คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!
คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!
บทนำ
“แม่ผมมาแล้ว...”
“โตเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ ไหนมากอดหน่อย”
“ผมคิดถึงแม่ครับ”
“แม่ก็คิดถึงลูกมา ต่อไปนี่เราไม่ต้องคุยกันผ่านกล้องแล้วนะ”
“ครับแม่”
ฉันแอบมองคุณหญิงกอดกับผู้ชายรุ่นราวเดียวกับฉันอยู่ข้างประตู ผู้ชายตัวสูงนั้นคือลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงนั้นเอง คุณหญิงบอกฉันว่าท่านมีลูกชายที่อาศัยอยู่ที่อเมริกาเราอายุเท่ากันแต่เขามีศักดิ์เป็นพี่เพราะเขาเกิดก่อนฉันสองเดือนตอนนี้ฉันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเขาจะยอมรับฉันไหมนะ...
“อ่อ แม่มีคนหนึ่งจะแนะนำลูกน้องของลูกไง ที่แม่เคยเล่าให้ฟัง”
“...อ่อครับ”
สีหน้าผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาดูนิ่งและน่ากลัวมาก...เหมือนเขาเองจะสังเกตเห็นฉันเหมือนกัน อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะยื่นมือหนานั้นมาตรงหน้าฉัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ต่อจากนี้เธอจะมีพี่ชายที่แสนดีละนะ^_^”
“...จะ จ้า
” ฉันยื่นมือไปจับมือหนานั้นไว้เบาๆ แต่เขากลับดึงให้ตัวฉันขยับเข้าไปก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูฉันอย่างแผ่วเบา
“เธอ ตาย แน่...^_^”
โอ้ แม่ จาววว
T_T
ณ ตอนนั้นฉันก็รับรู้ได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงต่อจากนี้...อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงวันแรกที่เจอ ‘ลิบิน’ ขึ้นมา...ฉันยังจำได้วินาทีที่เขากระซิบข้างหูฉันได้แม่นนี่แค่คิดยังขนลุกไปทั้งตัวเลยนะเนี่ย ตั้งแต่เขากลับมาจากอเมริกาเมื่อสองปีที่แล้วเขาค่อนข้างต่อต้านฉันอย่างแรงทั้งแกล้งฉันจนร้องไห้ ออกปากไล่ฉันออกจากบ้านแกล้งฉันสารพัด แต่ก็เอาเถอะไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไงฉันก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตอบแทนที่คุณหญิงให้ชีวิตใหม่กับฉัน ถึงบางเวลาเขาจะเรียกฉันว่าคนใช้ก็เถอะ =-= ซึ่งบางทีฉันก็แอบเคืองเหมือนกันนะคำพูดเเบบนั้นน่ะ
"นี่ยัยคะน้ายื่นทำอะไรอยู่ตั้งนานพรุ่งนี้มีเรียนนะ"
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดไป แค้นไปลิบินตัวดีก็เดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามายืนข้างๆ ฉันเขาคงจะแอบมองอยู่สักพักได้แล้วล่ะ
โห.. นึกว่าจะได้มองดาวคนเดียวอย่างสงบสะอีก
"ก็เเค่รับลม มองดาวไปเรื่อยๆ "
"คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง? "
"ก็เปล่าสะหน่อย เเล้วนายมาทำอะไรตรงนี้"
"ก็นี่มันบ้านฉันนิฉันจะอยู่มุมไหนก็ได้"หยักไหล่ด้วย
=_=
"ค่ะ ฉันมันเป็นเเค่ผู้อาศัย เดียวก็ออกไปจากที่นี่เเล้วอดทนหน่อยละกัน"
ลิบินมองหน้าฉันอย่าง งงๆ ทำไมล่ะวันหนึ่งฉันก็ต้องออกไปมีชีวิตของตัวเองใช้ชีวิตคนเดียวอยู่เเล้วนิหรือถ้าวันหนึ่งฉันเจอพ่อเเม่ฉันก็ต้องย้ายไปอยู่กับท่านอยู่แล้ว
"อยากไปก็เรื่องของเธอ-=-"
"นายก็ไม่ได้อยากให้ฉันอยู่นิ"
"เออ รู้ก็ดีเเล้ว เข้านอนได้เเล้ว..."
"อีกสักพัก..."
"เดี๋ยวนี้! "
"ตะโกนทำไม? เเล้วเรื่องอะไรทำไมนายต้องมาบังคับฉันด้วย! "
"ฟังชัดๆ นะ..."
ลิบิน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันเเล้ว เอามือชี้ปากตัวเองเหมือนให้ฉันตั้งใจดูที่ปากเขา
"ฉันเป็นเจ้าของบ้านเเละตอนนี้สั่งให้เธอไปนอนพร้อมฉันสะ"
"นี่มันชีวิตฉันนะ ถึงฉันนอนดึกก็ไม่ตื่นสายเท่านายหรอก"
"ขี้เกียจฟัง มานี่ไปพร้อมกันนี่ละ"
"เฮ! ทำไมต้องลากฉันด้วย"ลิบินจับเข้าที่เเขนขวาของฉันเเล้วดึงให้เดินตามเขากลับเข้ามาในบ้าน พอฉันพยายามจะเเกะมือของเขาออกเจ้าตัวก็หันมาจิกตาใส่สะงั้น =-= เขาเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยชอบบังคับฉันตลอดเวลาเลย พอถึงหน้าห้องฉันเเทนที่เขาจะปล่อยฉันเเล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเเต่กลับยืนนิ่งกอดอกมองเหมือนต้องการให้ฉันเข้าห้องไปก่อน
"อะไร ทำไปไม่เข้าห้องไปละ"
"เธอก็เข้าไปก่อนสิ ฉันจะยืนมองอยู่ตรงนี้"
"เเต่ตอนนี้ก็ถึงห้องฉันเเล้วนะ..."
"ถ้าฉันเดินเข้าห้องไปเธออาจจะเดินออกไปอีกก็ได้"
“อะไรของนายเนี่ย?”
“นับหนึ่ง...”
"โอเคเรื่องของนายจะคิด ถ้าเข้าห้องเเล้วนายสบายใจงั้นฝันดี= ="
"อ่าฮะ"
ฉันไม่สนใจเขาเเล้ว เดินเข้าห้องไปโดยดี ฉันไม่อยากเถียงกับเขาให้เสียอารมณ์หรอกนะเดี๋ยวฝันร้ายกันพอดี พอรุ่งเช้าฉันก็ตื่นตามปกติรีบอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อลงมาทำอาหารเช้ากินเองแบบทุกวัน ที่จริงฉันทำเเบบนี้มาตั้งเเต่จำความได้รู้สึกว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุกในเเต่ละวัน ถึงเเม่นมจะขอให้ฉันนั่งรอกินอาหารเช้าฝีมือท่านเท่าไหร่ก็ตาม...มันเป็นความสนุกน่ะ เเต่มันก็ไม่สนุกตรงที่มักจะมีคนตื่นสายมาสั่งฉันทำเผื่อน่ะสิ ว่าเเต่นี่ก็เริ่มสายเเล้วทำไมลิบินช้าจังนะ?
“ยัยคนใช้ยืนทำอะไรอยู่ตั้งนาน ช่วยทำอาหารให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหมฉันรอนานมากแล้วนะหิวมากด้วย”
ยังไม่ทันขาดคำเจ้าตัวก็ลงมายืนกอดอกมองฉันแล้วออกคำสั่งเลยมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย -=-
“ฉันไม่ได้ทำให้นาย ทำไมนายไม่ขอให้แม่นมทำให้กินละ”
ฉันวางจานข้าวผัดลงข้างตัวเเล้วหันไปมองลิบินที่ยืนพิงประตูอยู่ เห็นไหมล่ะเขาเห็นฉันเป็นคนใช้
จริงๆ ทั้งที่คุณหญิงบอกให้คิดว่าเราอยู่กันแบบเพื่อนก็เถอะ เเต่เขาไม่เคยคิดเเบบนั้นเลยที่เป็นเเบบนี้คงเพราะที่คุณหญิงชอบฉันมากกว่า ชิ!
“แม่นมไม่ว่างทำความสะอาดอยู่...”
“งั้นก็ทำกินเองโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว”
“นี่เธอ! ฉันเป็นลูกเจ้าของบ้านนี้นะ เท่าที่รู้เธอต้องดูแลฉันไม่ใช่หรือไงคิดว่าแม่เก็บเธอมาเลี้ยงแล้วจะไม่ต้องทำอะไรงั้นเหรอ”
ลิบิน
ยืนยิ้มมองฉันเหมือนตัวเขาเองได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวง เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอชอบพูดเหมือนว่าฉันเป็นส่วนเกินจะชินดีไหมล่ะ?
เหอะ?
“หัดตื่นให้มันเช้าๆ สิ”
“เรื่องของฉัน”
“เรื่องของนายแต่เดือดร้อนฉันเสมอเลยงั้นเหรอ”
“ก็มันหน้าที่เธอ” ฉันถือจานข้าวผัดมาวางบนโต๊ะให้เขาแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว ที่จริงฉันกินข้าวเช้าเรียบร้อยไปตั้งนานเเล้ว ละที่ทำจานนี้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาสั่งฉันให้ทำเผื่อ ลิบินมองฉันนิ่งๆ แบบที่ชอบทำก่อนจะเดินไปนั่งกินเงียบๆ เขาก็เป็นสะอย่างนี้ตื่นสายแล้วก็มาโวยวายให้คนอื่นทำอาหารเช้าให้กินนี่ถ้าเขาไปอยู่คนเดียวแล้วจะเป็นยังไงนะ ปีนี้เราอยู่ปีสุดท้ายแล้วด้วย เฮ้อ...
“คุณหนูคะ คุณชายละคะแม่นมขึ้นไปปลูกก็ไม่เจอเจ้าตัวเลยนี่ก็สายแล้วแม่นมเองก็ยังทำอะไรไม่เสร็จแล้วคุณชายจะทานอะไรก่อนไปเรียนก็ไม่รู้ คุณหนูเห็นคุณชายไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่นม ลิบินตื่นแล้วค่ะ แต่งตัวแล้วเรียบร้อยกำลังทานข้าวอยู่ในห้องครัวค่ะ^_^”
ฉันเดินออกมาเจอแม่นมที่กำลังยื่นขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าห้องครัวฉันละอดหัวเราะกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของแม่นมไม่ได้ท่าทางท่านจะร้อนใจมาก
“ขอบคุณคุณหนูมากนะคะ แม่นมมีงานเยอะจริงๆ ขอโทษที่ชอบทำให้วุ่นวายนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่นม คนที่วุ่นวายน่ะลิบินต่างหากละค่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของแม่นมเอง”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ^_^”
“แม่นมไปทำงานของแม่นมเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงลิบิน เดี๋ยวคะน้าจัดการเขาเองค่ะ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ค่ะ^_^”
ฉันพูดยิ้มๆ ถึงบ้านนี้จะมีแม่บ้านอยู่หลายคนแต่แม่นมนี่ละเหนื่อยที่สุดเพราะนอกจากจะดูแลทุกคนในบ้านยังต้องคอยทำอาหารคุมการทำงานของแม่บ้านคนอื่นอีก แต่แกก็ดูมีความสุขดีนะ
“โล่งอกไปที แล้วคุณหนูจะไปส่งคุณแม่ไหมคะหรือจะไปเรียนเลยตอนนี้คุณแม่ยังไม่ไปนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวคะน้าไปลาคุณหญิงตอนนี้เลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวลิบินจะโวยวายเอาแม่นมก็รู้นิค่ะเขาไม่ชอบไปสาย”
“งั้นเดี๋ยวแม่นมขอไปดูคุณชายก่อนนะคะ คุณชายนี่หน้าตีจริงๆ” แม่นมพูดอย่างมันเขี้ยว
“ตีแรงๆ เลยนะคะ^_^”
“แม่นมทำไม่ลงหรอกค่ะ คุณหนูก็”
"ฮ่าๆ ไปก่อนนะคะ” ฉันถอนหายใจกับการจัดเวลาของลิบิน เขาตื่นสายได้แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นสายเอาแต่ใจจริงๆ
นี่ขนาดแม่เขาจะต้องไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายเดือนเขายังตื่นสายอย่างนี้แล้วไหนยังต้องรีบไปเรียนอีก เขาไม่คิดจะกอดลาแม่หน่อยหรือไงฉันลืมบอกไปว่าลิบินกับแม่เขาเองก็ค่อนข้างจะห่างเหินเพราะเรื่องงานที่แม่เขาทำจึงมีเวลาให้ครอบครัวน้อยมากพอสมควรอีกอย่างลิบินเองก็พึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปีด้วย
เเต่หลายครั้งที่แม่นมเล่าให้ฟังว่าลิบินก็ทำตัวน่ารักเเอบไปอ้อนเเม่เพื่อเต็มความอบอุ่นอยู่ตลอด แต่เขาไม่อยากให้ฉันเห็นสงสัยกลัวฉันจะล้อ ฮ่าๆ
“...ว่าไงลูกสาวแม่ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอสายแล้วนะลูก”
“ลิบินยังทานข้าวไปเสร็จเลยค่ะ”
“คงตื่นสายอีกแล้วสิ สู้ลูกสาวแม่ไม่ได้...”
คุณหญิงลูบผมฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู ท่านจะแทนตัวเองด้วยแม่เสมอฉันเองก็อยากเรียกท่านว่าแม่นะแต่ติดที่ฉันยังรอ...รอเพื่อที่จะเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันที่คุณหญิงพยายามตามหามาตั้งแต่ฉันจำความได้แต่มันก็ไร้วี่แวว จนบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าต้องทำใจเหมือนกันฉันยังแอบอิจฉาลิบินนะ ที่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นใครบางครั้งฉันก็คิดไปว่าถ้าคุณหญิงเป็นแม่จริงของฉันก็คงดี
“คุณหนูคะ คุณชายให้มาตามค่ะ”
“ค่ะแม่นมคุณหญิงคะเดินทางปลอดภัยนะคะพักผ่อนด้วยนะคะ คะน้าต้องไปเรียนก่อน”
“มากอดทีสักวันแม่จะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้หนูจนได้แม่สัญญา”
“ค่ะ หนูจะรอ
” คุณหญิงกอดฉันแล้วยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉันมันเป็นบัตรเครดิตสองใบ ฉันรับมาอย่างแปลกใจเพราะปกติฉันจะได้รับเงินรายเดือนเข้าบัญชีฉันอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ทำไมถึงให้มาอีกตั้งสองใบนะ
“คะน้าใช้ได้ตามสบายนะ อีกอันของลิบินเขา เพราะรอบนี้แม่ไปนานกว่าปกติแม่กลัวไม่มีเวลาส่งให้คิดจะไว้ใจคนอื่นให้โอนแทนมันก็ไม่ได้ หนูเก็บเอาไว้นะ"
“ค่ะ คะน้าจะใช้อย่างประหยัด แต่ลิบินนี่คะน้าไม่รับปากค่ะ”
“ฮ่าๆ ไปเรียนเถอะลูกป่านนี้ลิบินหงุดหงิดแย่แล้ว"
"เเต่ลิบินเขายัง..."
"เขามาลาเเม่ตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้วละ อย่างนี้เเหละคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีมุมน่ารักฮ่าๆ "
“เขาก็เป็นเเบบนี้สินะคะ..."
"เอาละ รีบไปเถอะเดี๋ยวเจ้าเด็กนั้นจะโมโหหนักเอา"
"ค่ะคุณหญิง"
ฉันไหว้คุณแม่แล้วรีบวิ่งมาที่รถพอเปิดประตูรถเข้าไปก็รับรู้ได้เลยว่าเขาหงุดหงิดเอามาก ดูจากการนั่งกอดอกมองนอกหน้าต่างเเบบนั้นคงกำลังหงุดหงิดที่ฉันมาช้า นี่ถ้าฉันไปสะกิดต่อมเขามีหวังระเบิดแน่เลย เอาเป็นว่าฉันจะพยายามเเล้วกันหรือบางทีฉันควรไปนั่งข้างหน้าจะดีกว่า
“ขอโทษนะคะพี่ชนที่ให้รอ...”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนูแต่คุณชาย...”
“จะไปได้หรือยังยัยคนใช้ขี้ประจบนี่ก็มาแล้วนิ ช้าอย่างนี้ถ้าฉันเข้าสายฉันจะโทษเธอยัยคนใช้!”
ฉันหันไปจิกตาใส่ลิบิน ถ้าเขาไม่ตื่นสายฉันก็คงไม่ต้องรีบอย่างนี้หรอก
“เหอะ!”
“อย่ามาทำเสียงอย่างนั้นใส่ฉันนะ”
“นายมาโทษฉันทำไมละ”
“อยากจะโทษมีอะไรไหม”
หน็อย! น่าหมั่นไส้จริงๆ นี่เขาโทษฉันแค่เพราะฉันตั้งใจจะไปลาแม่เขาเนี่ยนะปัญญาอ่อนสุดๆ ไปเลยอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเจอกระเป๋าฉันหน่อยเป็นไรตาลิบินขี้โวยวาย
“โอ๊ย! ยัยบ้าฉันทำอะไรให้เธอเนี่ยถึงมาโยนกระเป๋าหนักๆ ของเธอใส่ฉัน ห๊า!”
“แล้วไงละ”
“เธอ! ...ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“รีบมาเอาละกัน เเบร่”
ฉันแลบลิ้นใส่ลิบินทันทีที่เขาโยนกระเป๋าคืนมาแต่ดันโดนเบาะ ฮ่าๆ ตลกชะมัดเวลาเขาโมโหนี่น่าดูจริงๆ
มีแต่ฉันคนเดียวนะเนี่ยที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงวางท่าเป็นคนเงียบขรึมเย็นชากดดันใส่ไปละแต่ฉันชอบให้เขาโวยวายมากกว่านะ
ฮ่าๆ
"ฉันเอาคืนเเน่ยัยบ้า"
"เหรอๆ อย่าช้านะ"
"เงียบไปเถอะน่า"
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด