เขาคิดว่าเธอเป็นเพียงหัวหน้าแก๊งสิบแปดมงกุฎจึงจับตัวมาเป็นเชลยพิศวาส แต่เมื่อความจริงเปิดเผยเธอคือลูกสาวมหาเศรษฐีที่ไม่อาจจะเลยเชยชมแล้วทิ้งขว้างได้ง่ายๆ +++++++++++++ “ฉันจะไม่อยู่หลายวัน..” จะมาบอกเธอทำไม ไปเลย รีบไปให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี... คิดในใจด้วยความลิงโลดไม่น้อย อาการเกร็งเมื่อครู่ลดลงแต่ก็เพียงไม่นานเพราะคำพูดต่อมาของเขา “ดังนั้นคืนนี้เราจะต้องมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอคิดถึงฉันตอนฉันไม่อยู่..” “ทะ ทำอะไรคะ..” ถามเขาหน้าตื่นมือเท้าเย็นเฉียบเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างที่ไม่อยากจะคิดถึงมันเลย... “ก็ทำแบบนี้ไง..” พยัคฆ์โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนจุมพิตาสะดุดลมหายใจตัวเอง
ร่างระหงของหญิงสาววัยยี่สิบสองวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็กโกโรโกโสอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ในชุดสีดำ สวมแว่นกันแดดสีดำกว่าสิบคนยืนอยู่เต็มบริเวณบ้านอันคับแคบอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายเพราะห่วงคนที่อยู่ในบ้านมากกว่าชีวิตของตนเอง
“พวกคุณเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านของฉัน..”
จุมพิตา ถามเสียงสั่นหน้าขาวซีดเมื่อเห็นท่าทางคุกคามจากอีกฝ่าย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยืนนิ่งเหมือนรอใครบางคนที่มีอำนาจเหนือกว่า
“ฉันมาตามของของฉันคืน...”
เสียงห้าวทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ที่ประตูบ้าน ร่างใหญ่โตของเขาทำให้ประตูบ้านของเธอดูเล็กคับแคบไปทันที หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อเจอหน้าคนพูด เขานั่นเอง.. ผู้ชายหน้าตาหล่อลากดินแต่แสนจะเย็นชาคนนั้นที่เธอเจอเขาที่ตลาดขายเครื่องประดับเมื่อวันก่อน แล้วเขามาบ้านของเธอทำไม
“คุ คุณ เอ่อ...” จุมพิตาพูดไม่ออกมือสั่นใจสั่นจริงๆ แล้วเธอสั่นไปทั้งตัวต่างหาก
“ของที่พวกเธอเอามาอยู่ไหน”
“ของ ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้ายแม่สาวน้อย สร้อยเส้นนั้นอยู่ไหน”
เสียงเข้มเย็นชาแววตาวาวโรจน์จนจุมพิตาอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเสียให้ได้ แต่เธอก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำไหนมาตอบโต้เขา
“ก็ได้หากเธอไม่ยอมคืน หรือไม่ยอมบอกว่ามันอยู่ที่ไหน ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน..”
เขาจ้องมาด้วยแววตากราดเกรี้ยวจนจุมพิตาขาสั่นแทบจะยืนไม่ไหว แล้วจุมพิตาก็แทบสิ้นสติกับคำสั่งของเขาที่ทำให้เธอแทบใจสลาย
“เอาตัวไอ้แก่นั่นมาฉันจะกระทืบมันให้จมดินต่อหน้ายายตัวจิ๋วนี่”
“ไม่นะ อย่ายุ่งกับพ่อของฉัน”
คราวนี้จุมพิตาวิ่งฉิวเข้าไปขวางร่างสูงใหญ่นั้นไว้ ใบหน้าขาวซีดจนไร้สีเลือดทั้งที่เนื้อตัวก็เย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว แต่จุมพิตาจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายพ่อของตนแน่
“ไม่อย่าทำร้ายพ่อของฉัน เขาเดินไม่ได้คุณจะทำร้ายคนแก่ไม่มีทางสู้เหรอ”
เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดที่เธอพูดได้ในตอนนี้และหวังว่ามันจะปลุกสำนึกดีๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมาด้วยแววตากร้าวน่ากลัว
“ฉันไม่สนใจหรอก คนอย่าง พยัคฆ์ คิงส์ ไม่เคยเสียเหลี่ยมใคร และเธอกับพวกของเธอกล้ามากที่มาลองดีกับฉัน..”
ชายหนุ่มตะคอกกลับมา จุมพิตาก็หน้าซีดเผือดลงกว่าเดิมเมื่อคนของเขาที่ร่างกายใหญ่โตไม่แพ้ผู้เป็นนายหิ้วปีก นายจักร ผู้เป็นพ่อของเธอออกมาขาทั้งสองข้างของท่านลากอยู่กับพื้น ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะอัมพฤกษ์นั้นแม้ไม่ได้บิดเบ้ไปกว่าเดิมแต่แววตาของท่านกำลังบอกว่าเจ็บปวด...
“พ่อ.. อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ ปล่อยสิ พวกสารเลวรังแกคนไม่มีทางสู้ หน้ารังแกผู้หญิงรังแกคนแก่ ปล่อยพ่อฉันนะ กรี๊ดดด..”
หญิงสาววิ่งไปหาบิดาปากก็ร้องด่าทอเท่าที่จะสรรหาคำมาพูดได้ทั้งทุบทั้งเตะชายสองคนที่ลากถูบิดาของตนอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนเธอกำลังทุบตีหินผาอย่างไรอย่างนั้น แต่แล้วเธอก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างเล็กๆ ของตนลอยหวือขึ้นจากพื้นด้วยแรงจากวงแขนของคนตัวโตที่เธอคิดว่าเขาเหมือนยักษ์เฝ้าประตูวัด
“พวกนายเอาตาแก่นี่ไปจัดการส่วนยายตัวจิ๋วเสียงเหมือนนกหวีดนี่ฉันจัดการเอง”
สิ้นคำสั่งกร้าวร่างของบิดาก็ถูกลากเข้าไปยังห้องโถงเล็กๆ ที่เป็นทั้งห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นของบ้าน จุมพิตากรีดร้องตามไป ทั้งดิ้นทั้งเตะทั้งทุบคนตัวโตกว่าที่ใช้วงแขนรัดเอวบางของตนจนขาเรียวลอยพ้นพื้นกว่าหนึ่งฟุตแผ่นหลังบางแนบชิดไปกับแผงอกกว้างที่ตึงแน่นแข็งกระด้างราวกำแพงหินจนเธอรู้สึกได้ แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นนอกจากบิดาของตน...
“ปล่อยฉันนะไอ้คนสารเลว ไอ้หน้ารังแกผู้หญิงปล่อยนะ ปล้อยย กรี๊ดดด..”
เสียงร้องโวยวายจนแสบแก้วหูอย่างที่เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนเสียงนกหวีดดังก้องไปทั้งบ้าน แต่เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ส่งเสียงนานเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาปิดปากของเธอไว้
“เงียบ.. หากยังส่งเสียงโวยวาย พ่อเธอตายคามือคาเท้าของลูกน้องฉันแน่ ส่วนเธอ.. หึหึ ฉันจะให้ลูกน้องฉันจัดการเธอทีละคนๆ คงเข้าใจนะว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะถูกจัดการยังไง”
เขากระซิบชิดใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเยียบเย็น จุมพิตาตัวแข็งรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วงและหยุดดิ้นหยุดส่งเสียงทันที
“เจ้านายครับ ผมว่าไอ้แก่นี่มันไม่รู้เรื่องหรอก เราจัดการให้มันจบๆ ไปดีมั้ยครับ ผมว่าไร้ประโยชน์ที่เราจะเสียเวลากับคนพวกนี้”
หนึ่งในชายสองคนที่หิ้วปีกบิดาของเธอไปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจุมพิตาตาโตด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่นายจักรหน้าซีดน้ำตาไหลพรากยิ่งทำให้หญิงสาวคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น
“เอาล่ะฉันจะให้โอกาสเธออีกรอบ ของของฉันอยู่ที่ไหน แล้วไอ้เด็กนั่น เด็กในแก๊งตุ้มตุ๋นของเธออยู่ที่ไหน บอกมา..”
น้ำเสียงคุกคามทั้งวงแขนก็รัดแน่นเข้าจนร่างเล็กแทบจะจมหายเข้าไปในร่างใหญ่โตของเขา จุมพิตาได้แต่ส่ายหน้าหวือน้ำตาเริ่มคลอหน่วยด้วยความหวาดกลัว
“ในเมื่อฉันให้โอกาสแล้วเธอไม่รับฉันก็จะทำตามวิธีของฉันก็แล้วกัน พวกนายดูทางนี้ไว้ให้ดีๆ ถ้ามีใครเจ๋อเข้ามายิงทิ้งได้เลย..”
พูดจบชายหนุ่มก็ตวัดร่างบางพาดบ่าแล้วเดินไปยังห้องเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุด และมันก็เป็นห้องนอนของเธอเอง จุมพิตาจะกรีดร้องก็ร้องไม่ออกได้แต่น้ำตารินด้วยความกลัวกับชะตากรรมที่ตนกำลังจะได้รับไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ..
“สวัสดีค่ะ ท่านผีปู่ผีย่าผีตาผียายท่านผีบรรพบุรุษทั้งหลายเจ้าขา หนูชื่อลลนานะคะ ชื่อเล่นว่านุ่มค่ะ ถูกคนใจร้ายหน้าตาดีแต่ปัญญานิ่มเข้าใจผิดจับตัวมาแล้วยังพูดจาทำร้ายจิตใจนุ่มต่างๆ นานา นุ่มเสียใจมากเลยค่ะและคิดถึงบ้านมากแล้วก็เป็นห่วงนิ่งที่อาการสาหัสอยู่ด้วย นุ่มอยากขอให้พวกท่านดลบันดาลให้เขาปล่อยตัวนุ่มกลับบ้านเร็วๆ ด้วยค่ะ และขอให้นุ่มพ้นจากอำนาจชั่วร้ายป่าเถื่อนของคนใจร้ายด้วยเถิ้ดดด และจะให้ดีนุ่มขอสามตัวตรงๆ งวดนี้เลยนะคะ นุ่มจะได้มีเงินมีความสุขสบายไม่ต้องทำงานกลางคืนให้ใครดูหมิ่นเหยียดหยามว่าเป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่ต้องเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีมาลวนลามทำร้าย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ดีมากๆ ก็ขอให้นุ่มได้สามีดีๆ หล่อๆ จิตใจดีไม่ปัญญานิ่ม และรวยมาก รักนุ่มมากๆๆๆ นะคะ สาธุๆๆ” “นี่เธอ พอได้แล้ว เลอะเทอะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” สิงหาเอ็ดหญิงสาวที่บรรจงปักธูปด้วยรอยยิ้มอย่างหมั่นไส้เหลือคณา “อ้าว.. คุณนี่นะ ฉันขอในสิ่งที่ฉันอยากได้จริงๆ เผื่อท่านจะดลบันดาลให้ฉันได้ดังหวัง จะได้ไม่ต้องมาเจอคุณอีกไง” “อย่างกับฉันอยากจะเจอเธองั้นล่ะ” “แต่คุณก็จับตัวฉันมา” “โอ๊ย... โอเค ฉันผิดเองที่ไม่ดูให้ดี ขอโทษ โอเคมั้ย พอใจรึยัง” สิงหาโวยเสียงขุ่นมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มยียวนด้วยความหมั่นไส้เหลือกำลัง พอรู้ว่าเขาผิดเจ้าหล่อนก็เล่นไม่เลิก
เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายเสือกไสไล่ส่งมาให้เป็นเมียขัดดอกของนายใหญ่แห่งหุบเขาคนเถื่อนที่ใครๆ ต่างก็กล่าวขวัญกันว่า โหดร้ายน่ากลัว แต่แล้วเธอกลับพบว่า คนเถื่อนอย่างเขาก็มีหัวใจ และมีไว้เพื่อเธอคนเดียว ++++++++++ “พี่มาร์คไปแล้ว.. ทีนี้ก็เหลือแค่เรา..” ปิ่นกมลเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง และถิ่นเถื่อนก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดูท่าทางเขาขัดเขินไม่น้อย “มีอะไรจะสารภาพกับปิ่นมั้ยคะ” “ไม่มีนี่นา..” “ใครกันนะบอกว่า เป็นผัวเมียกัน ต้องบอกกันทุกเรื่อง ให้ไว้ใจกันและกัน” ถิ่นเถื่อนทำอึกๆ อักๆ ท่าทางของคนตัวใหญ่โต แต่ดูเก้งก้างเมื่อตอนนี้เขามีความผิดติดตัว “ก็บางเรื่อง มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกไง..” “อ้ออออ.. หรือคะ แล้วพี่เถื่อนคิดว่าจะบอกปิ่นตอนไหนคะ และเรื่องไหนบ้าง” ปิ่นกมลเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม แล้วเงยหน้ามองเขายิ้มๆ ถิ่นเถื่อนเมินหน้าหนีน้อยๆ แต่ใบหูแดงก่ำ “ก็..” “ก็อะไรคะ..” ปิ่นกมลซักไซ้ ถิ่นเถื่อนหันกลับมามองหน้าคนช่างซักอย่างรู้สึกหมั่นไส้แกมเอ็นดูคนตรงหน้ายิ่งนัก “ก็.. ไปคุยกันบนห้องดีกว่าไง” “ว้าย... พี่เถื่อน ปล่อยปิ่นนะคะ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย..” ปิ่นกมลหวีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มตวัดร่างบอบบางขึ้นไว้ในวงแขนแข็งแรงหน้าตาเฉย
สวย ดุดัน เข้ม หยาบคาย เผ็ด แซ่บ ตดเป็นตด ฟังไม่ผิดหรอก ตดน่ะถูกแล้ว นั่นคือ นิยามของ ฝันงาม ชื่อสวยหรูคุณหนูสุดๆ แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าเธอจะเป็นคุณหนูสายแบ๊ว เพราะเธอคือผู้ฉีกทุกกฎของคำว่ากุลสตรี .. +++++++ “จะมีผัวทั้งทีก็ต้องดูดีๆ สิคะ ธิดาหน่อทองไม่ได้กระจอกงอกง่อยนะ มีทั้งมงและสายตะพายพร้อมโล่เกลียดก็อด.. จะให้เอาพวกไม่มีอนาคตมาทำผัวเหรอ..” “ครับเมียพี่ฉลาดเก่งที่สุดในสามโลก เมียจ๋า.. พี่ร้อนแล้ว..” กวินเริ่มเสียงสั่นพร่าเมื่อมือเล็กร้ายกาจเลื่อนไปยังแก่นกลางกายที่เริ่มคึกคะนอง.. “วันนี้งามจะทำให้พี่วินลืมโศก ลืมเศร้า เราจะมันกันอย่างเดียว..” กวินหัวเราะลั่นกับคำพูดห่ามๆ ของเมียรักที่แสนจะตรงไปตรงมาและตรงใจเขาเหลือเกิน.. “งั้นแสดงฝีมือเลยเมียจ๋า หากฟ้าไม่เหลืองห้ามหยุดนะ..” กวินท้าทายฝันงามหรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน.. “อย่าร้องขอชีวิตก็แล้วกัน..” ปล. หนังสือเสียงนี้ได้รวมตอนพิเศษไว้ด้วยนะคะฟังกันเต็มอิ่มไปเลยจ้า
“จะอ่อยฉันอีกนานไหม...” เสียงห้าวดังขึ้นทำให้หญิงสาวลืมตาทันทีก่อนจะผละออกจากวงแขนแกร่งของเขาทันที ใบหน้านวลแดงปลั่งทั้งขัดเขินและอับอายกับคำพูดของเขาแต่เหนือสิ่งอื่นใดเธออับอายที่กำลังจะกลายเป็นสาวร่านร้อนเที่ยวกอดจูบกับผู้ชายมากกว่า “คนบ้า ปากเสีย... ฉะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นเสียหน่อย...” หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ แล้วถลึงตาใส่เขาพลางต่อว่าเขาเสียงเขียวแต่ข้างในใจสาวกลับสั่นไหวหวิวๆ แทบจะเป็นลมแข้งขาสั่นไปหมดจนขยับเดินไม่ได้...
เจ้าสาวคาวโลกีย์สำหรับเขา เพราะหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพราะไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งของมารดาที่ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและจุ้นจ้านวุ่นวาย ทำให้เขาต้องหาไม้กันหมาที่ต้องแสบแซบเร้าใจเพื่อคานอำนาจของมารดา...สำหรับเธอ มีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ จึงต้องมารับอาชีพไม้กันหมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อหลวมตัวรับงานนี้ ณดา ก็แทบมอดไหม้ด้วยไฟเสน่หาอันร้อนแรง
เขาหล่อเขาร้ายและร้อนแรงดังเปลวเพลิงที่พร้อมจะละลายน้ำแข็งอย่างเธอ ให้เดือดพล่านด้วยไฟเสน่หา.. ++++++++++ “คนบ้าปล่อยนะ พี่แสน อ๊ายย” หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่อภาสกรก้มลงหอมแก้มใสหนักๆ อย่างมันเขี้ยวและอยากแกล้ง “แก้มน้ำแข็งหอมจัง” “พี่แสนคนบ้า รังแกน้ำแข็ง คอยดูนะน้ำแข็งจะฟ้องพี่ธาร” หญิงสาวหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย “ฟ้องไอ้ธารคนเดียวเหรอ ฟ้องคุณอาด้วยสิ และฟ้องให้หมดด้วยนะว่าพี่ทำอะไรบ้าง” “พี่แสนจะทำอะไร ว้าย.. ปล่อยนะ คนบ้า พี่แสน กรี๊ดดด..” ทิพย์ธาราหวีดร้องเสียงหลงเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่รัดแน่นของเขาแล้วทิพย์ธาราก็รู้ได้ทันทีว่าตนตกเป็นรองเขาหญิงสาวดิ้นเร่าอย่างโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ความเยือกเย็นที่มีก่อนหน้าหายไปสิ้น เพราะเมื่อปะทะกับเขาทีไรเธอก็มักจะเป็นเช่นนี้และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้สงบเยือกเย็นได้นานเลยสักครั้ง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"