หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
ดวงตาคมเข้มของ ‘เดช’ ชายหนุ่มวัย 28 ปี ทอดมองข้าวที่ยืนต้นตายเพราะไม่มีน้ำ ดินแตกระแหงเป็นริ้วยาวสุดลูกหูลูกตา จนคาดเดาไม่ได้เลยว่าสัตว์น้ำจำพวก ปลา หอย ปู จะยังมีชีวิตให้หาจับหากินได้อีกหรือไม่ เพราะแม้แต่ผักพื้นบ้านที่เคยขึ้นอยู่แถวริมคันนาก็ไม่มีให้เห็น
เขามองทุกอย่างสะทดสะท้อนใจ อยากจะร้องไห้ แต่ลูกผู้ชายต้องอดทนให้มาก และภัยแล้งก็มาเยือนทุกปี เพียงแต่ปีนี้หนักหนาสาหัสเหลือเกิน อย่าว่าแต่น้ำทำนาเลย น้ำสำหรับใช้ในครัวเรือนก็แทบจะไม่พอ น้ำใช้ในบ้านต้องรองเอาไว้รดพืชผักสวนครัวที่ปลูกอยู่รอบบ้าน แต่ความร้อนจากแดดก็พานให้น้ำลงไปให้ความชุ่มชื้นพืชผักเหล่านั้นไม่ทั่วถึง ด้วยไม่มีทั้งน้ำฝนเพราะทิ้งช่วงมานาน น้ำหน้าดินที่เคยขังก็แห้งขอดไปตามสภาพอากาศ หรือแม้แต่น้ำบาดาลก็ใกล้จะหมด จะตักใช้ทีก็ต้องรอกันนานหลายชั่วโมง
“จะกลับบ้านกันหรือยังพี่ เย็นแล้วนะ”
เดชหันมอง ‘ฟ้า’ เมียรักวัย 19 ปี ที่ถูกเขาเจาะไข่แดงตั้งแต่เพิ่งนมตั้งเต้าจนตอนนี้ฟ้านมเท่าหัวเด็กแรกเกิด ร่างอรชรก็อวบอัดสะสวยขึ้นตามวัยสาวสะพรั่ง แม้จะถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายแบบชาวนาเต็มขั้น แต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยงามของฟ้าได้เลย น่าเสียดายที่เขาไม่มีเงินจะบำรุงบำเรอให้ฟ้าอยู่สุขสบายดังเช่นหลายปีก่อน
เมื่อแรกได้เสียเป็นเมียผัว ถึงหน้าเกี่ยวข้าว เขาก็มีเงินไปทำทองให้ฟ้าใส่เต็มตัว แต่ตอนนี้เมื่อมาเจอภัยแล้งหลายปีติด ทุกอย่างก็ยิ่งต้องประหยัด ทองที่เคยให้ฟ้าก็ถูกนำไปขายเพื่อมาใช้จ่ายภายในบ้าน ไว้ทำทุนเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช จนเหลือเพียงแหวนทองเกลี้ยงติดนิ้วมือที่เขาให้หล่อนในวันผูกข้อไม้ข้อมือเท่านั้น
“ทำไมมองฟ้าอย่างนั้นล่ะพี่”
สีหน้าหล่อนฉงนของฟ้าทำให้เดชเอื้อมมือไปปลดผ้าขาวม้าที่พันรอบศีรษะของหล่อนออก เผยให้เห็นเส้นผมดำยาวสยายออกมาเคลียคลอละกรอบหน้า
“พี่เดช พี่เป็นอะไร พี่บอกฟ้าสิ พี่อย่าทำหน้าอึ้งๆ แบบนี้ ฟ้ากลัวนะ”
“กลัวอะไรเหรอฟ้า” เดชถามพลางรั้งร่างอวบอัดเข้ามากอด รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงสั่น และหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
“ฟ้ากลัว...”
เดชหลับตานิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะจดจมูกสูดดมความหอมของเรือนผมเมียรัก เขารู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่เป็นดังนั้นแน่ ข่าวเรื่องทิดอ่ำชาวนาหมู่บ้านข้างเคียงผูกคอตายหนีปัญหาหนี้สิน สร้างความหดหู่ให้กับทุกคนที่รู้จักคุ้นเคย และต่างปรับทุกข์กันว่าจะไม่เลือกทางนั้นแน่ เพราะสงสารลูกเมีย และหากยังหายใจได้อยู่ก็จะสู้กันต่อไป
“กลัวพี่ตายเหรอ”
“อื้อ...”
เสียงอู้อี้ดังจากคนที่ซบหน้าอยู่กับอก ก่อนจะตามมาด้วยแรงสะอื้นฮึกฮัก นั่นยิ่งทำให้อ้อมกอดของเขากระชับแน่นขึ้น
“พี่ไม่ตายหรอก ฟ้าไม่ต้องห่วง พี่จะไม่ยอมแพ้ ฟ้าจะสู้ไปกับพี่มั้ย”
“สู้จ้ะ พี่ว่าไง ฟ้าก็ว่าอย่างนั้น ฟ้าเป็นเมียพี่ ฟ้าจะเหนื่อยไปกับพี่ และจะสุขไปด้วยกัน”
ใบหน้าเจิ่งน้ำตาแหงนขึ้นมอง ดวงตากลมโตนั้นฉ่ำชื้น ปลายจมูกก็แดงระเรื่อ ริมฝีปากที่เม้มกลั้นสะอื้นก็สั่นระริก ความสวยงามที่เด่นชัดแม้ยามมีน้ำตา ทำให้เดชอดไม่ได้ที่จะสัมผัสความงดงามนั้น
ฝ่ามือประคองสองแก้ม ริมฝีปากจดจุมพิต มอบจูบแสนหวานให้กับเมียรัก ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปปลอบประโลม
ลิ้นร้อนร้อยรัดดูดดึง เคล้าคลอและกวาดต้อน ถ่ายทอดทุกความรู้สึกให้กับหล่อน อยากให้ฟ้ารู้ว่าเขารักหล่อนมากแค่ไหน ลำพังตัวเองเขาไม่ห่วงเท่าไร ทำกินตามมีตามเกิดได้ มีอะไรก็หากินไป แต่เพราะมีฟ้า เขารับปากพ่อแม่ของหล่อนแล้วว่าจะทำให้หล่อนสุขสบายไม่ทุกข์ยาก แต่เท่าที่เป็นอยู่นี้เขาทำไม่ได้เสียแล้ว
แต่ถึงยังไงเขาก็จะไม่ทิ้งความตั้งใจที่จะทำให้ฟ้าได้สุขสบายอีกครั้งให้ได้ และจะทำให้หล่อนมีความสุขที่สุด
“อื้อ... พี่... ตรงนี้ไม่ได้นะ พี่เดช...”
เสียงฟ้าที่ร้องห้ามอื้ออึงพร้อมร่างอวบอัดที่พยายามผละออกทำให้เดชได้สติ เพราะเขาทั้งจูบ ดูด และเลียหล่อนลงมาจนถึงต้นคอระหง ผิวขาวจัดของฟ้าที่ถูกบ่มอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตกลายเป็นสีแดงระเรื่อ นั่นยิ่งทำให้เขาอยากแทรกลิ้นลงไปเลีย และเขาก็อดใจไม่ไหว
“อื้อ... พี่เดช... ไม่ได้นะจ๊ะ ไม่ได้... ซี้ด... พี่...”
ลิ้นร้อนตวัดชอนชิมบนผิวเนื้อขาวๆ จนฟ้าดีดดิ้น ทั้งร้องห้ามและครางเสียว หล่อนกำลังอยาก... เขาก็เช่นกัน
ดวงตาคมเข้มตวัดมองพื้นที่โดยรอบ แดดสีส้มจางกำลังไล่ระบายที่ขอบฟ้า ไม่นานความมืดก็จะโรยราลงมารอบกาย แต่ถึงไม่มืด ที่นาส่วนตัวก็ไม่มีใครจะผ่านเข้ามา ดังนั้นไม่ว่าตรงคันนานี้ หรือที่เถียงนาถัดไป ทุกที่ก็เป็นถิ่นสวรรค์
“อื้อ... พี่เดช...”
เดชไม่สนใจเสียงร้องอื้ออึงของเมียรัก เพราะรู้ใจกันดี รู้ว่าฟ้าร้อนแรงแค่ไหน แค่เขาจุดไฟ ฟ้าก็พร้อมจะมอดไหม้ นี่คงเป็นข้อดีของมีเมียสาว เพราะหล่อนมีพลังอย่างล้นเหลือ ให้เอา
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
รักต้องห้าม เป็นนิยายที่ขับเคลื่อนด้วยความรักและเซ็กซ์! ประเภทที่ว่า ‘รักแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด’ หรือ ‘ด้วยความสมยอม’ ‘นิชชา’ หญิงสาวที่มีความหลงใหลให้กับคนที่ไม่คู่ควร ทว่า... หากใจมันหลงไปแล้ว หล่อนจะทำยังไง ถอยห่าง หรือ ก้าวเข้าหา ในเมื่อหัวใจร่ำร้อง และ กายเนื้อต้องการ +++++ ‘นีรนุช’ ลูกสะใภ้ตระกูลใหญ่ที่สามีไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่หล่อนก็พยายามเป็นสะใภ้ เป็นเมีย และแม่ที่ดีของลูก ทว่าสิ่งที่พลาดไปแล้วหล่อนกลับลืมไม่ได้ มันฝังใจ ลึกแน่น และพร้อมจะเรียกร้อง +++++ ‘นันทิยา’ ม่ายสาวไฮโซ ตั้งแต่สามีตายจาก หล่อนไม่คิดจะแต่งงานใหม่ เพราะไม่อยากให้ใครมาทำลายความทรงจำดีๆ ของหล่อนกับสามี แต่ความอยากที่ไม่ปรานีใคร ก็ทำให้นันทิยาร้อนรุ่ม +++++ ‘มีนา’ เข็ดกับรักครั้งแรกจนไม่คิดจะมีใครอีก แต่แล้วความรักก็หวนมาให้เจ็บแสบและซาบซ่าน และครั้งนี้ไม่ได้มาเพียง 1 แต่มาถึง 2 หล่อนควรทำอย่างไร ในเมื่อคนหนึ่งก็รัก แต่อีกคนก็หวั่นไหว
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"