เพราะปภินดาเคยช่วยชีวิตอธิกะไว้ เขาจึงกลับมาตอบแทนเธอด้วยไฟรักที่พร้อมจะมอดไหม้ทุกสิ่ง
เพราะปภินดาเคยช่วยชีวิตอธิกะไว้ เขาจึงกลับมาตอบแทนเธอด้วยไฟรักที่พร้อมจะมอดไหม้ทุกสิ่ง
ร้าน Born to be Cream
ใบหน้าขาวนวลที่เปรอะเปื้อนคราบแป้งขนมจาง ๆ กำลังเตรียมแพ็กขนมมิลล์เฟยนับพันชิ้นลง กล่องเพื่อเตรียมจัดส่งให้ลูกค้าเจ้าประจำที่ เธอไม่ เคยเห็นหน้าค่าตารู้เพียงแต่ว่าเขาสั่งขนมมิลล์เฟย บ่อยมาก แทบจะนับครั้งได้ที่เขาจะลองสั่งขนมแบบอื่น บางครั้งก็ฝากให้คนที่มารับขนมซึ่งคาดว่าน่าจะ เป็นลูกน้องหรือผู้ช่วยของเขาเอาโน้ตมาให้และแจงรายละเอียดยิบว่าต้องการมิลล์เฟยดีไซน์ใหม่
ผลไม้ขอเป็นองุ่นไซมันคัสบ้างล่ะราสเบอรี่บ้างล่ะ สังเกตดูแล้วเขาจะเป็นคนพิถีพิถันและเจ้าระเบียบไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นบุคคลนิรนามผู้นี้ก็สั่งนมเธอมาร่วมสามเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้เจอตัว
คนสั่งอย่างจริงจังเลยสักครั้ง
จนกระทั่งวันนี้เป็นวันที่เขาสั่งขนมจากร้านของเธอเยอะที่สุด ถึงกับต้องเกณฑ์บรรดาเพื่อน ๆ เกือบสิบคนมาช่วยกันแพ็คขนมตั้งแต่ตีห้า
เพราะเขาบอกว่าจะมารับขนมก่อนเที่ยงของวัน แต่นี่ก็เที่ยงเป๊ะแล้วแท้ ๆ อิตาบ้าขนมหวานก็ ยังไม่โผล่มารับขนมสักที
"คุณครีมเขาจะเบี้ยวเราไหมคะเนี่ย ไหนจะต้องเร่งหาเงินที่เราจะซื้อที่ดินของร้านจากอิเจ๊หน้าเลือดคนนั้นอีก ถ้ามาเจอเบี้ยวอีกเรากรอบกันแน่ ๆค่ะคุณครีมขา"
หมูยองลูกน้องสาวทำหน้าเหนื่อยแล้วเอนตัวลงกับเก้าอี้ผ้าใบที่ใช้ไว้งีบหลับพักหลังจากที่ไม่มีออเดอร์เข้ามาขณะที่ปภินดาเจ้านายสาวเอาแต่เดินไป
เดินมาจนเริ่มวิตกจริตกับสิ่งที่หมูหยองเด็กสาวใน ร้านพูดขึ้น "ไม่หรอกค่ะ พี่ว่าเขาต้องมา"
กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์ของร้านดังขึ้นหมูหยองกดรับ
"สวัสดีค่ะพนักงานร้านชื่อหมูหยอง ยินดีให้ บริการค่ะ อ้อจะมารับขนมใช่ไหมคะเสร็จแล้วค่ะมาได้เลย"หมูหยองกดวางสายทันใดปภินดาก็รีบกระ โดดโลดเต้นดีใจ
ทว่าอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกโลกทั้งใบเอียงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด และทุกอย่างตรงหน้าก็ดับวูบลง
"ว๊ายคุณครีมคะ" หมูหยองรีบวิ่งไปรับร่างที่ หน้ามืดหมดสติของปภินดาขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
"เกิดอะไรขึ้นครับ"
"เอ่อคุณมารับขนมใช่ไหมคะ ช่วยฉันหน่อย ค่ะเจ้านายฉันเขาเป็นลมค่ะ"
ขณะที่ชายในชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำกำลัง รับร่างของปภินดามาจากหมูหยอง
"ฉันเอง" ชายหนุ่มหน้าตาหล่อคมเหมือนลูก ครึ่งผิวขาวราวไข่ปอกรวบร่างของปภินดาขึ้นสูง
"สวัสดีครับผมเป็นคนที่สั่งขนมเองและเป็น เพื่อนเก่าของปภินดา คุณไม่ต้องเป็นห่วงเจ้านาย คุณหรอก ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาลและดูแลให้ อย่างดีวันนี้คุณปิดร้านได้เลยพิรุณนายให้พวกที่ เหลือมาขนขนมไปที่บริษัทด้วย"
เขากำชับกับผู้ช่วยและอุ้มร่างของปภินดาขึ้นรถไป หมูหยองยิ้มแก้มปริเพราะวันนี้เธอจะได้รีบ กลับบ้าน ไปนอนดูซีรีส์ให้สบายใจเพราะทั้งอาทิตย์เหนื่อยกับการทำขนมมาแทบตาย
ใบหน้าที่ซีดเซียวในตอนแรกเริ่มอมชมพูมี เลือดฝาดขึ้น หลังจากที่ได้น้ำเกลือจากโรงพยาบาล แต่กระนั้นก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ ดังนั้นชายหนุ่มเพื่อน เก่าผู้หวังดีจึงได้อุ้มเจ้าของร้านขนมกลับมายังคอน โดของตน
นัยน์ตากลมโตเปิดออกและเห็นแสงสว่างของเมืองทั้งเมืองพร้อมกับกับความมืดมิดรอบตัวจนน่าหวั่นใจ ผสานกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ทำให้ต้องรีบ เด้งตัวขึ้นมา มือของปภินดายกขึ้นทาบหน้าผากที่ ปวดตุ้บตุ้บ
นี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แล้วตอนนี้เธอ อยู่ที่ไหน ในห้องของใครกัน
"คุณตื่นแล้วเหรอ" หุ่นสูงโปร่งที่ยืนกอดอก อยู่ที่ขอบประตูเอ่ยทัก
และเดินเข้ามาประชิดที่ข้างเตียงกดเปิดสวิสตซ์ไฟเพื่อให้ปภินดาเห็นหน้าของเขา เพื่อจะดูว่าเจ้าของร้านขนมโอเคดีแล้ว
เมื่อแสงของโคมไฟหัวเตียงส่องสว่าง ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงใครสักคนก็แว่บเข้ามาในหัว
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี
ว่าเขาเป็นใครกันแน่ "คุณจำผมไม่ได้ใช่ไหม"
"เอ่อ...คือขอโทษด้วยนะคะฉันความจำ ไม่ค่อยดี"
"คุณความจำไม่ดีหรือผมไม่น่าจดจำกันล่ะ ปภินดา"
หน้าสลักคมดั่งรูปปั้นโน้มตัวลงมามือสอง ข้างยันที่เตียงนอน สายตาจ้องเขม็งมองเธอ
"ก็จำไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แล้วนี่ฉันอยู่ไหนแล้วทำไมคุณถึงมาอยู่กับฉัน" ปภินดารีบตะปปกอดตัวเองอย่างหวาดระแวง
"ผมเป็นลูกค้าขนมพันชิ้นนั่น พอดีแวะไปที่ ร้านและคุณก็ดันเป็นลมหมดสติ ผมเลยพาคุณไป กินน้ำเกลือที่โรงพยาบาล แล้วก็พากลับมาคอนโด ของผม เพราะผมไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ไหน"
"คุณก็ทิ้งฉันไว้ที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะไม่เห็น ต้องพามานี่เลย"
"ก็ผมอยากพาคุณมาที่นี่ เพื่อให้เราได้เริ่มทำความรู้จักกัน"
"ใครอยากไปรู้จักคุณกัน...ฮึ!" หญิงสาวชะงัก เพราะหันไปเห็นนิตยสารฉบับหนึ่งที่ปกเป็นใบหน้าของคนที่เธอกำลังสนทนาด้วย เธอเพ่งมองนิตยสารของผู้ชายเล่มนั้นและหันไปมองหน้าเขาอีกรอบเพื่อทดสอบว่าตนเองไม่ได้ตาลาย
"ไม่ต้องงงหรอกครับ นั่นผมเอง"
นิตยสารเล่มหนาถูกโยนลงบนเตียงนอน ใบ หน้าหวาดหวั่นรีบหยิบมันขึ้นมาตรวจดูให้แน่ชัด
"อธิกะ บุรินทร์รัตน์ นักธุรกิจด้านวิศวโยธา สุดฮอต" ปภินดาอ่านออกเสียงพึมพำแล้วเหลือบ ตามองดูเจ้าของใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรตรงหน้า
ใช่! ก็เขาหล่อจริงนั่นแหละ ข้อนี้ไม่ปฏิเสธ
แต่ที่เธอไม่ชอบคือไอ้การกระทำที่ดูเอาแต่ใจของเขาต่างหาก
"สรุปคุณก็ยังจำผมไม่ได้สินะ เอาล่ะผมจะ แนะนำตัวแล้วกัน ผมเคยเป็นเดือนคณวิศวะมหาลัยเดียวกับคุณซึ่งตอนนั้นคุณเป็นดาวมหาลัยอยู่ด้วย ความบังเอิญวันรับปริญญาผมก็โดนทำร้าย และคุณก็เป็นคนมาช่วยผมและพาส่งโรงพยาบาลผมก็แค่ทำแบบเดียวกับคุณในตอนนั้น ไม่ถูกต้องหรือไง"
"ก็ไม่เชิงว่าไม่ถูกต้องหรอกค่ะแต่มันจะประเจิดประเจ้อไปนิดกับการที่คุณหิ้วฉันมาคอนโดของคุณแบบนี้ใคร ๆ ก็เข้าใจผิดกันหมดแน่"
"เข้าใจผิดว่าอะไรครับ เข้าใจว่าผมพาคุณมา นอนค้างที่นี่ หรือเข้าใจว่าคุณเป็นแฟนผม คุณว่า แบบไหนดีล่ะปภินดา"
"เรียกว่าครีมเฉย ๆ เถอะค่ะ"
"งั้นคุณก็เรียกผมว่าธิเฉย ๆ อืม..นี่ก็ดึกมาก แล้วคุณนอนพักก่อนเถอะ แล้วก็ค่าขนมผมโอนเข้าบัญชีร้านคุณเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน"
เขาเดินออกไปพร้อมกับล็อคประตูห้องนอน ให้เธอเสร็จสรรพตอนนี้เธอทั้งงงและสับสน จู่ ๆ คนที่เคยช่วยเอาไว้สมัยเรียนก็โผล่มาตอบแทนพระคุณแบบปัจจุบันทันด่วนไปเสียหน่อยเป็นใครก็ตกใจกันทั้งนั้น
จะดีแค่ไหน หากหล่อนได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาทุกเช้า... ตั้งแต่จำความได้ ชมพูนุชก็หายใจเป็นชื่อของเขาเรื่อยมา องค์รัชทายาทรูปงามแห่งซาเรีย เขาคือความสุขเดียวในชีวิตของหล่อน แต่ความสุขนั้นกลับไม่จีรังดั่งใจหวัง เมื่อหญิงเดียวในดวงใจของเขาหนีหน้าหายไปพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ความผิดบาปทุกอย่างจึงถูกขว้างใส่หน้า เขาเรียกร้องให้ครอบครัวของหล่อนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตราหน้าผู้หญิงที่เฝ้าภักดีกับเขาอย่างหล่อนว่า ‘นังแพศยา’ “หน้าที่หนึ่งเดียวสำหรับเธอ บนเตียงของฉันก็คือ... นางบำเรอ” องค์รัชทายาทรูปงามหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ นัยน์ตาสีทองตวัดจ้องมองมายังร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำของหล่อนอย่างดูแคลน “จำเอาไว้ ถ้าฉันเรียก เธอก็ต้องมา ถ้ามาช้า ฉันจะสั่งโบยพ่อ หรือไม่ก็ แม่ของเธอ” “อย่านะเพคะ...” ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มหยัน “ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอควรจะรู้หน้าที่ของตนเอง...” มือใหญ่ตบลงบนเตียงนอนนุ่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนหน้าที่อันทรงเกียรติของหญิงสาว
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY