เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
ในค่ำคืนอันมืดมิด
แสงไฟภายในคฤหาสน์ของตระกูลยู่ยังส่องสว่างไสว เสียงหัวเราะครื้นเครงดังออกมาเรื่อย ๆ จากทางห้องนั่งเล่น
เจียงซุ่ยยืนอยู่เพียงผู้เดียวภายในห้องครัว ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงอย่างผิดปกติ เธอมองหม้อซุปด้วยความวิงเวียน ไอจากหม้อที่ลอยขึ้นมาปะทะใบหน้าทำให้เธอมองอะไรไม่ค่อยชัด
หญิงสาวมีไข้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว
แต่เธอไม่มีแม้แต่เวลาจะออกไปหาซื้อยามากิน เธอมัวแต่สาละวนอยู่กับงานบ้านพวกนี้จนไม่ได้ออกไปไหนเลย
“นี่ เสร็จหรือยังวะ! เธอขนาดแค่ทำกับข้าวก็ช้าขนาดนี้ นี่พี่ชายของฉันไปคว้าเอาขยะอย่างเธอมาแต่งงานด้วยได้ยังไงเนี่ย!”
ยู่โหลเดินเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เจียงซุ่ยได้แต่เลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง หญิงสาวคุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้ของน้องสามีตนเองแล้ว
“อีกไม่นานก็เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นก็เร็ว ๆ เข้า พี่ชายของฉันกับพี่เมิ่งหนิงกำลังรออยู่” ยู่โหลออกคำสั่งให้อีกคนเร่งมือ “พี่เมิ่งหนิงน่ะไม่เหมือนกับสาวบ้านนอกคอกนาอย่างเธอหรอกนะ พี่เขาเพิ่งจะกลับมาจากการรักษาที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้พี่เขาหิวไม่ได้ เพราะถ้าพี่เขาหิวขึ้นมา พี่ชายของฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”
เจียงซุ่ยกำช้อนในมือของตนเองแน่น เธอรู้สึกเหมือนถูกแทงทะลุหัวใจ มันเจ็บปวดเหลือเกิน
เธอคอยดูแลยู่จินเฉินและตระกูลยู่ด้วยกำลังทั้งหมดที่เธอมีมาตลอดระยะเวลาสามปี ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้คนหนึ่ง แต่ในสายตาของสามี เธอเทียบอะไรกับเสิ่นเมิ่งหนิงไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผมด้วยซ้ำ
ยู่โหลหัวเราะเยาะใส่
“คนเราก็ควรต้องรู้จักเจียมตัวบ้างนะ ถ้าคุณย่าไม่รีบอยากจะอุ้มหลานไว ๆ และถ้าพี่เมิ่งหนิงไม่ไปต่างประเทศ ผู้หญิงน้ำหน้าแบบเธอคงไม่มีทางได้เข้ามาเหยียบในบ้านของฉันได้หรอก แต่ยังไงขยะก็ยังเป็นได้แค่ขยะอยู่วันยันค่ำ สามปีที่ผ่านมาเธอไม่ท้องเลยด้วยซ้ำ ทำอาหารก็แย่ กวาดถูพื้นก็ไม่ได้เรื่อง เธอรีบไสหัวออกจากบ้านนี้ไปจะดีกว่า!”
เจียงซุ่ยมองตามยู่โหลที่เดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วกำมือแน่น
ข้างนอกมีเสียงดังแผ่ว ๆ
“จินเฉิน การที่ฉันกลับมามันรบกวนคุณกับเจียงซุ่ยมากไหมคะ เธอคงไม่โกรธฉันใช่ไหม?”
เป็นเสียงของผู้หญิงที่พูดจาด้วยน้ำเสียงน่าฟังเหมือนกับหยาดน้ำทิพย์
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ธุระของคุณเป็นเรื่องสำคัญนี่”
เสียงผู้ชายที่นุ่มทุ้มและไพเราะเต็มไปด้วยความอ่อนโยนดังขึ้น
มันเป็นสิ่งที่เจียงซุ่ยเฝ้ารอคอยและปรารถนาจะได้ยิน แต่เธอไม่เคยได้รับมันเลย
เจียงซุ่ยยืนอยู่เพียงลำพังในห้องครัว ภายในใจของเธอจมดิ่งลึกลงไปทุกขณะ หญิงสาวเหลือบไปมองเทียนและกล่องของขวัญที่อยู่ในถังขยะด้วยความรู้สึกสมเพช
นี่เป็นชีวิตคู่ที่เธอยังคงทุ่มเทและพยายามรักษามาตลอดสามปี
แต่ผู้ชายที่เธอรักอย่างสุดหัวใจมาตลอดสามปี กลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้คือวันครบรอบแต่งงานปีที่สามของทั้งคู่
อาหารมื้อค่ำที่ตระเตรียมขึ้นจากการใช้งานคนป่วยได้กลายเป็นอาหารที่ใช้ในงานเลี้ยงต้อนรับเสิ่นเมิ่งหนิงเป็นที่เรียบร้อย
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ความทุ่มเท ความอดกลั้น และความคาดหวังทั้งหมดของเธอกลับกลายเป็นเรื่องตลกชวนหัวเราะไปหมดแล้ว
“คุณเจียง ขอโทษที่ฉันมารบกวนนะคะ มาค่ะ เดี๋ยวฉันช่วย”
เสิ่นเมิ่งหนิงเดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับคำขอโทษและการขออาสาช่วยเหลือ
เจียงซุ่ยมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยท่าทางอ่อนแอตรงหน้าด้วยความเรียบนิ่ง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากบาง ๆ “คุณเสิ่น คุณควรจะเรียกฉันว่าคุณนายยู่นะคะ”
รอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าของเสิ่นเมิ่งหนิงจางหายไป ก่อนที่เธอจะพูดจายั่วยุว่า “เจียงซุ่ย ในหัวใจของจินเฉินน่ะมีแค่ฉันอยู่โดยตลอด เธอก็เป็นได้แค่ไม้กันหมาที่เขาเอามาแต่งงานด้วยเท่านั้น เธอได้ครอบครองเขาไปตั้งสามปีก็ควรรู้จักพอแล้ว ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว เธอก็ควรที่จะคิดได้และเป็นฝ่ายยอมปล่อยเขาไป อย่าคิดฝันในสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอเลย”
หัวใจของเจียงซุ่ยเจ็บปวดรวดร้าว แต่ความรักในศักดิ์ศรีของตนเองยังคงมีอยู่ และเธอจะไม่ยอมให้ตัวเองแสดงความเสียใจออกมา
“ตราบใดที่ฉันยังไม่หย่า ฉันก็ยังเป็นภรรยาของยู่จินเฉินอยู่ ส่วนคุณก็เป็นมือที่สามที่หน้าไม่อาย”
คำพูดพวกนั้นทิ่มแทงหัวใจของเสิ่นเมิ่งหนิงอย่างรุนแรงจนทำให้ใบหน้าของเธอดุร้ายไม่น่ามอง
“อย่าชะล่าใจไปหน่อยเลย ถ้าจู่ ๆ มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันต่อหน้าต่อตาของเธอ จินเฉินไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่!”
ลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายผุดขึ้นมาภายในใจของเจียงซุ่ย
“คุณคิดจะทำอะไร?”
เจียงซุ่ยไม่ทันจะได้ทำอะไร เสิ่นเมิ่งหนิงก็ยักคิ้วขึ้นพร้อมกับหยิบมีดทำครัวที่วางอยู่บนเขียงขึ้นมาแทงลงไปที่ท้องของตัวเอง…
เจียงซุ่ยพุ่งเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั่น เธอจับมือที่กำมีดไว้พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น “คุณเป็นบ้าไปแล้ว!”
ในจังหวะที่ไม่คาดคิด เสิ่นเมิ่งหนิงก็สะบัดมือของตนเองออกอย่างแรง
ในระหว่างการยื้อยุดฉุดกระชาก คมมีดก็บาดเข้าที่แขนของเจียงซุ่ย หญิงสาวจึงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยมือออก
จากนั้นภาพที่เธอเห็นก็คือร่างกายของเสิ่นเมิ่งหนิงที่มีเลือดพุ่งออกมา
เสิ่นเมิ่งหนิงมองสีหน้าตื่นตระหนกของเจียงซุ่ยแล้วคลี่ยิ้ม ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
“จินเฉิน ช่วยด้วย! เจียงซุ่ยจะฆ่าฉัน!”
เจียงซุ่ยตกตะลึง จากนั้นเธอก็เห็นยู่จินเฉินวิ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห
เธออยากจะอธิบายแต่ลำคอกลับตีบตันและไม่สามารถเอ่ยเสียงใด ๆ ได้
เธอมีไข้อยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมาเสียเลือดอีก ดวงตาของเจียงซุ่ยจึงเริ่มพร่ามัว อีกทั้งร่างกายก็เดินได้อย่างกะโผลกกะเผลก
ก่อนที่จะหมดสติ เจียงซุ่ยเห็นยู่จินเฉินเดินผ่านตัวเธอไปอย่างไร้ความปราณี เขาเข้าไปอุ้มเสิ่นเมิ่งหนิง จากนั้นก็เดินออกไปด้วยความรวดเร็วพร้อมกับอาการกระวนกระวาย ปล่อยให้เธอหมดสตินอนจมกองเลือดอยู่คนเดียว…
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า“เจียงซุ่ย ทำไมถึงอย่ากับคุณยู่น่ะ” เจียงซุ่ยยิ้ม“เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก” อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที “คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี