มุมมองของซือเจียเหลย:
วันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันดีขึ้นมากแล้ว ฉันจึงไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์
ตอนสิบโมงตรง ฉันเพิ่งจะเดินเข้าไปในสตูดิโอ หลังจากนั้นไม่นาน การบันทึกรายการก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
แขกรับเชิญวันนี้เป็นนักธุรกิจที่ช่างพูดมากคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน แต่ท่าทางของเฉินหลีซือกลับดูเย็นชาตลอดเวลา
ให้ตายเถอะ! ขณะที่กำลังจัดรายการอยู่ฉันก็นึกถึงเฉินหลีซือขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อตระหนักได้ว่าฉันไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาซะเลย ฉันจึงรีบเอาเฉินหลีซือออกจากความคิดไปทันที
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง งานก็สิ้นสุดลง ผู้กำกับและทีมงานพอใจกับการแสดงออกของฉันมาก บอกว่าสถานีโทรทัศน์เหมือนได้พบของล้ำค่าเลย หากฉันทุ่มเทให้กับการทำงานในสถานีโทรทัศน์ อนาคตของฉันคงไปไกลแน่นอน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ชวนฉันไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ถือว่าเป็นการต้อนรับฉันอย่างเป็นทางการ แต่ฉันกลับปฏิเสธไป เพราะฉันเพิ่งมาทำงานที่สถานีโทรทัศน์เป็นวันแรก พนักงานใหม่คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีการเลี้ยงต้อนรับอะไร ฉันจึงไม่อยากทำตัวให้มันดูเกินหน้าเกินตาคนอื่น
ฉันจึงไปที่กินข้าวคนเดียวที่ร้านอาหารข้างสถานีโทรทัศน์ แต่ไม่คาดคิดเลยว่า พอไปถึงร้านอาหารแล้ว ฉันก็เห็นเหรินธาเดินเข้ามา
ฉันมองไปรอบ ๆ แล้วก็พบว่านอกจากบอร์ดี้การ์ดจำนวนหนึ่งที่คอยตามหลังเธออยู่ ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว
เหรินธานั่งลงตรงข้ามฉันโดยไม่ได้ถามอะไรก่อนเลย
“ซือเจียเหลย บังเอิญจังเลยนะ”
“ทำไมเฉินหลีซือไม่มาด้วยล่ะ?” ฉันไม่ได้อยากจะทักทายกับเธอเลย ก็เลยถามตรงประเด็นไปเลย