ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านใน แต่มันเป็นการเสียเวลาเปล่าหากจะเดินไปดูให้
วมบนร่างกายลวกๆ “ไปเสียทีสิยะ หรือต้องรอให้ใครโ
าแบมือไว้ตรงหน้
ระเป๋ากระโปรง หยิบเศษเงินโยนให้คำแปง แล
แนบที่ริมฝีปาก ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังกึกก้อง...เวลาไม่ถึงชั่วโมง ก
ความทรง
มาจนชุ่ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา เรียวคิ้วโก่งขมวดเข้า ขมวดออก เหมือ
ห่อตัวยกมือกอดตนเองแน่น เมื่อจู่อุณหภูมิก็ลดลงจนน่าตระหนก...มันเย็นเฉียบชวนให้ขนลุกชัน ดลยาพยายามมองฝ่าความสลัว เ
ไง?” เธอกระซิบเสียงแห้ง พยายามเพ่ง
น้าของเธอ มีแต่ความเวิ้งว้าง ว่าง
ยาเหลียวซ้าย แลขวา เธอพยายามมองหาคนพูด อย่างน้อยเธอก็ยังม
่เหนือผิวดิน มันแหวกกว้าง ก่อนจะหุบฉับกลับ
ดมิด...ไม่มีแสงสว่างเพียงพ
องได้รับผลตอบแทน
ม ดลยาพยายามเพ่งมองหา แต่...ก็เหม
า จนคนคุ้นกับความมืดต้องรีบหยีต
ั่งผู้หญิงเช่นเธอ เขายืนจังก้าอยู่ตรงหน้า มีแสงสว่างเป็นแบล็
วามแค้นที่ผู้หญิงแพ
นกับว่าชายผู้นี้แค้นเธอมาแต่ชาติก่อน เขายัดเหยียดความคั่งแค้นนั่นใส่เธอ โดยที่ดลยาไม่เข้าใจ ใบหน้าก้มต่
ฝากความทรงจำแสนเล
อะ
วามหวาดระแวง “โธ่!! แค่ฝันเองดลเอ๋ย” ลมหายใจเป่าพรวดๆ ออกมา ด้วยความโล่งอก เมื่อสภาพรอบตัวคุ้นตา เธอ
ตะเชียว” ผ้าห่มผืนบาง
นไม่เคยลบเลือนไปจากใจ เขายังวนเว
ามโนต่อยอด...เป็นตุเป็นตะ ใบหน้าคมคายที่เค้าโครงมาจากคุณลุงเทียม เพียงแต่อ่อนเยาว์กว่า แลดูหนุ่มแน่น หญิงสาวถอนใจ ความทรงจำเลวร้า