“อย่าปฏิเสธสิ่งที่ฉันต้องการเลยนาง เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางขัดขืนฉันได้...” “คุณไม่มีสิทธิ์ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ คุณกำลังจะลักพาตัวฉัน...” หญิงสาวพยายามพูดให้เขาตระหนักในสิ่งที่ทำว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ปฐวิน กลับยักไหล่ไม่สนใจซ้ำยังพูดให้เธอได้เจ็บและอาย... “เดี๋ยวเธอก็รู้ว่าฉันมีสิทธิ์อะไรในตัวเธอ อย่าครางเสียงดังก็แล้วกันเวลาที่ฉันอยู่ในตัวเธอ...” “หยาบคาย...” อังศณากัดกรามแล้วต่อว่าเขาลอดไรฟันอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย...
“คุณจะให้นางอยู่ในฐานะนี้อีกนานแค่ไหนคะ...”
อังศณาตัดสินใจพูดออกไปซึ่งคำถามของเธอทำให้คนที่กำลังเลาะเล็มพรมจูบไปตามแก้มเนียนชะงักแล้วมองหน้าเธอนิ่ง อังศณากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นแววตาของเขา
“ถามทำไม หรืออยากจะไปหาผัวใหม่...” ชายหนุ่มถามเสียงแข็งเมินหน้าหนีแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด
“นางก็แค่... อยากรู้ว่าเวลาของนางบำเรออย่างนางจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่เท่านั้น นางไม่อยากอยู่ในสภาพนี้...”
“เธอต้องการอะไรที่มากกว่านี้ล่ะ เราสนุกกันแล้วก็จบ เงินฉันก็มีให้เธอ อะไรที่เธออยากได้มากกว่านี้ล่ะ”
เขาถามเสียงเย็นแววตาคมเข้มมองหยันจนอังศณาหน้าร้อนด้วยความอับอาย... ร่างสูงผละไปโดยที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า ร่างแกร่งแข็งแรงล่ำสันงดงามไปด้วยกล้ามเนื้อทำให้หญิงสาวใจแกว่งได้ทุกยามที่เห็น แต่เธอก็เขินอายเกินกว่าจะมองเขาในสภาพนี้ได้จึงหันหน้าหนีภาพชายหนุ่มที่แสนเร้าใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ...
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ได้ยินพนักงานพูดกันว่าอีกไม่นานคุณจะต้องแต่งงานกับคู่หมั้นของคุณ... นางก็เลยคิดว่าเรา เอ่อ.. ควรจะยุติความสัมพันธ์แบบนี้เสียที...”
“แค่นี้เหรอที่ต้องการ”
“ค่ะ...” เธอตอบเขาเสียงเบาแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเราควรจะมาสนุกกันต่อเมื่อต้องการหรือว่าเราควรจะต่างคนต่างไป” เขาพูดอย่างเลือดเย็นแต่กรีดใจของเธอให้เลือดไหล...
“แต่นางไม่อยากอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไปแล้ว นางไม่อยากอยู่ในสภาพนี้คุณเข้าใจมั้ย...” อังศณาตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ปฐวินหันมามองด้วยแววตาที่ทำให้อังศณาหายใจติดขัดและขื่นขมในลำคอ
“ฉันว่าเธอต้องการอย่างอื่นมากกว่าล่ะมั้งนาง คราวก่อนก็แอบปล่อยข่าวเพื่อหวังเรียกร้องบางอย่างจากฉัน คราวนี้ก็มาทำเรียกร้องอิสระเพื่อให้ฉันผูกมัดเธอไว้หลอกล่อฉันเพื่อให้ฉันหลงกล เธอยากให้ฉันรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน นี่ใช่ไหมล่ะที่เธอต้องการ...”
ชายหนุ่มพูดด้วยความทระนงตัว คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องผูกมัดนางบำเรอด้วยการแต่งงาน เขาจะหาผู้หญิงที่สวยกว่าดีกว่าอังศณาได้เป็นร้อย... ชายหนุ่มคิดอย่างมั่นใจในตนเอง
“ไม่จริง... ฉันไม่เคยอยากเรียกร้องอะไรจากคุณแม้แต่น้อย ไม่เคยอยากอยู่ใกล้ๆ คุณด้วยซ้ำอย่าหลงตัวเองนักเลย สาเหตุที่ฉันต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะอะไรคุณก็น่าจะรู้ดี...”
“แล้วที่ครางระงมเรียกร้องเอาจากฉันทุกครั้งที่ฉันอยู่ในตัวเธอมันคืออะไรล่ะอังศณา...”
“หยาบคาย... จิตใจคุณทำด้วยอะไรกัน ทำไมต้องคิดว่าคนอื่นเขาอยากจะได้คุณนักจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้คุณมากราบกรานให้ฉันรับคุณเป็นสามีฉันก็ไม่มีวันเอาคุณมาเป็นสามีแน่นอน...”
หญิงสาวกรีดร้องใส่เขาเมื่อคำพูดหยาบคายร้ายกาจนั้นมันทำให้เธอดูไร้ศักดิ์ศรีเหลือเกิน...
“ฉันก็ไม่มีวันคว้าเธอมาเป็นเมียหรอกอังศณา... ที่เห็นว่าฉันยังนอนกับเธอก็เพราะฉันยังไม่เบื่อก็เท่านั้น เธอเองก็อย่าสำคัญตัวเองนักเลย” ปฐวินเองก็ตอบกลับมาด้วยความกราดเกรี้ยว
ผู้หญิงอะไรชวนหาเรื่องได้อย่างน่าทึ่งทั้งที่เมื่อครู่เธอยังครางกระเส่าเร่าร้อนอยู่ใต้ร่างเขา แต่ดูตอนนี้สิเธอกลับมาตะโกนใส่หน้าเขา หาเรื่องทะเลาะกับเขาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซ้ำยังพูดว่าเธอไม่มีวันจะยอมรับเขาเป็นสามีเธออีกด้วยจะอวดดีเกินไปแล้ว...
ปฐวินรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยรู้สึกว่าถูกลบเหลี่ยมมากขนาดนี้มาก่อน อังศณาก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เขาอยากจะได้เธอเท่านั้น เธอไม่มีค่าอะไรมากกว่านั้นเลย แต่ทำไมแค่คำพูดของเธอที่ว่าไม่อยากได้เขาเป็นสามีถึงได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องมาพบกันอีก นับจากวันนี้เราจบกัน” อังศณาแหวกลับยังไม่ยอมแพ้
“เธอจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการตราบใดที่ฉันยังต้องการเธออยู่อังศณา คนที่จะพูดว่าเราจบกันได้มีแค่ฉันเท่านั้น เธอไม่มีสิทธ์มาชิ่งหนีฉันไม่ว่าฉันจะแต่งงานกับใคร หรือมีใครกี่คนก็ตาม...” ปฐวินเดินมายังคนตัวเล็กที่ตะโกนใส่เขาด้วยความฉุนเฉียว มือหนาขยุ้มไหล่เปล่าเปลือยแล้วเขย่าแรงๆ จนอังศณาหัวสั่นหัวคลอนเลยทีเดียว...
“คนทุเรศ คุณมันคนไม่มีหัวใจ...”
“รู้ก็ดีแล้ว... อย่าได้มาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก ฉันจะเป็นคนบอกเองว่าเราจะจบกันเมื่อไหร่...”
ปฐวินพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างฉุนเฉียว อังศณามองตามแผ่นหลังแกร่งเปล่าเปลือยไปด้วยความเจ็บปวด... เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้นานแค่ไหน เขาจะรู้ไหมว่ายิ่งเธออยู่ในสภาพนี้นานเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเจ็บปวดและยิ่งตัดใจจากเขายากมากขึ้น
หนุ่มสาวต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง โดยไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างทำร้ายจิตใจกันและกันโดยไม่รู้ตัว...
“สวัสดีค่ะ ท่านผีปู่ผีย่าผีตาผียายท่านผีบรรพบุรุษทั้งหลายเจ้าขา หนูชื่อลลนานะคะ ชื่อเล่นว่านุ่มค่ะ ถูกคนใจร้ายหน้าตาดีแต่ปัญญานิ่มเข้าใจผิดจับตัวมาแล้วยังพูดจาทำร้ายจิตใจนุ่มต่างๆ นานา นุ่มเสียใจมากเลยค่ะและคิดถึงบ้านมากแล้วก็เป็นห่วงนิ่งที่อาการสาหัสอยู่ด้วย นุ่มอยากขอให้พวกท่านดลบันดาลให้เขาปล่อยตัวนุ่มกลับบ้านเร็วๆ ด้วยค่ะ และขอให้นุ่มพ้นจากอำนาจชั่วร้ายป่าเถื่อนของคนใจร้ายด้วยเถิ้ดดด และจะให้ดีนุ่มขอสามตัวตรงๆ งวดนี้เลยนะคะ นุ่มจะได้มีเงินมีความสุขสบายไม่ต้องทำงานกลางคืนให้ใครดูหมิ่นเหยียดหยามว่าเป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่ต้องเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีมาลวนลามทำร้าย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ดีมากๆ ก็ขอให้นุ่มได้สามีดีๆ หล่อๆ จิตใจดีไม่ปัญญานิ่ม และรวยมาก รักนุ่มมากๆๆๆ นะคะ สาธุๆๆ” “นี่เธอ พอได้แล้ว เลอะเทอะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” สิงหาเอ็ดหญิงสาวที่บรรจงปักธูปด้วยรอยยิ้มอย่างหมั่นไส้เหลือคณา “อ้าว.. คุณนี่นะ ฉันขอในสิ่งที่ฉันอยากได้จริงๆ เผื่อท่านจะดลบันดาลให้ฉันได้ดังหวัง จะได้ไม่ต้องมาเจอคุณอีกไง” “อย่างกับฉันอยากจะเจอเธองั้นล่ะ” “แต่คุณก็จับตัวฉันมา” “โอ๊ย... โอเค ฉันผิดเองที่ไม่ดูให้ดี ขอโทษ โอเคมั้ย พอใจรึยัง” สิงหาโวยเสียงขุ่นมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มยียวนด้วยความหมั่นไส้เหลือกำลัง พอรู้ว่าเขาผิดเจ้าหล่อนก็เล่นไม่เลิก
เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายเสือกไสไล่ส่งมาให้เป็นเมียขัดดอกของนายใหญ่แห่งหุบเขาคนเถื่อนที่ใครๆ ต่างก็กล่าวขวัญกันว่า โหดร้ายน่ากลัว แต่แล้วเธอกลับพบว่า คนเถื่อนอย่างเขาก็มีหัวใจ และมีไว้เพื่อเธอคนเดียว ++++++++++ “พี่มาร์คไปแล้ว.. ทีนี้ก็เหลือแค่เรา..” ปิ่นกมลเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง และถิ่นเถื่อนก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดูท่าทางเขาขัดเขินไม่น้อย “มีอะไรจะสารภาพกับปิ่นมั้ยคะ” “ไม่มีนี่นา..” “ใครกันนะบอกว่า เป็นผัวเมียกัน ต้องบอกกันทุกเรื่อง ให้ไว้ใจกันและกัน” ถิ่นเถื่อนทำอึกๆ อักๆ ท่าทางของคนตัวใหญ่โต แต่ดูเก้งก้างเมื่อตอนนี้เขามีความผิดติดตัว “ก็บางเรื่อง มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกไง..” “อ้ออออ.. หรือคะ แล้วพี่เถื่อนคิดว่าจะบอกปิ่นตอนไหนคะ และเรื่องไหนบ้าง” ปิ่นกมลเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม แล้วเงยหน้ามองเขายิ้มๆ ถิ่นเถื่อนเมินหน้าหนีน้อยๆ แต่ใบหูแดงก่ำ “ก็..” “ก็อะไรคะ..” ปิ่นกมลซักไซ้ ถิ่นเถื่อนหันกลับมามองหน้าคนช่างซักอย่างรู้สึกหมั่นไส้แกมเอ็นดูคนตรงหน้ายิ่งนัก “ก็.. ไปคุยกันบนห้องดีกว่าไง” “ว้าย... พี่เถื่อน ปล่อยปิ่นนะคะ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย..” ปิ่นกมลหวีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มตวัดร่างบอบบางขึ้นไว้ในวงแขนแข็งแรงหน้าตาเฉย
สวย ดุดัน เข้ม หยาบคาย เผ็ด แซ่บ ตดเป็นตด ฟังไม่ผิดหรอก ตดน่ะถูกแล้ว นั่นคือ นิยามของ ฝันงาม ชื่อสวยหรูคุณหนูสุดๆ แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าเธอจะเป็นคุณหนูสายแบ๊ว เพราะเธอคือผู้ฉีกทุกกฎของคำว่ากุลสตรี .. +++++++ “จะมีผัวทั้งทีก็ต้องดูดีๆ สิคะ ธิดาหน่อทองไม่ได้กระจอกงอกง่อยนะ มีทั้งมงและสายตะพายพร้อมโล่เกลียดก็อด.. จะให้เอาพวกไม่มีอนาคตมาทำผัวเหรอ..” “ครับเมียพี่ฉลาดเก่งที่สุดในสามโลก เมียจ๋า.. พี่ร้อนแล้ว..” กวินเริ่มเสียงสั่นพร่าเมื่อมือเล็กร้ายกาจเลื่อนไปยังแก่นกลางกายที่เริ่มคึกคะนอง.. “วันนี้งามจะทำให้พี่วินลืมโศก ลืมเศร้า เราจะมันกันอย่างเดียว..” กวินหัวเราะลั่นกับคำพูดห่ามๆ ของเมียรักที่แสนจะตรงไปตรงมาและตรงใจเขาเหลือเกิน.. “งั้นแสดงฝีมือเลยเมียจ๋า หากฟ้าไม่เหลืองห้ามหยุดนะ..” กวินท้าทายฝันงามหรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน.. “อย่าร้องขอชีวิตก็แล้วกัน..” ปล. หนังสือเสียงนี้ได้รวมตอนพิเศษไว้ด้วยนะคะฟังกันเต็มอิ่มไปเลยจ้า
“จะอ่อยฉันอีกนานไหม...” เสียงห้าวดังขึ้นทำให้หญิงสาวลืมตาทันทีก่อนจะผละออกจากวงแขนแกร่งของเขาทันที ใบหน้านวลแดงปลั่งทั้งขัดเขินและอับอายกับคำพูดของเขาแต่เหนือสิ่งอื่นใดเธออับอายที่กำลังจะกลายเป็นสาวร่านร้อนเที่ยวกอดจูบกับผู้ชายมากกว่า “คนบ้า ปากเสีย... ฉะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นเสียหน่อย...” หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ แล้วถลึงตาใส่เขาพลางต่อว่าเขาเสียงเขียวแต่ข้างในใจสาวกลับสั่นไหวหวิวๆ แทบจะเป็นลมแข้งขาสั่นไปหมดจนขยับเดินไม่ได้...
เจ้าสาวคาวโลกีย์สำหรับเขา เพราะหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพราะไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งของมารดาที่ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและจุ้นจ้านวุ่นวาย ทำให้เขาต้องหาไม้กันหมาที่ต้องแสบแซบเร้าใจเพื่อคานอำนาจของมารดา...สำหรับเธอ มีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ จึงต้องมารับอาชีพไม้กันหมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อหลวมตัวรับงานนี้ ณดา ก็แทบมอดไหม้ด้วยไฟเสน่หาอันร้อนแรง
เขาหล่อเขาร้ายและร้อนแรงดังเปลวเพลิงที่พร้อมจะละลายน้ำแข็งอย่างเธอ ให้เดือดพล่านด้วยไฟเสน่หา.. ++++++++++ “คนบ้าปล่อยนะ พี่แสน อ๊ายย” หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่อภาสกรก้มลงหอมแก้มใสหนักๆ อย่างมันเขี้ยวและอยากแกล้ง “แก้มน้ำแข็งหอมจัง” “พี่แสนคนบ้า รังแกน้ำแข็ง คอยดูนะน้ำแข็งจะฟ้องพี่ธาร” หญิงสาวหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย “ฟ้องไอ้ธารคนเดียวเหรอ ฟ้องคุณอาด้วยสิ และฟ้องให้หมดด้วยนะว่าพี่ทำอะไรบ้าง” “พี่แสนจะทำอะไร ว้าย.. ปล่อยนะ คนบ้า พี่แสน กรี๊ดดด..” ทิพย์ธาราหวีดร้องเสียงหลงเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่รัดแน่นของเขาแล้วทิพย์ธาราก็รู้ได้ทันทีว่าตนตกเป็นรองเขาหญิงสาวดิ้นเร่าอย่างโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ความเยือกเย็นที่มีก่อนหน้าหายไปสิ้น เพราะเมื่อปะทะกับเขาทีไรเธอก็มักจะเป็นเช่นนี้และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้สงบเยือกเย็นได้นานเลยสักครั้ง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี