ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / เมืองแฟนตาซี / กลายเป็นท่านเทพ
กลายเป็นท่านเทพ

กลายเป็นท่านเทพ

4.8
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?

บทที่ 1 เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร (ภาค 1)

ฟ้ายังไม่ทันจะสาง อากาศในตอนเช้าตรู่ของปลายฤดูใบไม้ร่วงค่อนข้างที่จะเย็นมาก รอบด้านยังคงมืดมิดไปหมด

ตะเกียงน้ำมันอันหนึ่งในห้องใต้ดินของตระกูลหลัวถูกจุดขึ้นจนสว่างไสว หลัวเจิงหนุ่มน้อยวัยเยาว์นั่งบดบังแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเอาไว้เกือบจะทั้งหมด เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะ แล้วก็หยิบหนังสือที่เย็บด้วยด้ายที่ทั้งเก่าและชำรุดออกมาอย่างเบามือ

หลัวเจิงปีนี้เพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปีเต็ม เขามีรูปร่างที่ซูบผอม หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไร แต่เขาเป็นคนที่มีนิสัยใจคอที่อ่อนโยน โดยเฉพาะดวงตาของเขาที่ดูแพรวพราวมากเป็นพิเศษ แม้อยู่ภายใต้ตะเกียงน้ำมันที่มีแสงไฟสลัวเหมือนแสงจากหิ่งห้อย ดวงตาของเขาก็ยังคงเป็นประกายระยิบระยับ

“ข้าใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนกว่าจะอ่าน ‘กฎแห่งธรรมชาติเทียนหลุน’ เรื่องนี้จบ ซึ่งอันที่จริงแล้วหลักการที่บอกไว้นั้นล้วนแต่ดีหมดทุกอย่าง แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า ‘เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร’ ข้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง!” หลัวเจิงกระซิบขึ้นมาเบา ๆ จากนั้นก็มองไปที่เปลวตะเกียงขนาดใหญ่เท่าเม็ดถั่วนั้น พลางพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง “ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่มีเมตตาของพ่อข้าที่ไปหลงเชื่อในประโยคนี้ ข้าที่เป็นลูกคนโตของบ้านนั้น ก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้หรอก แล้วพ่อข้าก็คงจะไม่ต้องตาย......”

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน จู่ ๆ เสียงไขกลอนประตูห้องใต้ดินก็ดังขึ้นมา หลัวเจิงจึงรีบกำจัดความเศร้าหมองในแววตาของเขาให้หมดไปในทันที และแทนที่ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ในขณะเดียวกันเขาก็รีบเป่าตะเกียงให้ดับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาผ้าห่มเก่า ๆ มาคลุมตัวไว้

เมื่อประตูห้องใต้ดินถูกไขและเปิดออก เสียงฝีเท้าหลายก้าวจากไกล ๆ ก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เป็นผู้นำเดินเข้ามา แล้วเหยียบลงบนเตียงของหลัวเจิงพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเสียงแหลมว่า “ยังนอนอยู่อีกหรือ? ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แกคิดว่าตัวเองนั้นยังเป็นนายน้อยของตระกูลหลัวอยู่อีกหรืออย่างไรกัน?”

คนผู้นี้ก็คือผู้ดูแลตระกูลหลัวคนหนึ่ง เขามีปากที่แหลมและแก้มตอบเหมือนลิง แถมยังมีเนื้องอกที่หน้าผากอีกด้วย เพียงมองแค่แวบเดียวก็ทำให้คนรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา

หลัวเจิงยกผ้านวมขึ้น ขยี้ตาอย่างตั้งใจ แล้วก็ลุกขึ้นมาจากเตียง เขาสวมรองเท้า ถุงเท้าโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ของเหล่านี้แม้ว่ามันจะเก่าและพังแล้ว แต่หลัวเจิงก็ยังสวมมันอย่างพิถีพิถันและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก

ผู้ดูแลกลอกตามองบนพลางสบถออกมาว่า ‘น่ารำคาญ’จากนั้นก็กวักมือ ให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังมาล้อมรอบหลัวเจิงเอาไว้ แล้วก็สวมชุดเกราะหนังอย่างหนา และใส่กุญแจมือกับโซ่ตรวนให้หลัวเจิง

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลัวเจิงก็เดินออกจากห้องใต้ดินภายใต้การนำของคนรับใช้ แล้วก็เดินไปที่ห้องโถงแสดงศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลัว

ตระกูลหลัวเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองฉงหมิงจวิ้น ซึ่งตระกูลนี้เป็นเจ้าของที่ดินที่อุดมสมบูรณ์หลายหมื่นไร่ แถมยังมีเหมืองหลายร้อยแห่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในเมืองฉงหมิงจวิ้นเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในภาคตะวันออกทั้งหมดมีหลายพันมณฑลมาก ซึ่งในหมู่คนมากมายก็มีตระกูลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงมากจนนับไม่ถ้วน แต่ตระกูลหลัวกลับยังไม่ติดอันดับในภูมิภาคตะวันออกเลยด้วยซ้ำ

หลัวเจิงที่ถูกคนรับใช้ควบคุมตัวอยู่ปีนออกมาจากห้องใต้ดินที่มืดมิด เดินผ่านศาลา สะพาน ทางเดิน และเรือจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนจะมาถึงประตูทางเข้าห้องโถงแสดงศิลปะการต่อสู้

ห้องโถงแสดงศิลปะการต่อสู้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกฝนสำหรับลูกหลานของตระกูลหลัว ที่ประตูทางเข้ามีมังกร นกฟีนิกซ์และสิงโตที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ส่วนพื้นปูด้วยหินบะซอลต์ป่าสีดำขนาดหนึ่งตารางเมตร เมื่อมายืนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถงจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการ

ตรงกลางของห้องโถงแสดงศิลปะการต่อสู้แห่งนี้ ลูกหลานของตระกูลหลัวหลายสิบคนที่สวมเสื้อคลุมสีเทากำลังฝึกมวยอย่างหนักอยู่ โดยอยู่ภายใต้การนำของครูฝึกตระกูลหลัว

มีเสียงชกต่อยและเสียงตะโกนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ลูกหลานของตระกูลหลัวเหล่านี้ล้วนอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุประมาณสิบกว่าปีกันทั้งนั้น เพื่อต้องการจะช่วงชิงเอาตำแหน่งที่มั่นคงในตระกูลหลัวมาให้ได้ ในทุก ๆ วันพวกเขาจึงต้องขยันเล่าเรียนอย่างหนัก แล้วก็ต้องฝึกฝนร่างกายอย่างสมบุกสมบัน

ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงลมหนาวพัดโชย หนาวจนเย็นเข้ากระดูกไปหมด แต่พวกเขากลับมีเหงื่อออกทั่วทั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บนหัวของพวกเขายังเต็มไปด้วยไอและหมอกสีขาวที่ลอยวนเวียนไปมา.....

ส่วนด้านข้างของห้องโถงแสดงศิลปะการต่อสู้ มีชายที่ใส่ชุดเกราะหนังประมาณสิบกว่าคนที่ถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนเอาไว้เหมือนกับหลัวเจิง ผู้ชายแต่ละคนดูโทรมมาก จมูกมีรอยฟกช้ำ ใบหน้าบวมเป่ง มีบาดแผลทั่วร่างกายไปหมด

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY