เมฆมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนด้วยท่าทางนิ่งเรียบ สายตาที่มองตามไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เขากับชินต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน จนเป็นภาพชินตาของใครต่อใครหลายคน ชินเป็นคนเรียนรู้เร็ว รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จนกลายเป็นคนรู้ใจและทำให้เขาทุกอย่างโดยไม่ต้องบอกซ้ำ เขายังจำเรื่องราวเหตุการณ์เมื่อสองก่อนได้เป็นอย่างดี
@เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน
“แฮ่ก แฮ่ก!!!!”
เสียงหอบหายใจจากความเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่ชินวิ่งหนีแก๊งหนี้นอกระบบที่มาดักรอเวลาที่เขาเลิกงานยามดึกในคืนหนึ่ง ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินออกมาจากบริเวณร้านด้วยซ้ำ สายตาคมก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่คุ้นตายืนรออยู่ทางด้านหน้า ชายหนุ่มจึงเดินก้าวเท้ายาวแกมวิ่งหนีออกไปทางหลังร้านบริเวณที่จอดรถวีไอพีเพื่อหนีออกไปช่องทางด้านหลังที่เคยทำเป็นประจำ ไม่มีใครรู้เส้นทางหนีทีไล่นอกจากพนักงานในร้านเท่านั้น
“อ๊ะ...ขอโทษครับ”
“เดินยังไงของมึงไม่มีตาหรือไงวะ”
เมฆชายหนุ่มร่างโตเจ้าของใบหน้าหล่อคมคายราวกับรูปปั้นกรีก สูงโดดเด่นเกินใคร เมฆอยู่ในชุดทำงานแต่ดึงชายเสื้อออกมาหลุดลุ่ยและพับแขนเสื้อไว้เพียงข้อศอก รูปร่างสมส่วนของเขาสะกดสายตาทุกคนได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้กระทั่งในตอนนี้ เขาดูหล่อเย็นชา และดูน่ากลัวมากสำหรับสายตาของชิน เมฆชักสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่เสร็จกามกิจกับสาวสวยที่เขาเลือกไว้ในคืนนี้ ชายหนุ่มกำลังจะเดินไปยังที่จอดรถส่วนตัว แต่ต้องชนเข้าอย่างจังกับร่างของใครคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มหน้าตาดีใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลา แต่งชุดฟอร์มของคลับวิ่งกระหืดกระหอบมาทางด้านหน้า ชนเข้ากับอกแกร่งของชายร่างโตที่กำลังจะเดินไปยังที่จอดรถส่วนตัวอย่างแรง จนคนที่ชนที่มีท่าทางรีบร้อนดูลุกลี้ลุกลนไม่ทันระวังตัวเซไปอย่างแรง แต่เจ้าของอกแกร่งคว้าเอวเอาไว้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงไปเสียเอง ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ได้มองหน้าคู่กรณีด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่มองไปทางด้านหลังลักษณะท่าทางเหมือนกำลังหนีใครสักคน พอตั้งสติได้จึงเพียงแค่เอ่ยคำขอโทษแล้วจะผละไป
เมฆมองคนในอ้อมแขนแข็งแรง ที่มีท่าทางร้อนรนเหมือนกำลังหนีเอาตัวรอดจากอะไรบางอย่าง ไม่รอให้เขาได้สันนิษฐานนาน เสียงร้องโหวกเหวกโวยของกลุ่มชายฉกรรจ์ พร้อมกับอาวุธครบมือ ชายหนุ่มมองอย่างขัดเคืองใจแค่วิ่งตามไล่ล่าคนเพียงคนเดียวต้องถึงกับมีอาวุธปืน ดูแล้วขัดตาเขาอยู่ไม่น้อย
“เฮ้ย!! มันอยู่นั่น หยุดนะโว้ย”
เสียงตะโกนร้องโหวกเหวกบอกพรรคพวกตน เมื่อเห็นร่างของคนที่พวกมันกำลังตามหา ทำให้ชินที่กำลังตกใจกลัวหันไปมองกลุ่มคนดังกล่าว รีบดิ้นออกจากวงแขนแข็งแรงของคนร่างโตทันที
ชินรีบผลักอกแกร่งเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่ทว่าเจ้าของร่างแกร่งกลับไม่ยอมปล่อยให้ไปโดยง่าย มือหนารั้งเอวบางของอีกฝ่ายไว้แน่น สายตาคมดุจ้องตาอีกฝ่ายราวต้องการสะกดให้อยู่นิ่งๆ
“จะไปไหน ชนกูแล้วคิดจะหนีเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับคนตัวโตเป็นครั้งแรกก่อนจะอุทานออกมาเสียงเบาราวกระซิบ
“เฮียเมฆ!” น้ำเสียงและท่าทางตกใจของชิน ทำให้คนร่างโตยกยิ้มร้าย เด็กในเบลคลับไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเขา เมฆา หรือเรียกกันว่าเฮียเมฆ เพราะเขาเป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นแขกวีไอพีของที่นี่
“เอ่อ...ผมขอโทษจริงๆครับเฮีย ปล่อยผมก่อนเถอะนะครับ” น้ำเสียงขอร้องแกมวิงวอนพร้อมกับสายตาคู่สวยที่จ้องมองมาทำให้หัวใจหนุ่มร่างโตกระตุกไปทันที
“ทำไมกูต้องปล่อย แล้วนี่ไปขโมยอะไรของเขามาหรือเปล่าถึงได้ถูกตามล่าเป็นหมาจนตรอกแบบนี้” อีกฝ่ายดูเหมือนแกล้งถ่วงเวลาเขาไว้มากกว่า ชินทำหน้าไม่พอใจแกมตัดพ้อที่ทำให้เขาหนีพวกนั้นไม่ทัน
“พวกมันมาแล้ว ปล่อยผมก่อนได้โปรด" ชินเอ่ยขอร้องแกมวิงวอน สายตาคู่สวยไหวระริก
“มึงทำรองเท้ากูเลอะ” ชินชะงักมองเท้าตัวเองที่กำลังเหยียบอยู่บนรองเท้าหนังสีดำมันวาวราคาแพงลิบลิ่วที่เขาทำงานเป็นปีก็ยังซื้อไม่ได้ เขาไม่เคยมีของใช้ราคาแพงอยู่แล้ว แต่ที่รู้เพราะว่ามีลูกค้าวีไอพีไม่กี่คนที่จะใช้ของแพงมากมายขนาดนี้ได้ ซึ่งเขาเองก็ต้องเรียนรู้หาข้อมูลประดับความรู้ตนเองไว้บ้าง
“ผมขอโทษ” เพราะมัวแต่พะวงเขาไม่ทันสังเกตว่าตัวเองกำลังเหยียบเท้าคนตรงหน้า
“เช็ดให้กูก่อน”
เมฆเอ่ยบอกเสียงนิ่งอย่างใจเย็นสายตามองกลุ่มคนที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ ชินเตรียมท่าจะดิ้นออกจากอ้อมแขนแข็งแรงเพื่อหนีไปจากตรงนี้ แต่ก็ถูกบีบรัดแขนไว้อย่างแรงไม่ยอมปล่อย จนเขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“นึกว่าจะหนีไปได้ไกลซะอีกไอ้ไก่อ่อน”
เสียงหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างชายหนุ่มที่เขากำลังต้องการตัว ยืนอยู่ในอ้อมแขนของชายร่างโตที่ยืนหันหลังให้ แต่พออีกฝ่ายดันร่างอีกคนไว้ทางด้านหลังแล้วหันหน้ามา กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ต้องตกใจหยุดชะงักขาที่กำลังจะก้าวไปยังชินทันที
“เออ เฮียเมฆ ปล่อยไอ้เด็กนั่นมาให้พวกผมเถอะนะครับ เจ้านายผมมีเรื่องต้องสะสางกับมัน มันไม่เกี่ยวกับเฮีย” คนที่ตัวโตที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีถ่อมตน แต่ลูกน้องทุกคนกับเตรียมอาวุธในมือพร้อมและกระจายตัวอ้อมพวกเขาไว้
“ไม่นะ...เฮียช่วยผมด้วย”
ชินดึงปลายเสื้อของอีกฝ่ายที่หลุดลุ่ยไว้อย่างต้องการที่จะหลบภัยและให้เขาปกป้อง ร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวจนอีกคนรู้สึก ชินมองเขาอย่างขอร้องเมื่อคิดว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะสู้รบปรบมือกับพวกคนเหล่านั้น เพราะเขาต้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัยเพื่อจะได้ไปเฝ้าแม่ที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล หากเป็นอะไรไปตอนนี้ใครกันที่จะเฝ้าแม่ของเขา ถึงแม้จะมีน้องสาวแต่เขาก็ไม่อยาก ให้เธอหยุดเรียนอีก เพราะถ้าหากรู้ว่าแม่อาการทรุดหนัก ซันไซน์น้องสาวคนเดียวก็จะต้องดื้อไม่ยอมฟังและจะมาอยู่เฝ้าผู้เป็นมารดาไม่ยอมไปเรียนอย่างแน่นอน
“แล้วทำไมกูต้องทำตามคำขอของมึงด้วย”
ชินเองก็ไม่รู้ว่าจะให้เหตุผลอีกฝ่ายอย่างไรเพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว อีกทั้งเขาต่างหากที่รู้จักเฮียเมฆเพียงฝ่ายเดียว ถึงแม้เขาจะทำงานในคลับและไม่ได้มีหน้าที่อยู่ต้อนรับในโซนวีไอพีก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เฮียเมฆมาที่คลับทุกคนในร้านโดยเฉพาะพวกสาวๆก็จะรู้และพากันแอบมองชม้ายชายตากันอยู่เสมอ ขนาดเขาเป็นผู้ชายด้วยกันยังแอบชื่นชมในความหล่อล่ำของคนตรงหน้าอยู่บ่อยๆ
เมฆมองหน้าชายหนุ่มที่เพิ่งจะวิ่งชนเขา สลับกับกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้านับสิบนิ่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาและหันไปบอกคนที่พูดกับเขาก่อนหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“กูยังต้องเคลียร์กับไอ้หน้าอ่อนนี่ก่อน”
เมฆพูดอย่างใจเย็นสีหน้าไม่ได้เกรงกลัวฝั่งนั่นเลยสักนิด ก่อนจะหันมาทางคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังด้วยสีหน้าเย็นชายะเยือกจนชินรู้สึกหวาดกลัว
“ว่าไง” คนถามเลิกคิ้วคมเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ดูน่ามองเสียจนชินต้องตะลึง
“ห๊ะ” ชินทำหน้ายุ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขากลับบังคับให้ตนเองมาเช็ดรองเท้าให้
“ยืนงงอะไร กูบอกว่าให้มึงเช็ดรองเท้าให้กูก่อน แล้วให้สะอาดด้วยนะ” เสียงสั่งเข้มมีพลังเอ่ยบอกคนตรงหน้าสีหน้าแววตาดุดันน่ากลัว
“ไม่!! ผมไม่เช็ด” ชินสะบัดเสียงออกไปอย่างไม่พอใจ ช่วยก็ไม่ช่วย แล้วจะมาบังคับเขาเช็ดรองเท้าต่อหน้าพวกมันอีก เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด
“แน่ใจนะ” เสียงเข้มกดต่ำ ดวงตาเรียวดุสบตาเข้าไปในดวงตาคู่สวยของชินนิ่ง ราวกับจะแผดเผาร่างโปรงให้มอดไหม้เป็นจุน ท่าทางสีหน้าของเขาบ่งบอกว่าอันตรายมากแค่ไหน
“ถ้าอย่างนั้นพวกมึงตามสบายเลย เพราะกูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน”
เมฆเอ่ยบอกพวกแก๊งเงินกู้นอกระบบด้วยสายตานิ่งเรียบ ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ทางด้านหลัง แล้วแกะมือบางที่เกาะชายเสื้อเขาไว้ให้หลุดออก เดินผละออกไปยังรถของตัวเองอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองสักนิด เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์คันหรูดังกระหึ่ม ทำให้หัวใจชินหล่นไปกองอยู่ที่เท้า ความหวังริบหรี่และมอดดับไปเมื่อรถยนต์คันหรูได้เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
ชินมองตามร่างหนาที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมา ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีและคิดว่าไม่มีเหตุผลใดที่เมฆจะเข้ามาช่วยคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ และไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะเพิ่มศัตรูทั้งที่ไม่เกี่ยวกับตน ชินจึงรีบวิ่งตรงออกไปทางด้านหลังเข้าไปในความมืดอย่างไม่คิดชีวิต เส้นทางลัดมีเพียงพนักงานไม่กี่คนที่รู้ช่องทางหนีทีไล่ ชายหนุ่มลัดเลาะออกไปตามตรอกซอกตึก วิ่งหนีออกไปตามซอยโดยไม่สนทิศทางและไม่สนว่าจะไปโผล่ที่ใหน ขอแค่ให้รอดจากคืนนี้ไปให้ได้ก่อน
“ตามมันไป และจับมันให้ได้” เสียงร้องบอกพรรคพวกก่อนจะวิ่งตามร่างโปร่งที่วิ่งหายไปในความมืด
“เร็วเข้า!!!”
เสียงเรียกอยู่ทางด้านหลังบ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ชายหนุ่มจึงเร่งสปีดความเร็วของตัวเองเร่งฝีเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่ไม่ว่าจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ก็ไม่อาจหนีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่แยกย้ายกันตามไล่ล่าเขาได้ ในที่สุดชินก็ต้องจนมุมถูกรวบตัวจากทางด้านหลังจากชายกล้ามโตกำยำ
“ปล่อยกู!!”
ชายหนุ่มดิ้นขัดขืนอย่างสุดแรงเพื่อหนีออกจากการพันธนาการของพวกแก๊งเงินนอกระบบของเสี่ยโชค ในที่สุดเขาก็หนีพวกมันไม่พ้นจนได้ ชินเปลี่ยนงานมาไม่รู้กี่แห่ง ย้ายบ้านหนีไม่รู้กี่รอบ แต่ก็หนีพวกมันไม่ได้อยู่ดี
ก่อนหน้านี้ชีวิตของเขาได้เข้ามาพัวพันกับแก๊งของเสี่ยโชค เพราะชินได้ไปขอกู้เงินนอกระบบเพื่อนำมารักษามารดาที่ป่วยเป็นมะเร็ง และค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งก็สูงลิบลิ่วลำพังแค่เขาคนเดียวที่รับผิดชอบทั้งแม่และน้อง ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกจิปาถะ ถึงระยะหลังเฮียเบลให้งานให้ทิปพิเศษหนักๆแต่เขาก็ไม่พอใช้จ่ายอยู่ดี เพราะต้องหาเงินมาใช้ดอกเบี้ยโหดของเสี่ยโชค ที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดสักที
“กูทำอย่างที่มึงขอไม่ได้ มึงก็ยอมๆเสี่ยมันสิวะ หนี้ทั้งหมดเสี่ยเขาก็จะยกให้ มึงและแม่กับน้อง จะได้สบาย” ชายคนหนึ่งเอ่ยบอกด้วยความหวังดี เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่งแต่นอกนั้นมันก็ขึ้นกับชิน
“ฝันไปเถอะ...กูไม่มีวันทำเรื่องอัปยศอย่างว่าแน่”
“ก็แค่มึงนอนอ้าขาให้เสี่ยมันทีสองที เพื่อรักษาชีวิตของมึงและครอบครัวก็ยอมไปสิวะ”
“ถุย!!” ชินถุยน้ำลายพร้อมกับสีหน้าหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ต่อให้เขาตายเขาก็จะไม่ยอมทำตามความต้องการของเสี่ยโชคเด็ดขาด
“ให้กูตายไปเสียยังจะดีกว่าให้กูไปนอนอ้าขาให้มันเอา”
“เอาตัวมันไปให้เสี่ย” สิ้นเสียงคำสั่งของคนเป็นลูกพี่ ร่างของชินก็ถูกหิ้วปีกออกไปตามซอยเปลี่ยวที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่ไม่กี่เมตร ชายหนุ่มไม่มีทางขัดขืนเพราะเขาแทบไม่มีเรี่ยวแรง กลางคืนเขาต้องทำงานและกลางวันต้องไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล แทบไม่ได้หลับได้นอนติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน นี่เขากำลังมาถึงจุดตกต่ำของชีวิตแล้วจริงๆใช่ไหม!!!