待补充
待补充
“น้องดา ไหว้พี่ภูสิลูก” กำนันมิตร โพธิ์วิจิตรบอกบุตรสาวในวัย 6 ขวบ ที่กำลังน่ารักน่าชังในสายตาของผู้ใหญ่ เด็กหญิงมธุรดามองเด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้าอย่าสงสัย ก่อนพนมมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนช้อยงดงาม ทำให้เด็กชายภูผา ชัยเชษฐ์ในวัย 10 ขวบ ต้องยกมือขึ้นรับไหว้ และส่งยิ้มอ่อนโยนให้น้องตัวน้อย
“ภู...นี่น้องดา คนที่ภูจะต้องดูแลไปตลอดชีวิต เมื่อภูมีอายุครบ 28 ปีนะลูก” นายหัวภูศิษฐ์บอกลูกชาย
“ดูแลตลอดชีวิต หมายความว่ายังไงครับพ่อ” เด็กชายภูผาไม่เข้าใจในคำพูดของบิดาเท่าไรนัก จึงถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“ภูไม่ต้องไปหาเจ้าสาวที่ไหนแล้วไงลูก พอภูอายุครบ 28 ปี ภูจะมีเจ้าสาวที่ชื่อมธุรดาหรือน้องดาคนนี้” นายหัวภูศิษฐ์อธิบาย
ในเวลานั้นเด็กชายและเด็กหญิงยังไม่เข้าใจผู้ใหญ่นัก แต่ความที่ถูกชะตากันของทั้งคู่ ทำให้พี่ภูและน้องดาสนิทสนมกันเรื่อยมา และเป็นบ่อเกิดของความรักแต่หาใช่ความรักระหว่างชายหญิงไม่ แต่กลับเป็นความรักระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
“แม่ครับ คำว่าเจ้าสาว หมายถึงผู้หญิงที่ต้องแต่งานกับผู้ชายคนหนึ่ง และคนทั้งคู่รักกันด้วยใช่มั้ยครับ” เด็กชายภูผาถามมารดาขึ้นในวันหนึ่ง
“ใช่จ้ะ” รสรินมารดาของภูผาตอบ
“แล้วคนไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้มั้ยครับ”
รสรินถอนหายใจยาว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าบุตรชายถามเพราะอะไร แต่เรื่องระหว่างเพื่อนรักคือสามีของเธอกับกำนันมิตรนั้น เป็นเรื่องที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะตอนที่เธอแต่งงานกับภูศิษฐ์ กำนันมิตรและคุณถนอมซึ่งเป็นภรรยายังไม่มีบุตร และได้พูดกับคู่บ่าวสาวคู่ใหม่ว่า
“ถ้านายมีลูกสาว นายต้องยกลูกสาวนายให้ลูกชายเรานะภูศิษฐ์” กำนันมิตรบอก
“ได้สิเพื่อนรัก และถ้านายมีสาว นายก็ต้องยกลูกสาวให้ลูกชายเราด้วยนะมิตร” และภูศิษฐ์ก็ตอบรับอย่างยินดี
มันเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่เพื่อนรักให้ไว้ต่อกัน และคำพูดของลูกผู้ชายที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นที่เคารพนับหน้าถือตาของคนทั่วไป ทำให้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขคำพูดนั้นได้
รสรินมองน้องลูกชายที่จ้องมองมาตาแป๋วอย่างอยากรู้ ก็ย่อตัวลงและลูบศีรษะทุยนั้นอย่างรักใคร่
“ถึงจะยังไม่รักกัน แต่หลังจากแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องรักกันเข้าสักวันหนึ่งนะลูก” นั่นเป็นคำตอบที่รสรินคิดว่าดีที่สุดในเวลานั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เด็กชายภูผาเติบโตขึ้นจนอายุ 25 ปี ร่างสูงกำยำดูสง่าผ่าเผยและรูปงามยิ่งนัก เขาเป็นที่หมายปองของสาวๆ มากมาย แต่ยกเว้นอยู่คนหนึ่งที่เธอไม่คิดจะมองภูผาอย่างหมายปองมากกว่ามองด้วยความชื่นชมและภูมิใจในตัวพี่ชายคนนี้
“พี่ภูคะ น้องดาว่าเราน่าจะหากุหลาบดินมาปลูกแถวนี้นะคะ เหมืองชัยเชษฐ์จะได้ดูมีสีสันขึ้นมาหน่อย”
“ก็แล้วแต่น้องดาสิครับ อีกหน่อยน้องดาก็จะมาอยู่ที่นี่ในฐานะของนายหญิง น้องดาอยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ”
“พี่ภูขา...” มธุรดาเรียกชายหนุ่มเสียงหวาน
“ว่าไงครับ” ภูผาเองก็ตอบรับเสียงนุ่มเช่นกัน
“พี่ภูไม่มีคนรักเหรอคะ น้องดาเห็นสาวๆ ตบแถวเรียงหน้ากระดานเข้าหาพี่ภูตั้งเยอะ ไม่ชอบใครสักคนเลยเหรอคะ”
ภูผาชะงักไปนิด ก่อนมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของมธุรดานิ่ง เขายังไม่คิดจะรักใคร เพราะยังอยากใช้ชีวิตอิสระให้คุ้มค่าก่อน และอีกไม่กี่ปีภาระหน้าที่ที่จะต้องดูแลผู้หญิงตรงหน้าก็จะเริ่มขึ้นแล้ว มธุรดาเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวาน เขาคิดว่าสักวันคงจะรักเธอได้ไม่ยาก ตามที่มารดาเคยพูดเอาไว้
“แล้วน้องดาล่ะ มีคนรักหรือยัง เอ...แต่ใครน๊อ จะมาชอบผู้หญิงขี้แยแบบนี้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” ภูผาถามกลับและกระเซ้าด้วยคำพูด จนหญิงสาวหน้าแดงที่ถูกล้อ
“เชอะ...ไม่ต้องมาล้อเค้าเลยนะ สักวันเค้าก็ต้องมีคนรักอยู่แล้วล่ะ” มธุรดาทำปากยื่นและแลบลิ้นปลิ้นตาให้ภูผา
จากนั้นไม่นานภูผาก็ถูกบิดาส่งไปเรียนต่ออเมริกาด้านธรณีวิทยา เพื่อกลับมาดูแลกิจการเหมืองแร่ต่อจากผู้เป็นบิดาเป็นเวลา 3 ปี ในขณะนั้นมธุรดาก็มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาจีบ แต่เธอกลับไม่ชอบใครสักคนเลย จนกระทั่งภูผากลับมา
มธุรดาไปรอรับที่สนามบิน ภูผาในวันนี้ดูเป็นหนุ่มใหญ่ ร่างสูงสง่างามนั้นน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มที่เปื้อนยิ้มให้เธอได้ตลอดเวลาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“สวัสดีค่ะพี่ภู ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะคะ ไหนๆ มีสาวๆ ตามมาบ้างหรือเปล่าเอ่ย...” มธุรดาแกล้งชะโงกหน้าไปด้านหลังของภูผา ทำทีเป็นหาสาวตาน้ำข้าวที่อาจจะตามติดมา เพราะพี่ภูของเธอในวันนี้หล่อเหลากว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาก
“ยัยบ๊อง พี่ยังนิยมของไทยจ้ะ ไม่นิยมของนอก แล้วเราล่ะ เจอคนถูกใจรึยัง” ภูผาจิ้มนิ้วชี้เข้าที่หน้าผากมน และยิ้มกว้าง
“เฮ้อ...ยังเลยค่ะ พี่ภูคงต้องมีน้องดาเป็นเจ้าสาวจริงๆ แล้วล่ะค่ะ”
“พี่น่ะไม่มีปัญหา เพราะพี่ก็ยังไม่ได้รักใคร แต่น้องดาน่ะสิ ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว น้องดาไปเจอคนถูกใจเข้าจะทำยังไง พี่ก็คงปล่อยให้น้องดามีความสุขกับคนที่รัก” ภูผาบอกอย่างปลงตก ถ้ามธุรดาไม่มีคนรัก วันหนึ่งเธอกับเขาคงจะรักกันได้อย่างแน่นอน ภูผาถอนหายใจออกมาแรงๆ
“ขอบคุณนะคะพี่ภูที่เข้าใจ น้องดาโชคดีที่สุดที่มีพี่ชายอย่างพี่ภู”
และวันแต่งงานของทั้งคู่ก็มาถึง งานแต่งงานของภูผาและมธุรดาจัดว่าเป็นงานแต่งงานที่โด่งดังที่สุดในจังหวัดระนอง เพราะบิดาและมารดาของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่สังคม ฉะนั้นแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้จึงแน่นขนัด ลานกว้างของเหมืองชัยเชษฐ์แทบจะต้อนรับแขกที่มาร่วมงานไม่พอเลยทีเดียว จนกระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องหอและบิดามารดาทั้งสองฝ่ายเข้าไปให้ศีลให้พรและกลับออกไปแล้วนั่นแหละ
“เหนื่อยจัง” มธุรดาบ่นออกมาทันทีที่ประตูห้องหอปิดสนิท
“เหนื่อยก็ไปอาบน้ำแต่งตัวและเข้านอนซะ”
“อ้าว...แล้วพี่ภูล่ะคะ นอนที่ไหน”
ภูผาพยักเพยิดไปที่ประตูเล็กๆ ด้านขวามือ
“นั่นเป็นประตูเข้าไปห้องข้างๆ พี่จะไปนอนห้องโน้น ส่วนน้องดาก็นอนห้องนี้แล้วกัน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะจับได้ เพราะกุญแจห้องข้างๆ นั่นอยู่ที่พี่คนเดียว คนอื่นไม่มีเก็บไว้ เพราะเป็นห้องของพี่ตอนเด็กๆ”
“ขอบคุณนะคะพี่ภู” มธุรดาซาบซึ้งในน้ำใจของภูผา เพราะเขาไม่คิดจะล่วงเกินเธอ และทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเรื่อยมา แม้กระทั่งแต่งงานกันแล้วแบบนี้ เขามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ทำเหตุผลง่ายๆ คือ ภูผาไม่ได้รักมธุรดานั่นเอง
หลังจากงานแต่งงานผ่านพ้นไปเพียง 1 ปี ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของภูผาก็เกิดขึ้น เมื่อนายหัวภูศิษฐ์และนายหญิงรสรินที่กำลังเดินทางไปท่องเที่ยวไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ก็ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตลงพร้อมกัน ภูผาเศร้าโศกเสียใจมาก แต่ยังได้รับกำลังใจจากมธุรดาเป็นอย่างดี และภาระหน้าที่ดูแลกิจการเหมืองชัยเชษฐ์ก็ตกมาถึงมือภูผา ชายหนุ่มตรากตรำทำงานหนักจนแทบไม่ได้หลับได้นอน และแทบไม่ได้เจอกับมธุรดาเลยด้วยซ้ำ จนหญิงสาวต้องดักรอด้วยความเป็นห่วงในเช้าวันหนึ่ง
“พี่ภูขา...พักซะบ้างนะคะ เดี๋ยวล้มป่วยลงไปอีกคน”
“ขอบใจน้องดาที่เป็นห่วงพี่ แต่พี่ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ว่าแต่น้องดาเถอะ พี่ไม่มีเวลาคุยด้วยเลย ถ้าอยากกลับบ้านหรือออกไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก็ให้คนขับรถพาไปนะจ๊ะ”
“ค่ะ พี่ภูไม่ต้องห่วงน้องดาหรอกค่ะ ห่วงตัวพี่เองดีกว่า พี่ภูผอมลงไปเยอะเลยนะคะนี่”
“หึ หึ ขอบใจจ้ะ พี่ต้องเข้าเหมืองแล้ว ไปก่อนนะจ๊ะ” ภูผายกมือยีผมของมธุรดาอย่างหยอกเย้า ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน
มธุรดามองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางนิตินัย ก่อนคิดว่าวันนี้จะกลับไปหาบิดาที่บ้านและอาจจะออกไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ในตลาดด้วยเลย
กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
มิรา กนกชนากาญจน์ดีไชเนอร์ชื่อก้องโลกของห้องเสื้อแบรนด์ดังจากมิลาน อดีตทายาทมหาเศรษฐีคนเดียวของเจ้าสัวปราณ เธอกลับมาบ้านในรอบสิบสองปีหลังจากถูกยื่นคำขาดจากท่านเจ้าสัวว่าจะยกทุกอย่างให้ปถวีกับหลานสาวฝาแฝดของเธอมิราจำต้องพับเก็บความโกรธและทิฐิมานะเอาไว้ รีบกลับมาทวงคืนมรดกหลายพันล้านคืน เธอจะไม่ยอมให้ใครฮุบสมบัติที่เป็นของเธอไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะยอมให้สักเศษเสียวกระเด็นไปถึงทายาทนอกสายเลือดอย่างเขา เหมืองปราณปุราอดีตเหมืองใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ที่ล่มสลายลงหลายสิบปีถูกกลับมารื้อพื้นขึ้นมาอีกครั้งจากน้ำมือของ “ปถวี”เขาพลิกพื้นผืนดินที่ปล่อยทิ้งร้างมานานให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ขยายไร่จากสองพันไร่ให้เป็นห้าพันไร่ภายในระยะเวลาเจ็ดปี “ไม่แต่งก็ได้...แต่สมบัติจะถูกแบ่งตามพินัยกรรม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ไม่ได้! หนูไม่ยอมให้สมบัติไปตกอยู่ในมือปลิงเปลือกทองอย่างหมอนั่นเด็ดขาด” “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องแต่ง ปู่ให้เลือกว่าจะจดทะเบียนกันเงียบๆ หรือ จัดพิธีใหญ่โตที่สุดแต่ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้”
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด