“บอย ไม่ได้เข้านะบ่ายนี้ เลื่อนประชุมเลย ไม่งั้นก็เข้าแทนหน่อย อะไรสรุปได้ก็สรุปเบื้องต้นไปเลย เออๆ ฝากด้วย” พูดจบเขาก็โยนโทรศัพท์ไปไกลๆ แถวหัวเตียง จากนั้นก็โถมกายลงมานอนทับคนขี้แยหนักๆ เพราะความมันเขี้ยว ข้าวหอมหยุดร้องแล้ว ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นถี่รัว ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่ออกดูมๆ เกินตัวถูกเขาบีบคลึงแรงๆ เหมือนแกล้ง “สมใจเธอแล้วสิ ทำให้ฉันเสียงานเสียการได้” ว่าแล้วก็จูบไซ้ใบหูเล็กและซอกคอหอมที่เมื่อก่อนหน้านี้เขาก็ดอมดมจนมันแทบช้ำ “อื้อ...” ข้าวหอมเบี่ยงคอหนีเมื่อตอเคราของเขาทำเอาเธอจั๊กจี้ ก่อนจะหวีดร้องตกใจเมื่อโดนเขาลากให้ขึ้นไปนอนทับบนร่างแกร่ง และพอศิลาเห็นใบหน้านองน้ำตานั้นก็อดเย้าแหย่อีกไม่ได้ “ไม่ได้เรื่องเลยข้าวเหม็น แค่นี้ก็งอแง” “ข้าวต้องทำยังไงล่ะคะ ถึงจะถูกใจคุณ” “ไม่ต้องทำอะไรหรอก เป็นตัวของตัวเองอย่างนี้แหละ” “คุณหิน...” ข้าวหอมเรียกชื่อเขาเสียงเบาหวิว หัวใจเต้นโครมคราม เขาดูแคร์ แต่ทว่า “เพราะทำยังไงฉันก็ไม่ถูกใจเธอหรอก” “ไอ้คนบ้า!” “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะลั่นทันทีที่ทำให้เธอแว้ดๆ และหน้าง้ำหน้างอได้ สุดท้ายเขาก็ไม่เคยแคร์แม้แต่น้อยนิด ฮือ... ---------------- “บีมเขาเป็นพี่เธอหลายปี เรียกเขาดีๆ หน่อย” ศิลาปรามคนตัวเล็กที่เริ่มหน้างอเสียงขรึม “อีบีม!” ถ้าเขาจะแคร์อีนั่นมากกว่าเธอล่ะก็นะ! “ยัยข้าวเหม็น!” “ฮึ! แค่ชื่อก็แตะต้องไม่ได้ แคร์เขามากสินะคะ แล้วไปเอาตัวข้าวมาทำไม ปล่อยข้าวไปตามยถากรรมสิ” “โอ๊ย พูดจาแต่ละอย่าง น่าสงสารจริง” เขารู้สึกขำมากกว่าจะสงสาร คนอะไรน่ามันเขี้ยวและน่าหมั่นไส้ มีเมียเด็กนี่มันปวดหัวแบบนี้สินะ ข้าวหอมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะขยับกายหนีห่างจากเขาอย่างแง่งอน “ฉันก็แคร์ประสาคนรู้จักมักคุ้น ไม่ได้แคร์เท่ากับที่แคร์เธอเสียหน่อย เธอเป็นเมียฉันนะ บีมก็แค่คนอื่น เธอจะอิจฉาคนที่ไม่เคยได้เห็นขาอ่อนผัวเธอไปทำไม” ข้าวหอมหันขวับมามอง ก่อนจะส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีที่ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยได้เห็นขาอ่อนเขา “ข้าวไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ข้าวได้เห็นมากกว่าขาอ่อนซะอีก” ------------------ ฝากพี่หินและน้องข้าวเหม็นไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
“นางร้ายเบอร์หนึ่ง (ไล่จากลำดับล่างขึ้นมา) นึกว่าจะร้ายแต่ในทีวี ที่ไหนได้ ตัวจริงร้ายยิ่งกว่าในละคร วันนี้แม่นางถูกอะไรสิงมาก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวีนด่าคนทั้งกอง ต๊าย เพราะสันดานแบบนี้ชิมิคะ นางเลยไม่มีวาสนาจะได้เป็นนางเอก”
“อ๊าย!!”
ข้าวหอม ภารดาเกียรติสกุล กรี๊ดลั่นพร้อมกับวางแก้วน้ำหวานที่เจือแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างอารมณ์เสียที่สุดในโลก โชคดีที่ในไนต์คลับแห่งนี้กำลังมีการแสดงดนตรีสด และเสียงผู้คนกำลังกรี๊ดนักร้องสุดหล่อที่หน้าเวทีก็กลบเสียงของเธอได้หมดสิ้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พ้นเป็นข่าวว่าแม่ดาราสาวผู้ไม่มีวาสนาจะได้เป็นนางเอกมาวีนแตกในร้านเหล้าอีก
เบื่อ! ข้าวหอมเบื่อที่สุดในโลกกับการต้องเป็นบุคคลสาธารณะให้คนด่าว่าทั้งที่ไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอก็แค่สาวน้อยคนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากจะเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก ยอมขัดใจพ่อไม่ขอเรียนบริหารแต่มาเรียนนิเทศฯ ก็เพื่อจะได้มีวันที่ได้ทำหน้าที่นักแสดงมากฝีมือ แต่กลับต้องแลกด้วยการต้องรับมือกับข่าวลือ ทั้งมั่วทั้งจริง ทั้งใส่สีตีไข่ที่ถาโถมดั่งมรสุม
นี่ขนาดเพิ่งเข้าวงการมาปีเดียวนะ เรียนจบปุ๊บได้งานในวงการบันเทิงปั๊บ ตอนนี้เธอก็อายุยี่สิบสามปีพอดี อายุแค่นี้แต่ต้องเจออะไรมากมายกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก บางทีเธอก็เหนื่อยล้าจนอยากจะหนีไปให้พ้นๆ
แต่อะไรก็ยังไม่แรงเท่าข่าววันนี้ที่บอกว่าเธอลุกขึ้นมาวีนด่าคนทั้งกองหรอก ทำเอาเธอเครียดจนต้องหนีมานั่งเซ็งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ทั้งที่ไม่คิดอยากจะเข้ามาสักนิด แต่ไม่ได้มาคนเดียวนะ มากับเพื่อนสาวสองคนที่ตอนนี้พากันหนีไปอยู่หน้าเวที ป่านนี้คงกำลังส่องกางเกงในนักร้องอยู่มั้ง
อีเพื่อนบ้า ทิ้งกู จำไว้เลย!
“โดนด่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ ไอ้พวกโรคจิต”
บ่นพึมพำถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคนที่เจ็บแล้วไม่ลืมง่ายๆ ก็ต้นสายปลายเหตุของเรื่องวันนี้ มันเกิดจากการที่เธอโดนหลอกให้ไปถ่ายนู้ด แล้วจะไม่ให้เธออาละวาดได้ยังไงไหว
ตอนแรกคุยตกลงกันดิบดีว่าเป็นการถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำออกแนวสปอร์ต ไม่โป๊ ไม่หลุดแน่นอน เซฟอย่างดี ที่ไหนได้ พอไปถึง มีตากล้องหื่นๆ ยืนรอแล้วบอกให้เธอรีบไปแก้ผ้า
โชคดีที่เธอไปกับผู้จัดการส่วนตัว ถ้าไปคนเดียวนะ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ยัยข้าว ยังไม่เลิกเครียดอีกไง คิดมากน่ะแก”
พรทิพย์ที่กลับเข้ามานั่งที่โต๊ะแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนจะเขย่าหัวไหล่เพื่อนเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
“ไม่อยากคิดหรอกแก แต่มันอดไม่ได้ นึกแล้วก็โมโห แล้วนี่ยัยฟ้ายังไม่มาอีกเหรอ”
ข้าวหอมถามหาเพื่อนสนิทอีกคนที่มาเที่ยวไนต์คลับในวันนี้ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่พรทิพย์จะตอบ คนที่ถูกถามหาก็เดินแกมวิ่งลิ่วๆ มาที่โต๊ะทันที
“แกๆ อ๊าย...” สกาวใจโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเอามือกุมแก้มกระโดดไปกระโดดมา มันก็น่ารักอยู่หรอก แต่ข้าวหอมที่ตอนนี้หงุดหงิดไม่มีอารมณ์จะตื่นเต้นด้วย
“อะไร ทำท่าอย่างกับหมาโดนน้ำร้อนลวก”
“โอ๊ย อีข้าว ทำไมแกจะต้องพูดให้ฉันหมดอารมณ์ด้วย” สกาวใจค้อนให้เพื่อนวงใหญ่แม้จะไม่ได้ถือสาคำพูดของอีกฝ่ายก็ตาม
“ก็แล้วเป็นอะไรล่ะ ผู้ชายที่ไหนขอไลน์หรือไง ฉันจะได้บอกผัวแก” พรทิพย์เย้าขึ้นบ้าง นั่นทำเอาสกาวใจหันขวับมาด่าทางสายตาและคำพูด
“อีทิพย์ แฟนก็พอ ยังไม่มีอะไรกันสักหน่อย เห็นแบบนี้ฉันก็รักนวลสงวนตัวนะ”
สกาวใจว่าอย่างภาคภูมิใจ เธอมีแฟนแล้วก็จริง เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรี ซึ่งทั้งข้าวหอมและพรทิพย์ต่างก็รู้จัก
“อย่าลีลาได้มะ จะเล่าไม่เล่า ไปเจออะไรมา” ข้าวหอมตัดบท ด้วยอยากรู้จนเลิกอยากรู้แล้วว่าเพื่อนเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีปฏิกิริยาตื่นเต้นขนาดนั้น
“ฉันเจอเทพบุตรอะแก หล่อมากกกกกก” สกาวใจเน้นคำว่ามากจนยาวเหยียด
“แค่นี้เนี่ยนะ”
“ยัยข้าว! ถ้าแกได้เห็นนะเว้ย แกจะเลิกหวงพี่ฟิวเลยฉันรับรอง” สกาวใจบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เวอร์ไปยัยฟ้า นอกจากพี่ฟิวแล้วยัยข้าวมันจะสนใจใครได้”
พรทิพย์ส่ายหัวให้อย่างไม่เชื่อ ก็เธอเป็นเพื่อนสนิทของข้าวหอม ทำไมจะไม่รู้ว่าที่เพื่อนสาวแสนสวยคนนี้ไม่ยอมมีแฟนสักทีทั้งที่มีคนมาจีบมากมาย ก็เพราะมีเพียงชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่อยู่ในใจ นั่นก็คือพี่ชายนอกไส้ที่ชื่อฟิวนั่นเอง
“แน่จริงแกลองไปดูหน้าเขาก่อนสิ”
“ไม่อะ เพื่ออะไร เสียเวลา” ข้าวหอมปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด พร้อมกับหมุนแก้วน้ำหวานที่ผสมแอลกอฮอล์เล่นอย่างไม่คิดจะดื่มอีก เมื่อกี้ชิมไปคำนึงยังเวียนหัว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเธอดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ได้เลย คออ่อนยิ่งกว่าคอไก่เสียอีก
“ก็จริง ไปก็ใช่ว่าจะได้เข้าใกล้เขาหรอก”
“ทำไมวะ” พรทิพย์เอ่ยถามอย่างสงสัย ข้าวหอมเองก็เงี่ยหูฟังอย่างสนใจเช่นกัน
ภาคต่อ ดื้อรัก (เด็กดื้อ) แต่แยกอ่านได้ไม่งงนะคะ * เด็กเอ๋อแถมสติไม่สมประกอบ ที่กำลังก่อกวนให้หัวใจคนไม่เอาถ่านเต้นไม่เป็นจังหวะ * “พี่โจมองอะไรเหรอคะ” “มองคน” “หนูไม่เห็นใครเลย” เพราะนิรตานั้นไม่ได้สนใจอะไร เธอจึงไม่คิดฟังว่าใครพูดถึงใคร ต่างกับเตชัสผู้ถูกพาดพิงที่ได้ยินชัดแจ๋วเต็มสองรูหู “เมื่อกี้มันมีคนบ้าแอบนินทาพี่” “นินทาคืออะไร...” “พูดถึงลับหลังในทางที่ไม่ดี” “ก็เลยโกรธเหรอคะ” “ใช่” “พี่โจต้องไม่โกรธนะคะ โบราณเขาถือว่า โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่ค่ะ” ----------------- “เอาใหญ่แล้วนะหนูนิ่ม เห็นพี่ยอมหน่อยแล้วไม่เกรงใจ เดี๋ยวเหอะ” “ก็พี่โจ...” นิรตาทำท่าจะเถียง ก่อนจะหน้าหงอยลงเมื่อเขาทำหน้าดุใส่ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ “เดี๋ยวจะโดน ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลย” “โดนอะไรคะ” “ไม่บอก” นิรตาได้ยินเช่นนั้นก็จะลุกขึ้นเพื่อว่าจะกลับบ้าน แต่เตชัสก็คว้าเอวเธอไว้และดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งเสียก่อน แม้สาวน้อยจะพยายามดิ้นบิดกายออกห่าง แต่เขาก็กระชับอ้อมแขนกอดรัดแน่นขึ้น “โกรธเหรอ...โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่นะ” ว่าจบก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นใบหน้าหวานสวยนั้นงงงวยผสมกับความมุ่ยๆ เหมือนงอนๆ ใบหน้าของนิรตาตอนนี้ทำให้เขาบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าเห็นแล้วขำอีหลี * ซีรีส์ในชุดยังไงก็รัก 1. ดื้อรัก (เด็กดื้อ) - ตีพิมพ์และวางแผง ต.ค.2560 (ทำมือ) #6 2. เอ๋อรัก (เด็กบ๊อง) - ตีพิมพ์และวางแผง ก.ค.2566 (ทำมือ) #16 3. รักนะคะคนเถื่อนของฉัน - ตีพิมพ์และวางแผง ส.ค.2559 (ทำมือ) #5
ดันรัก (เจ้จ๋า+ไอ้เป๊ก) “ผมชอบแบบนี้ ชอบสาวอวบ” “เค้าอ้วนหรอ” รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าสวยจางลงไป เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้กังวลขึ้นมาอีกว่าตัวเองอ้วนเผละขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร “เปล่า ไม่ได้อ้วนเลย แต่อวบตรงนี้” เขาขยำมือลงไปตรงจุดที่ว่า อวบตรงนี้ ทำเอาคนโดนกระทำต้องบิดกายหลบน้อยๆ ด้วยความเขินอาย “อวบเป็นส่วนๆ อะ” “คนบ้า ปล่อยเลยนะ” จารุณาพยายามดึงมือเขาออกจากจุดอันตรายช่วงบน แต่ดูเหมือนคนที่เด็กกว่าจะไม่นำพาแรงขัดขืนเท่ามดนั้น -------------------- ดันรัก 2 (พิกเจอร์+ป๊อกจี้) “งั้นสัญญากับพี่ได้ไหมคะ ว่าต่อไปนี้จีจี้จะไม่เอาแต่ใจ แล้วจากนี้และตลอดไปก็จะให้พี่เอาแต่เรา” เปรมยุดายกมือขึ้นปิดปากหยักทันทีเมื่อเขาเอ่ยจบ เกรงว่าจะได้ฟังคำพูดห่ามๆ อย่างอื่นอีก นี่มันคืนแต่งงานบ้านไหนเนี่ย เธอต้องมานอนตัวแดงหน้าแดงฟังเขารำพันอะไรเสี่ยวๆ “อายอะไร พูดความจริง ตอบมา สัญญา” รัตนทัตไม่ยอมให้แม่เมียตัวน้อยปฏิเสธ และระหว่างที่เธอเม้มปากแน่นไม่ยอมเอื้อมเอ่ย มือหนาก็ลูบไล้ไล่สัมผัสไปถึงไหนต่อไป คนที่ตั้งใจว่าจะไม่คุยกับเขาแล้วเพราะกลัวเขาจะพูดทะลึ่งตึงตังเลยจำต้องอ้าปาก “พี่พิก พอแล้วค่ะ” ประท้วงเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นตรงข้ามกับคำที่บอกเธอว่าเหนื่อยและไม่มีแรงไปมากโข “พออะไรครับ หืม” ยังจะมาย้อนถามอีกนะคนบ้ากามนี่! ก็รู้ว่าเขามีสิทธิ์ ไม่ได้คิดจะปฏิเสธความต้องการของเขาหรอก แต่เปรมยุดาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า หรือเฉพาะพี่พิกเท่านั้น เลยอดถามเขาไม่ได้ว่า “ทำไมพี่พิกถึงได้หมกมุ่นกับเรื่องบนเตียงจังคะ” “งั้นเปลี่ยนไปที่ระเบียงไหมล่ะ”
"จะออกไปไหนน่ะเล่ย์ ข้างนอกอากาศเย็น เล่ย์ไม่สบายอยู่นะ" เธอบอกเสียงอ่อนโยน "เรื่องของเล่ย์ เล่ย์ก็จะไปตามประสาคนโสด" เขาตอบอย่างงอนๆ "เป็นอะไรอีกฮะ อย่ามาเอาแต่ใจกับลินนะ ลินไม่ชอบ" บอกเสียงเข้ม พลางจ้องหน้าเขาเขม็ง "ใครจะไปดีเหมือนไอ้นพล่ะ" "หยุดพูดถึงนพแบบนั้นนะ ทำไมเล่ย์ต้องพาดพิงถึงเค้า" "เล่ย์เป็นเพื่อนลิน เล่ย์ก็ต้องพูดถึงแฟนลินได้สิ ทำไม หรือเพื่อนคนนี้มันไม่มีสิทธิ์ ใช่สิ เล่ย์มันก็แค่เพื่อนนี่ เพื่อนที่ลินไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา" เขาว่าเธอระรัวอย่างที่ไม่เคยทำมานานแล้ว "นี่เล่ย์ไปกันใหญ่แล้วนะ นพเค้าไม่ใช่แฟนลิน นพเค้ามีคนรักอยู่แล้ว ทำไม เป็นเพื่อนลินมันไม่ดีตรงไหน หรืออยากจะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นผัวหรือไง ฮะ" พัฒนะอ้าปากค้าง หน้าขึ้นสีเข้มขึ้นมาทันใด เมื่อเจอคำพูดตรงไปตรงมาแบบนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเรียบเฉย เมื่อเข้าใจว่าเธอแค่หวง กลัวเขาจะไปเที่ยวเตร่เดินควงสาวอื่นๆ เหมือนที่แล้วๆ มา ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมายกว่านั้น
“เป็นอะไร” เธอหันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยังจะกล้ามาถามอีก! “พิมพ์ต่างหากที่ต้องถามคุณว่าคุณเป็นอะไร ทำไมต้องทำกับพิมพ์แบบนี้ พิมพ์ทำอะไรผิด” “ก็แต่งด้วยแล้วก็น่าจะพอใจ ยังจะต้องการอะไรอีก ทำไมแค่นี้ก็ต้องคิดเล็กคิดน้อย” “พิมพ์ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย พิมพ์แค่ไม่เข้าใจ” “แล้วต้องการเข้าใจแบบไหน คิดเองเออเองจบแล้วนี่” เขาสวนกลับรวดเร็วจนเธออ้าปากค้าง ก็จริง เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ไม่เลยจริงๆ ตอนนี้เขาเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักมาตลอดอีกแล้ว “งั้นเราก็คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้วค่ะ” เธอว่าก่อนจะลุกเดินหนีเขาเข้าไปในห้องนอน “ฮันนี่ ฟังผมก่อน” เขาตามมากระชากแขนไว้ให้เธอหยุดเดิน แต่เธอก็สะบัดออกและถอยห่างจากเขา “ไม่! พิมพ์จะกลับบ้าน พิมพ์ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว ฮือๆ” เธอตะโกนใส่หน้าเขาพร้อมอาการสะอึกสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง หันหลังเตรียมจะเดินไปที่โซนแต่งตัว เพื่อเก็บเสื้อผ้า ของที่เป็นของของเธอจริงๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาซื้อให้ พิมพ์อรตั้งใจว่าจะขนกลับไปที่บ้านให้หมด ให้มันจบๆ กันไป แต่โซนิคที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า เดินมากระชากข้อมืออีกครั้งและตวาดด้วยความฉุนเฉียว “จะไปไหน!” “ปล่อยพิมพ์นะ อย่ามาทำกับพิมพ์เจ็บๆ แบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์” คำพูดของเธอทำให้เขาตาลุกวาว “ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ ดี! ก็ให้มันรู้ว่าผัวอย่างผมจะแตะต้องคุณไม่ได้” เขาว่าเสียงดุดันพร้อมกับกระชากร่างงามเข้ามาปะทะอกกว้าง แล้วรวบกอดเอาไว้แน่น
“ดีจัง” ซีลีนาผงกหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขา พร้อมทั้งคำพูดแปลกๆ เหมือนจะเป็นคนละเรื่อง ทำให้คิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ “ซินนี่ดีใจจังที่คุณห่วงซินนี่ คราวหลังถ้าซินนี่น้อยใจคุณอีก ซินนี่จะแกล้งกลับบ้านดึกๆ คุณจะได้รอและก็เป็นห่วง” ป้าบ! มือหนาฟาดลงบนสะโพกเด้งๆ นั้นทันทีที่หญิงสาวพูดจบ กวนประสาทจริงๆ ทำให้ชาวบ้านเขาอดหลับอดนอนยังไม่สำนึกอีก “อื้อ เจ็บ อย่าตีสิคะ จับตรงนี้ดีกว่า” มือบางจับมือหนาลงมาวางแหมะลงบนภูเขาก้อนใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายสามีจะรีบชักมือออกหนี ไม่ต่างจากเจอของร้อน ตกใจเพื่อ? พิลึกจริงเชียว ก็จับอยู่ทุกวัน “ไปอาบน้ำได้แล้ว ดึกแล้วนะ จะได้นอนซะที” บอกพลางพยายามผลักร่างที่ทำท่าจะยั่วเขากลางดึก แต่ดูท่าทางแม่นางจะพยศขึ้นมาอีก กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าซีลีนาโกรธงอนอะไร “เอ็ดรังเกียจเหรอคะ ซินนี่เข้าใจว่าคุณชอบกลิ่นกายซินนี่เสียอีก ทุกทีซินนี่เห็นคุณหอมไปทุก...” “พอเถอะน่า” เขารีบหยุดคำพูดวาบหวิวที่พาให้ใจวาบหวาม ยามจินตนาการลงลึกไปในรายละเอียดตามคำเย้าที่เธอว่า
“อย่าคิดมาก” “แล้วคิสมั้ย” ขอโทษที่เธอปากไวไปหน่อยนะ จะเขินย้อนหลังก็ไม่ทันแล้วมั้ง “หือ?” “คิสมั้ย” นี่แน่ะ! ย้ำให้มันชัดเจนกันไป ก็แค่พูดเฉยๆ นี่นา ไม่เป็นไรหรอกน่า “แน่ใจนะว่าอยากให้คิส” -------------- “โบนัสพนักงานดีเด่น” คงอยากตอบแทนที่เธอมาทำความสะอาดห้องให้ตลอดช่วงที่เรียนมาด้วยกันสินะ แม้จะดีใจมากแค่ไหนแต่ก็อดแซวเขาไม่ได้ “โบนัสมันก็ต้องเป็นตังค์สิ” “จะเอามั้ยล่ะ อยากได้กี่แสน” “อ่า เยอะไป จ้าวขอแค่ยี่สิบ” พูดจบก็ยื่นมือแบออกไปตรงหน้าเขา ก็เลยโดนฟาดฝ่ามือเบาๆ “ไปอาบน้ำได้นะ” จ้าวจันทร์ทำท่าทางครุ่นคิด พลันหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่หลับคาทีวีแล้วน้ำไม่ได้อาบก็เลยพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องของเขาอย่างว่าง่าย พอเข้ามาถึงก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าที่อ่างล้างหน้ามีผ้าขนหนูและแปรงสีฟันวางทับกันไว้ และมีโพสต์อิตแปะไว้ด้วยว่า “จั่นเจา” แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมถึงทำให้เธอยิ้มกว้างได้มากขนาดนี้นะ โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็แอบชอบเราเหมือนกันแน่ๆ เตรียมของส่วนตัวให้ขนาดนี้ไม่ใช่แฟนจะทำแทนได้อ่อ ไม่ชอบกันตรงไหนเอาปากกามาเคาะหัวเลยดิ ที่ผ่านมาคือมีใจชัวร์ ฟันธง! ---------------- ฝากหมูตุ๋นลูกแม่อวบพ่อคิง น้องชายของหมูน้อยไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า ขอบคุณมากๆ เลยค่า
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"