เซิ่นเหยาพูดไปพลาง อิงแอบแนบเคียงกายของถิงหย่วนไปพลาง หัวใจของเธอพองโตราวกับดอกไม้บาน
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า หยุยเอินจะเป็นคนขอหย่ากับถิงหย่วนก่อน เเถมเธอยังฉีกหน้าเขาถึงขนาดนี้
เซิ่นเหยาเสียใจที่แต่ก่อนเธอเลิกรากับถิงหย่วนไป ในตอนนั้นเธอไม่ได้อยากเลิกกับเขาเลย เธอคิดว่า ถิงหย่วนจะรอเธอ เเต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะหันไปเเต่งงานกับหยุยเอินได้
พอได้รู้เรื่องนี้ เธอแทบจะเป็นบ้า ดังนั้น ตลอดสามปีที่ผ่านมานี้ เธอได้ให้ฝู้เชี่ยนเชี่ยนคอยจับผิดหยุยเอินอยู่เสมอ เธอให้ฝู้เชี่ยนเชี่ยนไปสร้างรอยร้าวระหว่างถิงหย่วนกับหยุยเอิน เพียงเพื่อทำให้ถิงหย่วนเกลียดเเละขยะเเขยงหยุยเอิน
ฝู้เชี่ยนเชี่ยนเป็นน้องสาวของฝู้ถิงหย่วน และเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเซิ่นเหยา ดังนั้น เชี่ยนเชี่ยนจึงยืนเคียงข้างเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
เซิ่นเหยากับถิงหย่วนรู้จักกันมานานหลายปีแล้ว เธอเข้าใจนิสัยที่เย่อหยิ่งของถิงหย่วนเป็นอย่างดี การที่หยุยเอินฉีกหน้าเขาอย่างรุนแรงเช่นนี้ แปลว่าพวกเขาจะต้องได้หย่ากันอย่างแน่นอน
ถ้าหยุยเอินคิดเปลี่ยนใจไม่หย่า เธอก็จะหาทางร่วมมือกับเชี่ยนเชี่ยนเพื่อทำให้พวกเขาหย่ากันให้ได้ เเต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ พระเจ้ากำลังเข้าข้างเธอพอดี เธอจึงได้จัดการกับหยุยเอินโดยไม่ต้องออกเเรงสักเท่าไหร่
พอหยุยเอินลงไปจากเวที ซูหนิงก็พาเธอขึ้นรถของพี่เลี้ยงและจากไป
ทันทีที่เธอขึ้นรถ หยุยเอินก็ทรุดตัวลงบนที่นั่ง เมื่อกี้เธอเครียดเเละเป็นกังวลมาก เธอกลัวว่า ตัวเองจะหนีไปจากตรงนั้นอย่างคนที่ขี้ขลาด แต่โชคดีที่เธอได้สร้างความอับอายให้กับถิงหย่วนต่อหน้าสาธารณชนได้สำเร็จ
ซูหนิงกอดแขนของเธอด้วยความเริงรื่น “ที่รัก เมื่อกี้เธอเท่มากเลย”
หยุยเอินพูดด้วยความอ่อนแรง “จริงเหรอ?”
เธอไม่คิดเลยว่า ท่าทางของตัวเธอจะเท่ได้ขนาดนี้ เธอเพียงต้องการเล่นละครให้เสร็จสิ้นเท่านั้น เพื่อให้ถิงหย่วนยอมหย่ากับเธอโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ซูหนิงควักโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา “จริง ๆ ฉันถ่ายวิดีโอไว้ให้เธอด้วย”
หยุยเอิน “……”
ซูหนิงดูวิดีโอที่เธอถ่ายไปพลาง ปากก็พูดด้วยความยินดีไปพลาง “ฮา ๆ ! เธอคงไม่รู้สินะว่า ใบหน้าของท่านประธานฝู้นั้น ดำอย่างกับถ่าน ชีวิตที่รุ่งโรจน์ของเขาอาจจะไม่เคยล้มเหลวขนาดนี้มาก่อน”
สายตาของหยุยเอินจ้องมองไปยังใบหน้าอันลุ่มลึกของชายในวิดีโอ ก้นบึ้งของหัวใจเธอรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ขึ้นมา
นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้มองถิงหย่วนอย่างจริงจังเเบบนี้ ต่อไปถ้าเธอกับเขาได้เจอกันเมื่อไหร่ เขาก็จะเป็นคนเเปลกหน้าของเธออย่างสมบูรณ์
เนื่องจากเมื่อวานนี้ หยุยเอินได้พูดเเบบนั้นไป ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าของฝู้ซื่อ กรุ๊ป เพื่อรอโอกาสสำคัญในการทำข่าวเกี่ยวกับการหย่าของถิงหย่วน
ถิงหย่วนปรากฏตัวที่ชั้นล่างของอาคารฝู้ซื่อ กรุ๊ปตอนแปดโมงครึ่งพอดี แว่นกันแดดขนาดใหญ่ปกปิดอารมณ์ในดวงตาของเขาไว้ทั้งหมด เหล่านักข่าวต่างพากันรุมเข้ามาถ่ายรูปถิงหย่วนกันอย่างดุเดือด แต่พวกเขากลับไม่พบคุณนายฝู้เลย
ในรูปที่เผยแพร่เมื่อคืนนี้ คุณนายฝู้นั้นสวมชุดสีแดงสด ดังนั้น พวกเขาจึงรอให้ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในเเบบเดิมอีกครั้ง
พอเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง ก็ผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกแก๊ป เธอใส่หน้ากากและใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ เเล้วรีบเดินเข้ามาที่ประตูอาคารของฝู้ซื่อ กรุ๊ป มีกลิ่นเหล้าฉุนจมูกลอยออกมาจากตัวเธอ นักข่าวต่างก็ขมวดคิ้ว
ยายขี้เหล้าคนนี้มาจากไหนกัน? มาทำอะไรที่นี่แต่เช้า?
พวกเขาไม่รู้เลยว่า ยายขี้เหล้าคนนี้ก็คือ คุณนายฝู้ คนที่พวกเขากำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่นั่นเอง เมื่อคืนหยุยเอินดื่มเหล้ากับซูหนิงจนถึงตีสาม เพื่อฉลองที่ตัวเธอจะได้พ้นทุกข์เสียที แน่นอนว่าที่เธอดื่มเหล้านั้น ก็เพื่อย้อมบาดแผลในจิตใจของเธอนั่นเอง
เธอรักถิงหย่วนมาตั้งสามปี ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่แค่พูดว่า ‘จบ’ แล้วมันจะจบได้จริง ๆ อย่างที่ต้องการ
ถิงหย่วนและทนายความกำลังรออยู่ในห้องรับรองวีไอพี หลังจากที่หยุยเอิน ผลักประตูเข้าไป เธอก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งของถิงหย่วน เธอจึงรีบกล่าวขอโทษอย่างร้อนรน “ขอโทษจริง ๆ เมื่อคืนฉันดื่มหนักไปหน่อย ก็เลยเพิ่งตื่น”
ถิงหย่วนรอเธอมาครู่นึงเเล้ว เขาหมดความอดทนมานานแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น “หยุยเอิน ที่คุณไปดื่มเหล้าย้อมใจเเบบนี้ก็เพราะว่า คุณเสียใจที่เราต้องหย่ากันใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ผมสามารถ……”