เฟิงหยุนเหนียนขมวดคิ้ว เขาเคยบอกตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอเขาอยากจะทอดทิ้งเธอ? ทำไมเธอถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?
เขาที่กำลังงุนงง ในขณะที่เขากำลังจะตามไปพูดให้มันเคลียร์ ขากางเกงสแล็คของเขาก็มีคนจับเอาไว้จากด้านหลังแน่น
“อาหยุน...... ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว”
มู่จือหนิงที่อยู่บนพื้นเงยใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่าเวทนาของเธอขึ้นมา แล้วก็พูดอธิบายอย่างอ่อนแรงพลางสะอึกสะอื้นไปด้วย “ฉันก็แค่กลัว ... ฉันกลัวว่าสามปีที่ฉันไม่อยู่ คุณจะชอบเซิ่งเกอขึ้นมาจริง ๆ แล้วฉันก็กลัวว่าคุณจะไม่ต้องการฉันแล้ว.....”
เฟิงหยุนเหนียนขมวดคิ้ว พอก้มหน้ามองลงไปก็เห็นแก้มที่บวมขึ้นมาเล็กน้อยของเธอ แววตาของเขาก็ดูหวั่นไหวเล็กน้อย เขาจึงยื่นมือออกไปเพื่อช่วยประคองเธอลุกขึ้นมา น้ำเสียงของเขามีความอ่อนโยนมาก
“ผมเคยบอกแล้วไงว่า ผมจะให้สถานะกับคุณ เรื่องหย่าไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ครั้งนี้คุณใจร้อนเกินไปนะ”
มู่จือหนิงคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ แล้วก็ทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง แต่ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายใครเลยนะ ฉันก็แค่ใช้วิธีที่ผิดไปเท่านั้น อาหยุน..... คุณยกโทษให้ฉันเถอะนะ!”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เธอก็เข้าไปซบที่อ้อมอกของเขาด้วยท่าทางอ่อนแอ พลางโชว์ไหล่ที่ขาวราวกับหิมะของเธอเป็นการลองใจไปด้วย
ดวงตาสีดำคู่นั้นของเฟิงหยุนเหนียนดูชะงักไปทันที เขาเกือบจะผลักเธอออกอย่างอัตโนมัติ
“อาหยุน!”
ดวงตาของมู่จือหนิงแดงมากยิ่งขึ้น เธอจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ หรือว่าตอนนี้เขาจะต่อต้านเธอไปแล้ว?
เธอไม่พอใจมาก
ทำไมเมื่อคืนเซิ่งเกอถึงยังทำได้ แล้วทำไมเธอแค่เข้าใกล้ และลองใจแค่นี้ไม่ได้!
“พอได้แล้ว”
เฟิงหยุนเหนียนจับมือเธอเอาไว้ ดวงตาที่เย็นชาของเขาหรี่ลง เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
“อาหนิง ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่า คุณจะใช้วิธีแบบนี้ แล้วพูดประชดประชันแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนคุณก็เป็นคนจิตใจดี”
มู่จือหนิอึ้งไป แต่แล้วเธอก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าครั้งนี้เธอทำให้เขาโกรธจริง ๆ
เฟิงหยุนเหนียนเป็นผู้ชายที่มีขอบเขตและหลักการเป็นของตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่คววามอดทนของเขาถึงขีดจำกัด อาจจะทำให้เขาเกลียดเธอมากยิ่งขึ้น
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะ! ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันผิดจริง ๆ ฉันก็แค่ขาดสติไปชั่วขณะ ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้ว อาหยุนถือซะว่าเห็นแก่ช่วงเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ที่ฉันช่วยคุณเอาไว้เถอะนะ ให้โอกาสฉันได้แก้ไขตัวเองอีกสักครั้งนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องหลายปีก่อนขึ้นมา ดวงตาของเฟิงหยุนเหนียนก็เห็นภาพสายตาที่เป็นประกายแน่วแน่ของเธอในตอนนั้นขึ้นมา เห็น ๆ อยู่ว่าเธอเป็นคนตัวเล็ก ๆ แต่เธอกลับกล้าออกตัวมาปกป้องเขาได้
ช่างเถอะ
แววตาของเขาค่อย ๆ ดูอ่อนโยนมากขึ้น “คิดซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน ต่อไปห้ามทำผิดซ้ำอีก”
มู่จือหนิงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที ตอนที่เธอกำลังจะออดอ้อนเขา เธอก็เห็นเขาหงายฝ่ามือกางออก แล้วยื่นมาตรงหน้าเธอ
“เอากุญแจมา”
สีหน้าของเธอชะงักไปทันที เมื่อกี้นี้เธอเธอกำลังจะแก้ต่าง แต่แล้วกลับถูกเฟิงหยุนเหนียนตัดบทขึ้นมาซะก่อน “ผมรู้นะว่าหลิวเหนียนถือวิสาสะให้กุญแจวิลล่ากับคุณไป เอามาซะ”
หลิวเหนียนคือผู้ช่วยของเฟิงหยุนเหนียน ทำงานอยู่กับเขามาหลายปีแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาเดาถูก มู่จือหนิงก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมหยิบกุญแจออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“ต่อไปอย่ามาที่วิลล่านี้อีก ผมจะรีบจัดหาที่อยู่ใหม่ให้คุณโดยเร็วที่สุด วันนี้คุณคงจะเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมเถอะ”
ก่อนที่มู่จือหนิงจะทันได้พูดขึ้นมา เฟิงหยุนเหนียนก็เรียกคนขับให้ไปส่งเธอทันที
หลังจากมู่จือหนิงไปแล้ว หลิวเหนียนที่ยืนอยู่ในสวนถึงได้เข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วก็มายืนอยู่ตรงหน้าเฟิงหยุนเหนียน รอฟังการตำหนิจากเขา
เฟิงหยุนเหนียนชำเลืองไป แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมาตัดสินใจแทน ถ้ายังมีครั้งต่อไป นายไสหัวออกไปจากที่นี่ได้เลย”
“ครับ”
เขาดึงเนคไทออกด้วยความหงุดหงิด แล้วก็คาบบุหรี่ไว้ที่ปาก แต่ในสมองของเขากลับมีภาพสายตาของเซิ่งเกอตอนก่อนที่จะออกไปฉายชัดขึ้นมา
สายตาที่เย็นชาคู่นั้น มันบาดตาบาดใจเขามาก
หรือเป็นเพราะที่เขาไปใส่ร้ายเธอ เธอถึงได้ตั้งสินใจที่จะหย่า?
แถมยังจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอีก ไม่ยอมรับเงินสักสตางค์เดียว เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าถ้าเธอไม่มีเงิน เธอจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้น่ะ?
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะสนหรอกนะว่าเธอจะอยู่หรือตาย แต่เขากลับรู้สึกแน่นอก เหมือนกับรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดชะมัด “ส่งคนไปหาเซิ่งเกอ ถ้าหาเจอแล้วมารายงานฉันทันที แล้วก็อีกเรื่อง โอนวิลล่าหลังนี้ให้เป็นชื่อของเธอด้วย ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยของฉันที่ให้เธอสำหรับการหย่า”
“ครับ”
.......
เมื่อเซิ่งเกอหาที่อยู่ของแองเกิล อินเตอร์เนชั่นแนลเจอบนอินเทอร์เน็ต เธอก็ขึ้นแท็กซี่ไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางทันที
ในเมื่อเธอรับปากเอาไว้แล้วว่าจะเข้ามารับช่วงต่อบริษัทนี้ เธอก็ควรจะมาทำความเข้าใจสถานการณ์ให้เร็วหน่อย จะได้รีบดำเนินการให้มันเสร็จสิ้นและส่งมอบไปโดยเร็ว
เมื่อมาถึงชั้นล่างของบริษัท เซิ่งเกอ เธอก็เดินเข้าไปทักทายที่แผนกต้อนรับ “แจ้งประธานคนปัจจุบันของพวกคุณว่า ฉันต้องการพบเขา”
สีหน้าของพนักงานต้อนรับดูสตั้นไปเลย แล้วเธอก็มองพิจารณาเซิ่งเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า
แม้เธอจะมีใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามมาก แต่เสื้อผ้าของเธอรวม ๆ แล้วไม่เกินสองร้อยเลย แล้วจะมาขอพบท่านประธานตั้งแต่ประโยคแรกที่เข้ามาแบบนี้ เธอไม่รู้สึกเก้อเขินอะไรบ้างเลยรึไง!
“คุณมีนัดเอาไว้รึเปล่าคะ?”
เซิ่งเกอส่ายหน้า “ไม่มี”
เมื่อหนักงานที่แผนกต้อนรับได้ยินเช่นนี้ เธอก็เกือบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ “ไม่ได้มีนัดเอาไว้ แล้วคุณยังจะกล้ามาทำตัวอวดดีที่แองเกิล อินเตอร์เนชั่นแนลอีกเหรอคะ? คิดว่าตัวเองเป็นใครวิเศษเลิศเลอมาจากไหน ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวซะบ้าง!”
คำพูดที่รุนแรงและหยาบคายเหล่านี้ทำให้เซิ่งเกอถึงกับขมวดคิ้ว และพูดขึ้นมาว่า “ปกติแล้วคุณต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ?”