“คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?” ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“คุณจะไปไหน?”
ในงานแต่งงาน ถังเลี่ยนรีบดึงตัวฉินซื่อหมิงที่หันหลังกลับเตรียมจะออกไปเอาไว้ ดวงตาของเธอดูเว้าวอนอย่างมาก
ในห้องจัดเลี้ยง ญาติและเพื่อนของทั้งสองฝ่ายได้นั่งประจำที่แล้ว นักบวชเพิ่งถามเจ้าบ่าวว่าเขาจะยอมแต่งงานกับเจ้าสาวหรือไม่ แต่แล้วฉินซื่อหมิงที่เป็นเจ้าบ่าวไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อนักบวชและรับโทรศัพท์เท่านนั้น เขายังจะออกไปในทันทีอีกด้วย
“ไป๋เวยรู้ว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน โรคซึมเศร้าของเธอจึงกำเริบขึ้นมาและจะกระโดดตึก ผมต้องไปช่วยเธอ”
ฉินซื่อหมิงพูดอย่างหมดความอดทนเต็มทนแล้ว จากนั้นก็ผลักถังเลี่ยนออก
ซึ่งการผลักครั้งนี้ทำให้ถังเลี่ยนเท้าแพลง เธอล้มลงไปกับพื้น แต่ก็ยังยื่นมือออกมาอย่างน่าเวทนาเพื่อพยายามจะรั้งเขาไว้
“วันนี้เป็นงานแต่งงานของเรานะ ถ้าคุณไปแล้วฉันจะทำยังไงล่ะ! อีกอย่าง คุณอย่าลืมนะว่า ไป๋เวยเคยนอกใจคุณมาก่อน เธอทำร้ายคุณถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมปล่อยวางและยังอยากจะไปหาเธออีกล่ะ?”
แววตาของฉินซื่อหมิงเย็นลงมากขึ้นเรื่อย ๆ “เรื่องของผมกับไป๋เวยไม่จำเป็นต้องให้คุณมาออกความคิดเห็น ต่อให้เธอจะทำผิดไปและทำร้ายผม คุณก็ยังสู้เธอไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
ถังเลี่ยนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันที
เธอรู้ว่าฉินซื่อหมิงยังลืมไป๋เวยไม่ลง แล้วเธอก็ไม่มีวันที่จะสำคัญเท่าไป๋เวยได้
“ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย!”
“ฉันขอร้องเถอะนะ งานแต่งงานกำลังจะจบลงอยู่แล้ว รอให้แลกแหวนกันเสร็จก่อน แล้วคุณค่อยไปก็ได้นี่!”
ฉินซื่อหมิงหลบมือที่ยื่นออกมาของเธอ แล้วก็พูดด้วยความรังเกียจว่า “คุณไม่มีความเป็นห่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่งเลยสักนิด คุณห่วงแค่เรื่องงานแต่งงานของคุณเท่านั้น ถังเลี่ยนคุณมันเลือดเย็นซะจนน่ากลัวจริง ๆ”
“งานแต่งงานถูกยกเลิกไป ค่อยจัดขึ้นมาใหม่ครั้งหน้าแล้วกัน”
ฉินซื่อหมิงเพิกเฉยต่อใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอโดยสิ้นเชิง เขาเดินพลางปลดดอกไม้ที่หน้าอกของออกไปด้วย ไม่ได้สนใจสายตาแปลก ๆ จากผู้คนรอบตัวที่มองมาเลยสักนิดเดียว
การที่เจ้าบ่าวจากไปแบบนี้ ทำให้คนในงานต่างเริ่มฮือฮาขึ้นมาทันที
“อย่า ฉันขอร้องล่ะ คุณอย่าไปเลยนะ ซื่อหมิง!”
“ถ้าคุณไปแล้ว ฉันจะทำยังไง!”
ถังเลี่ยนนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลอาบลงมาทับการแต่งหน้าอันประณีตของเธอไม่หยุดหย่อน
ผู้ชายที่เธอรักมาสามปี เลือกผู้หญิงอีกคนโดยไม่ลังเลและไม่คำนึงถึงหน้าตาของเธอและงานแต่งงานแต่อย่างใด
ฉินซื่อหมิงคำนึงถึงแค่ความสงสารและความอับจนหนทางของไป๋เวยเท่านั้น แต่เขากลับไม่ได้คิดเลยว่าตอนนี้เธอต้องอับอายและสับสนอยู่ในงานแต่งงานเพียงคนเดียวมากแค่ไหน
เวลานี้ มีดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองมาที่เธอ บางคนก็มองด้วยความเยาะเย้ยและความสงสาร แต่ยิ่งกว่านั้นบางคนก็กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของเธออยู่
ถังเลี่ยนไม่เคยต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อนเลย!
ถังเป่ยซานผู้เป็นพ่อเดินเข้ามา ถังเลี่ยนคิดว่าเขาจะมาปลอบเธอ แต่เธอกลับไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะจ้องมองตามาเขม็งพลางด่าทอเธอขึ้นมาว่า “แค่ผู้ชายคนเดียวยังเอาไว้ไม่อยู่เลย ฉันมีลูกสาวแบบแกได้ยังไงเนี่ย!”
ถังเป่ยซานโมโหเดือดดาลอย่างมาก หลังจากด่าทออยู่หลายประโยคจนจบ เขาก็ดึงหวงฉินผู้เป็นภรรยาของเขาออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ส่วนถังเข่อซินผู้เป็นน้องสาวก็ได้เดินออกมาจากฝูงชน แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาว พี่นี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ เลยนะ! ในงานแต่งงาน เจ้าบ่าวดันหนีไปจนพี่โดนคนหัวเราะเยาะเต็มไปหมด อย่าว่าแต่คุณพ่อคุณแม่จะโกรธเลย ฉันเองก็ขายหน้าไปด้วยเหมือนกัน!”
หลังจากพูดจบ ถังเข่อซินก็หันหลังและจากไปเช่นกัน
……
สมาชิกของถังเลี่ยนทั้งหมดได้เดินจากไปแล้ว ทิ้งเธอที่เป็นเจ้าสาวเอาตัวในงานเพียงลำพัง ไม่มีใครให้การสนับสนุนเธอเลยสักคน ทางฝ่ายชายที่รู้สึกผิดอยู่ตอนแรก พอเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ยืดหลังตรงขึ้นมา
“เจ้าบ่าวหนีไป ส่วนพ่อแม่ก็ยังไม่สนใจอีก ฉันว่าเจ้าสาวเองคนนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ มิน่าล่ะฉินซื่อหมิงถึงได้ทิ้งไปแบบนั้นน่ะ”
“นั่นน่ะสิ ถ้าเธอเป็นผู้หญิงดี ๆ มีเหรอที่เจ้าบ่าวจะไม่ต้องการเธอน่ะ?”
“เธอนอกใจเจ้าบ่าวรึเปล่า ไม่อย่างนั้นเจ้าบ่าวจะทิ้งเธอไปได้ยังไง!”
แขกที่อยู่รอบตัวต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เธอ เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ถังเลี่ยนเป็นเหมือนตัวตลกที่มีแต่คนมาดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ย
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอึกทึกมาจากห้องข้าง ๆ
ถังเลี่ยนจึงหันหน้าไปมอง แล้วก็เห็นว่ามีเจ้าบ่าวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนวีลเชร์เพียงลำพัง นักบวชที่เป็นประธานในงานแต่งงานได้ถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “แล้วเจ้าสาวล่ะ?”
ถังเลี่ยนเช็ดน้ำตา จากนั้นก็ดึงพนักงานที่เดินผ่านไปมาถามว่า “เจ้าสาวในงานแต่งงานของพวกเขาไปไหนแล้วเหรอ?”
พนักงานเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นมาตามความเป็นจริงว่า “เจ้าสาวไม่ได้มาครับ ผมได้ยินมาว่าเป็นเพราะรับไม่ได้ที่สามีเป็นคนพิการ ก็เลยหนีงานแต่งงานไปแล้วครับ”
“จากนั้นเขาก็เลยรออยู่ที่นี่มาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ?”
พนักงานพยักหน้า เธอจึงขอบคุณเขาไป
เจ้าบ่าวที่นั่งอยู่บนวีลแชร์หันหลังให้เธออยู่ ระหว่างพวกเขาสองคนห่างกันพอสมควร เธอไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของชายคนนั้นได้ในขณะนี้ แต่เธอรู้ว่าการถูกทอดทิ้งนั้นต้องรู้สึกแย่มากแค่ไหน
พวกเขาสองคนมีความคล้ายคลึงกันมากจริง ๆ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นคนน่าสงสารที่ถูกทอดทิ้งไปเหมือนกัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของถังเลี่ยนก็ดูขึงขังขึ้นมาทันที
ต่อให้จะรักกันมาสามปีแล้วยังไงเหรอ ฉินซื่อหมิงก็ยังทรยศความสัมพันธ์ของเธอกับเขาได้เลย แล้วทำไมเธอต้องภักดีด้วยล่ะ!
ไม่ใช่ว่าเธอจะขาดฉินซื่อหมิงไม่ได้สักหน่อย เธอก็ยังมีทางเลือกอื่นอีก!
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืนมา แขกผู้มีเกียรติที่กำลังกระซิบกระซาบและเยาะเย้ยเธออยู่ก็เงียบไปทันที
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ถังเลี่ยนโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เห็นว่าเธอยกชายกระโปรงขึ้น จากนั้นก็เดินตรงไปยังงานแต่งงานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เมื่อเห็นเจ้าสาวคนหนึ่งที่สวมชุดแต่งงานสีขาวเดินเข้ามา แขกฝั่งเจ้าบ่าวก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงฮือฮาขึ้นมา เขาจึงหมุนวีลเชร์หันตัวมาช้า ๆ
ถังเลี่ยนหยุดเดิน แล้วก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอ แววตาของเธอแสดงความประหลาดใจขึ้นมา จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปและพูดว่า “สวัสดีค่ะ ฉันได้ยินมาว่างานแต่งงานของคุณขาดเจ้าสาวอยู่ เจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปพอดี ถ้างั้นเราสองคนมาแต่งงานกันเถอะค่ะ”
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เตชินเคยเป็นลูกคนใช้ในบ้านของจันทร์เจ้า เธอดูถูกเขาสารพัด เมื่อโตขึ้นเขาออกจากบ้านของจันทร์เจ้าสร้างฐานะขึ้นมาจนร่ำรวย และวันหนึ่งเรื่องกลับพลิกเมื่อบ้านของจันทร์เจ้าล้มละลาย เขาอยากแก้แค้นเธอจึงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นนางบำเรอและมาทำงานให้เขาในฐานะเลขาคนหนึ่ง เธอถูกเขาดูถูกสารพัดทั้งยังย่ำยีเธอบนเตียงทุกคืนวัน แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น โดยยังหวังให้จันทร์เจ้าเป็นนางบำเรอ แต่จันทร์เจ้าตกหลุมรักเขาแล้ว เธอไม่สามารถทนเห็นเขาอยู่กับคนอื่นได้ เธอจึงคิดหนี!
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
"คุณคงไม่ได้หมายถึงให้ผมนอนกับคุณ" "แต่ครีมหมายถึงแบบนั้น นอนกับครีมได้ไหมช่วยทำให้ครีมลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกับครีมได้ไหม" "คุณเมามากและผมจะไม่นอนกับคุณเพราะคุณเมา" "คุณก็คงรังเกียจใช่ไหม" "เปล่าแค่ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ" "ครีมเข้าใจ ครีมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ สุดท้ายแล้วคืนนี้ครีมก็ต้องอยู่คนเดียว" เสียงที่ฟังเหมือนกำลังเสียใจ น้อยใจทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะเดินออกจากห้องนี้ไปเลย