีกทีว่างานเขียนของฉันไม่ได้เชิดชูระบอบปิตาธิปไตยอย่างที่คุณกล่าวหา สิ่งที่คุณทำมันสร้างความเสียหายให้ฉันมากเลยนะคะ รู้ไหมว่าฉันฟ้องได้เลยนะ’
รัวไม่ยั้งแม้จะเป็นข้อความ อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่งก่อนพิมพ์ตอบกลับมา
‘นี่ใครครับ ผมไปประจานงานคุณตอนไหน’
กวนตีนที่หนึ่ง! ทำมาเป็นจำไม่ได้ ต้องแคปรูปมาปาใส่หน้าเสียมั้ง!
‘ไม่แปลกใจค่ะที่ความจำสั้นขนาดนี้ เซลล์สมองคงไม่เยอะเหมือน...’
ไม่เอา ไม่พิมพ์ดีกว่า ลบทิ้งๆ
‘คุณจะมาทำเป็นลืมไม่ได้นะคะ เพราะคุณกล่าวหาฉันไว้เสียหายมาก ฉันต้องการคำขอโทษ แล้วแถลงการณ์ยืนยันว่างานของฉันไม่ได้เชิดชูระบอบปิตาธิปไตย สิ่งที่คุณทำมันกระทบชื่อเสียงในการทำงานของฉันมาก’
เธอต้องการสิ่งนี้มากกว่า ทว่าไอ้เวรตะไลกลับ...
‘ผมไม่เข้าใจเลย คุณหมายถึงเรื่องอะไร ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม’
โอ๊ย! รำคาญ!
ถึงกับปรี๊ดแตกขึ้นมาอีกที ไม่คิดเลยว่าการตีกับคนบ้ามันเหนื่อยขนาดนี้ อาคิราไม่อยากจะอธิบายอะไรแล้ว เธอสรุปรวบยอดตัดตอนเลยแล้วกัน
‘เอาเป็นว่าคุณจำไว้ให้ดีคุณเวร...อ๊ะ เวนไตย ว่าฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าฉันไม่ได้มีดีแต่เขียนงานอย่างทีคุณว่า และถ้าฉันทำออกมาแล้ว คุณไม่มีคำวิจารณ์ดีๆ มาโต้แย้งกับผลงานของฉัน เตรียมตัวถูกเสียบประจานได้เลย ถ้าคุณไม่ขอโทษฉันอย่างเป็นทางการ ก็ไปเจอกันที่ศาล ฉันรับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้น’
พิมพ์จบ ส่งข้อความเรียบร้อย ชิงบล็อกอีกฝ่ายไปก่อน เพราะการที่บล็อกอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เธอสามารถปลดบล็อกตอนไหนก็ได้ หมายความว่าเธอสามารถมาส่งข้อความป่วนประสาทคู่กรณีได้ทุกเมื่อ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่หญิงสาวรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างจากเพลิงโทสะที่เผาผลาญ
กล้าดีมาเสียบประจานเธอแบบผิดๆ คอยดูเถอะ เธอจะเสียบทีเดียวให้ชักดิ้นชักงอตายไปเลย!
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เพราะเจอกับทาร์ซานหนุ่มในฝูงลิงชิมแปนซีโดยบังเอิญ คณะสำรวจจึงมีมติเห็นชอบให้ศึกษาพฤติกรรมของ 'ลีโอ' อย่างละเอียด และหน้าที่ผู้สังเกตการณ์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก 'จรินทร์' นักสัตววิทยาหนุ่มน้องใหม่ไฟแรงของคณะ ดังนั้นบันทึกระหว่างเขาและคุณทาร์ซานจึงได้เริ่มต้นขึ้น... "กิน?" "ไม่ลีโอ อันนั้นกินไม่ได้" จรินทร์ชี้ไปที่ปากกาในมือของลีโอ ลีโอเปลี่ยนไปคว้าเอากระดาษทิชชูขึ้นมา "กิน?" "นั่นก็กินไม่ได้" ถูกสั่งห้าม ลีโอก็ขยับมาคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่จรินทร์นุ่งอยู่แล้วเลิกขึ้นสูงจนอะไรต่อมิอะไรโผล่ออกมารับลมเย็น "กิน?" จรินทร์ปรายตามองใบหน้าใสซื่อที่พยักพเยิดไปยังของสงวนของเขา พลันเม้มริมฝีปากไปครู่ก่อนจะว่าออกมา "อันนี้...กินได้" เจ้าป่าเจ้าเขาลงโทษแน่นอน!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"