เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
‘เมฆ’ หนุ่มบ้านนอกวัย 26 ปี เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของรั้วอัลลอยด์ขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่กำหนดอาณาเขตของบ้านคนรวย ใบหน้ากร้านไปด้วยแดดลมมีเหงื่อซึมออกมาตามขมับและแนวสันจมูก จนต้องใช้ผ้าขาวม้าที่พาดคอมาด้วยซับออก เพราะกว่า 8 ชั่วโมงที่เดินทางรอนแรมนั่งรถทัวร์มาลงที่หมอชิต ก่อนจะต่อรถเมล์มาลงที่ปากซอยและเดินมาถึงที่นี่ ก็ทำเอาหอบเหมือนกัน
เมื่อเช็ดเหงื่อจนหมาดและคิดว่าหน้าตาของตัวเองคงพอดูสะอาดสะอ้านมากพอที่จะเข้าไปสู่ด้านใน ดวงตาโชนแสงของเมฆก็มองลอดผ่านช่องว่างระหว่างรั้วเข้าไปด้านใน ที่เห็นนั้นคือบ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่ในรูปทรงยุโรปที่ตั้งอยู่ตรงกลางของพื้นที่ ขนาบข้างไปด้วยสวนกว้างใหญ่ซึ่งโอบรอบโดยรั้วอลังการบ่งบอกถึงฐานะของท่านเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะจากสายตาคาดคะเน อาณาเขตนี้คงกว้างกว่า 2 ไร่
เมฆถอยหลังออกมามองดูตำแหน่งของกริ่ง แต่เมื่อคิดอีกทีคงไม่เหมาะสมที่เขาจะทำให้เกิดเสียงในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้ สายตาจึงมองลอดเข้าไประหว่างรั้วอีกครั้งเพื่อหวังจะแจ้งใครสักคนที่ผ่านมาว่าเขามาถึงแล้ว และเขาก็พร้อมแล้วสำหรับการเริ่มงานในวันแรก
เพียงก้าวเข้ามาในบ้าน เขาก็ถูกพาให้มาพบกับเจ้าของบ้านและท่านกำลังส่งคำถามอย่างเมตตามาให้เขา
“เดินทางลำบากมั้ยล่ะเมฆ”
“ไม่ลำบากครับคุณนาย นั่งรถแค่สองต่อเท่านั้นครับ”
เมฆก้มหน้าตอบคำถาม เพราะไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเจ้านายสาวสวยของพ่อ ‘ใช่’ เขามาทำงานที่คฤหาสน์หลังนี้แทนพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว
“ตอนแรกฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คิดว่าเมฆจะมาไม่ถูกซะแล้ว และนี่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยมาก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับคุณนาย ทางนั้นไม่มีอะไรแล้วครับ”
“ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะที่ไปร่วมงานไม่ได้ คุณท่านก็เสียใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าท่านต้องไปประชุมที่ต่างประเทศ ท่านคงต้องไปส่งพี่ชิตให้ได้”
‘พี่ชิต’ ที่คุณนายพูดถึงนั้นคือพ่อของเขา ที่เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ท่านและคุณนายดูแลค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง และช่วงสุดท้ายเมื่อหมอบอกให้พาพ่อกลับไปดูใจที่บ้าน ทั้งท่านและคุณนายก็กรุณาจัดจ้างรถพยาบาลนำพ่อไปส่งจนถึงบ้านที่ต่างจังหวัด และเมื่อพ่อจากไป ท่านก็ยังกรุณาส่งเงินช่วยค่าทำศพไปให้อีก แค่นี้ก็เป็นบุญหัวที่สุดแล้ว
“แค่นี้ผมก็ต้องขอบพระคุณ ท่านกับคุณนายมากแล้วครับ ที่กรุณารับผมเข้ามาทำงานแทนพ่อ และถ้าไม่ได้เงินช่วยงานจากท่านและคุณนาย ผมและแม่คงจะจัดงานให้พ่อไม่ได้ดีขนาดนั้น”
เมฆพนมมือไหว้คุณนายเจ้าของบ้านอีกครั้ง ซึ่งเธอก็รับไหว้อย่างอ่อนโยน
“จะเป็นบุญคุณได้ยังไงกันเมฆ พี่ชิตน่ะดีกับฉันมากนะ ไม่ว่าฉันต้องการอะไรพี่ชิตก็หามาให้ได้ทุกอย่าง อาจเป็นฉันที่ใช้งานพี่ชิตมากไปจนไม่ได้พักผ่อนก็ได้ พี่ชิตจึงมาป่วยแบบนี้”
“คุณนายอย่าโทษตัวเองเลยครับ พ่อเขาทำบุญมาแค่นั้น และเรื่องเจ็บป่วยก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกครับ ถ้าพ่อรับรู้ได้ก็คงไม่มีความสุข ถ้ารู้ว่าเป็นสาเหตุให้คุณนายต้องเป็นทุกข์อย่างนี้น่ะครับ”
หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวนวลอมชมพูนั้นทำให้เมฆใจหาย ดวงตากร้าวอ่อนแสงลงมองซ้ายขวาและเมื่อเห็นกล่องกระดาษทิชชูที่ถูกตกแต่งด้วยลูกไม้สีชมพูหวานเป็นระบายระย้า เมฆก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปประคองความสวยงามนั้นเพื่อส่งมอบให้กับเจ้านาย แม้จะคิดได้ว่ามือดำๆ นี้ไม่ควรอาจเอื้อมที่จะแตะของสวยงามและบอบบางด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่อาจทนเห็นคุณนายมีน้ำตาไหลอาบแก้มได้
“กระดาษครับคุณนาย”
“ขอบใจนะเมฆ ขอบใจเธอจริงๆ ที่อุตส่าห์มีใจตอบรับมาทำงานกับฉัน คงมีสิ่งนี้ที่ฉันจะชดเชยให้พี่ชิตได้ ต่อไปนี้เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉันกับท่านจะดูแลเธอกับแม่เอง อยู่ที่นี่ให้สบายใจ ให้ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ หรือต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บอกพิศกับขวัญใจนะ”
“ครับ ผมขอบคุณคุณนายอีกครั้งครับ”
“อืม... มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ พิศพาเมฆไปนอนห้องเดิมของพี่ชิตล่ะนะ แล้วแนะนำงานให้เมฆด้วย ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็มาถามฉันล่ะกัน”
เมฆหันไปยิ้มให้กับคุณแม่บ้านที่ชื่อว่า ‘น้าพิศ’ คนที่คอยเป็นธุระนำเงินไปให้เขากับแม่ และยังไปอยู่ช่วยงานศพหลายวัน จึงได้รู้ว่าน้าพิศเป็นหญิงวัยเดียวกันกับแม่ของเขา แต่เพราะอยู่ดีกินดีที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ทำงานหนักและทำนาเหมือนแม่ น้าพิศจึงดูเหมือนสาวอายุสัก 30 ปีเศษได้ และเมื่อเช้าก็ได้น้าพิศนี่แหละที่พาเขาเข้ามาในบ้าน
พิศพาเมฆเดินลัดเลาะมาที่เรือนคนงานด้านหลังของตึกใหญ่ซึ่งเป็นลักษณะเรือนแถวคล้ายห้องเช่า จำนวนห้องนั้นมีด้วยกัน 3 ห้อง โดยพิศแนะนำว่า ห้องที่ 1 นั้นเป็นห้องของแกกับ ‘น้ามิ่ง’ ผัวของแกที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถของท่าน ห้องที่ 2 นั้นเป็นของ ‘ขวัญใจ’ และห้องที่ 3 นั้นก็คือห้องเก่าของพ่อ
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
รักต้องห้าม เป็นนิยายที่ขับเคลื่อนด้วยความรักและเซ็กซ์! ประเภทที่ว่า ‘รักแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด’ หรือ ‘ด้วยความสมยอม’ ‘นิชชา’ หญิงสาวที่มีความหลงใหลให้กับคนที่ไม่คู่ควร ทว่า... หากใจมันหลงไปแล้ว หล่อนจะทำยังไง ถอยห่าง หรือ ก้าวเข้าหา ในเมื่อหัวใจร่ำร้อง และ กายเนื้อต้องการ +++++ ‘นีรนุช’ ลูกสะใภ้ตระกูลใหญ่ที่สามีไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่หล่อนก็พยายามเป็นสะใภ้ เป็นเมีย และแม่ที่ดีของลูก ทว่าสิ่งที่พลาดไปแล้วหล่อนกลับลืมไม่ได้ มันฝังใจ ลึกแน่น และพร้อมจะเรียกร้อง +++++ ‘นันทิยา’ ม่ายสาวไฮโซ ตั้งแต่สามีตายจาก หล่อนไม่คิดจะแต่งงานใหม่ เพราะไม่อยากให้ใครมาทำลายความทรงจำดีๆ ของหล่อนกับสามี แต่ความอยากที่ไม่ปรานีใคร ก็ทำให้นันทิยาร้อนรุ่ม +++++ ‘มีนา’ เข็ดกับรักครั้งแรกจนไม่คิดจะมีใครอีก แต่แล้วความรักก็หวนมาให้เจ็บแสบและซาบซ่าน และครั้งนี้ไม่ได้มาเพียง 1 แต่มาถึง 2 หล่อนควรทำอย่างไร ในเมื่อคนหนึ่งก็รัก แต่อีกคนก็หวั่นไหว
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"