“อะไร?”
เฟิงหยุนเหนียนขมวดคิ้ว ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายขอหย่าก่อน ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเมื่อคืนนี้เธอเพิ่งจะวางยาเขา แล้วเธอจะมาเล่นแง่อะไรตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้!
“เธอเป็นบ้าอะไร?”
เซิ่งเกอชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา เห็น ๆ อยู่ว่าเธอตัวเล็กกว่าเขามาก แต่รังสีจากตัวเธอที่ปล่อยออกมาในตอนนี้กลับไม่น้อยไปกว่าเฟิงหยุนเหนียน
“คุณก็อยากหย่มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อตอนแรกเป็นเพราะคุณถูกคุณท่านบังคับให้แต่งงานกับฉัน งั้นตอนนี้คุณท่านก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีใครห้ามคุณไม่ให้แต่งงานกับมู่จือหนิงได้แล้ว หรือว่าคุณไม่อยากให้มู่จือหนิงมีตัวตนรึไง?”
เฟิงหยุนเหนียนเม้มริมฝีปาก แล้วก็ชำเลืองสายตาจับจ้องมาที่เธอ
เธอหวังดีสละสถานะของตัวเองไปจริง ๆ เหรอ?
เมื่อเห็นว่าแววตาของเธอที่จริงจังไม่เหมือนกับกำลังแสร้งพูด เขาก็สบถหึขึ้นมาเบา ๆ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน”
เซิ่งเกอหัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างเย็นชา เธอไม่เคยรู้สึกแน่วแน่เท่านี้มาก่อนเลย
“สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกเสียใจก็คือฉันเลือกที่จะแต่งงานกับคุณในตอนนั้น”
หลังจากพูดจบเธอก็หันหัว และเดินออกจากประตูไปทันที แผ่นหลังของเธอดูแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมาก
เฟิงหยุนเหนียนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเธอ มองอยู่เป็นเวลานาน
ในอดีตตอนที่ผู้หญิงคนนี้เจอเขา เธอมักจะดูเป็นคนที่อารมณ์ดี เข้ากับคนง่าย แสร้งทำตัวเป็นคนอ่อนโยนเหมือนโดนรังแกได้ง่าย แต่มาวันนี้ท่าทีของเธอกลับดูแข็งกร้าวอย่างคาดไม่ถึง
หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ จะเป็นการปรักปรำเธอจริง ๆ?
แต่ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใครไปได้
.......
ทั้งสองเดินตามกันไปที่สำนักทะเบียนในเช้าวันนั้น
เซิ่งเกอสวมเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากแผงลอยข้างถนนที่ทั้งดูน่าเกลียดทั้งเก่า เธอยืนอยู่กับเฟิงหยุนเหนียนที่สวมชุดสูทของปราด้าสีดำระดับไฮเอนด์ ทำให้ดูไม่เข้ากันอย่างเห็นได้ชัด เพราะเหตุนี้จึงดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายให้มองมาด้วยความแปลกใจ
แต่เซิ่งเกอไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว เธอคิดแค่ว่าอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วที่สุด
ในเวลาไม่เกินสิบนาที ในที่สุดการแต่งงานอันหนักหน่วงนี้ก็สิ้นสุดลงสักที
เมื่อมองไปที่ใบหย่าในมือที่ดูโดดเด่นสะดุดสายตา เซิ่งเกอก็ตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง
“ต่อไปเธอก็อย่าทำอะไรแย่ ๆ อีกล่ะ”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา ตอนที่เซิ่งเกอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ชายคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เขาไม่มีแม้แต่ประโยคที่จะรั้ง ไม่มีแม้แต่สายตาที่มองมา ราวกับว่าเขาไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
เธอส่ายหน้าพลางหัวเราะขึ้นมาคนเดียว
ในเมื่อเขาไร้ความรู้สึกขนาดนี้ ต่อไปถ้าเจอกันอีก ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้นพอ
เธอสลัดความคิดทุกอย่างออกไปจากหัว แล้วก็ยกเท้ากำลังจะเดินไปถึงริมถนน
ทันใดนั้นรถเบนท์ลีย์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแบบยาวพิเศษคันสีดำก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
พอประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวครึ่งหัวที่มีบอดี้การ์ดสี่คนคอยคุ้มกันอยู่ก็เดินเข้ามาหาเธอ
เมื่อเซิ่งเกอเห็นชัดแล้วว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา เธอก็เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นตัวเธอก็ดูมีสง่าราศีสูงส่งขึ้นมา ประหนึ่งว่ามีมาตั้งแต่เกิดอย่างไรอย่างนั้น “พ่อนี่ช่างหูไวตาไวจริง ๆ เลยนะคะ หนูเพิ่งจะหย่าไปเมื่อกี้พ่อก็มาหาหนูถึงที่ซะแล้ว”
ลุงหลินที่เป็นพ่อบ้านยิ้มขึ้นมาอย่างประจบประแจง แล้วก็โค้งคำนับให้เธอพลางพูดขึ้นมาว่า “คุณหนู ระยะเวลาสามปีที่คุณหนูตกลงไว้กับนายท่านถึงกำหนดแล้วนะครับ......”
เขาเงียบไปชั่วครู่ แล้วก็มองไปที่ใบหย่าในมือของเซิ่งเกอ
จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นพูดขึ้นมาอย่างเสียดายว่า “ดูเหมือนว่าคุณหนูคงจะไม่สามารถทำให้เฟิงหยุนเหนียนตกหลุมรักคุณหนูได้สินะครับ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คุณหนูก็คงจะต้องทำตามสัญญา ต้องกลับไปที่เมืองสเตลล่าเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัวแล้วล่ะครับ”
เซิ่งเกอขมวดคิ้ว แล้วก็เงียบไปเป็นเวลานาน
ตอนอายุสิบห้า เธอถูกคนทำร้าย จึงทำให้สูญเสียความทรงจำไป ก็เลยถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองฟอร์เดน หลังจากนั้นเนื่องจากเธอบังเอิญไปช่วยคุณท่านตระกูลเฟิงเอาไว้ คุณท่านจึงพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเฟิงด้วย จนกระทั่งเธอบบรลุนิติภาวะแล้ว เฟิงหยุนเหนียนก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอ
ในคืนวันแต่งงานของเธอกับเฟิงหยุนเหนียนได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น จู่ ๆ เธอก็ฟื้นความทรงจำกลับคืนมาได้ แต่ที่น่าตลกก็คือ ตอนนั้นเธอตกหลุมรักเฟิงหยุนเหนียนไปทั้งหัวใจแล้ว เธอจึงปฏิเสธที่จะกลับไปกับลุงหลิน แล้วสุดท้ายเธอก็ทำข้อตกลงกับพ่อของเธอเอาไว้เป็นเวลาสามปี
พอมาคิด ๆ ดูในตอนนี้ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รักเธอเลย เสียเวลาไปสามปีโดยเปล่าประโยชน์
“นายท่านคิดถึงคุณหนูมากเลยนะครับ คุณหนูกลับไปกับผมเถอะนะครับ อย่าใช้อารมณ์กับนายท่านอีกเลย นายท่านเขา.......”
“ลุงหลิน”
เซิ่งเกอขัดจังหวะเขาขึ้นมาทันที พอพูดถึงเรื่องในอดีต สีหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ “เขามีผู้หญิงคนนั้นอยู่เคียงข้างอยู่แล้ว แล้วตระกูลลู่ก็ไม่ต้องการคนไร้ค่าอะไรอย่างฉัน ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำในเมืองฟอร์เดนอีก ฉันไม่กลับ”
ใครที่เป็นคนทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ และอาศัยอยู่ในเมืองฟอร์เดนในตอนนั้น ช่วงสองปีมานี้เธอได้ไปแอบตรวจสอบมาแล้ว แล้วเธอก็รู้มาว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่คน ๆ นั้นจะอยู่ในลู่ซือ กรุ๊ป แต่สรุปแล้วจะเป็นใคร เธอก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ตอนนี้ศัตรูอยู่ในความมืด เธออยู่ในที่โล่ง การกลับไปที่ตระกูลลู่นั้นอันตรายเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่อยากกลับไปมองตาปริบ ๆ กับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว
ลุงหลินถอนหายใจออกมา “นายท่านเดาไว้ไม่มีผิดจริง ๆ คุณยังคงโกรธเขาอยู่ แล้วก็ต้องไม่ยอมกลับไปง่าย ๆ แน่”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบบัตรสีดำทองใบหนึ่งออกมาด้วยความเคารพ “นี่คือบัตรธนาคารของคุณ ในนั้นมีเงินอยู่สามหมื่นล้าน ยังไม่ได้ถูกย้ายออกไปไหนครับ”
จากนั้นเขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วบอดี้การ์ดก็ยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับเซิ่งเกออย่างรวดเร็ว