123
123
ข่าวนักเรียนตีกันมักจะปรากฏในจอโทรทัศน์เสมอหลังการเปิดภาคเรียนใหม่ ใช่ว่าจะมีแต่นักเรียนอาชีวะที่คิดจะเป็นนักเลงหัวไม้ตีรันฟันแทง ยังมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่อริของนักศึกษาต่างสถาบันร่วมด้วย การขัดแข้งขัดขาเกิดขึ้นทั้งจากความตั้งใจและโดยไม่ได้ตั้งใจได้ทุกเมื่อ เหมือนในตอนนี้...
ร่างสูงเพรียวของพยัคฆ์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อนอกกางเกง ยืนเด่นเคียงข้างนักศึกษาหญิงต่างสถาบันที่เขาเพิ่งจะเจอเธอไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอชื่ออั้ม และเขาก็อยากอ้ำเธอตั้งแต่แม่สาวคนงามทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ ผู้หญิงให้ท่ากันขนาดนี้มีหรือเขาจะปฏิเสธ เสือก็ย่อมไม่ทิ้งลาย แถมเป็นเสือลายพาดกลอนด้วยแล้วชั้นเชิงการจีบหญิงไม่น้อยไปกว่าใคร ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของเขาดันเป็นที่ดึงดูดสาวๆ ดียิ่งกว่าแม่เหล็ก แบบนี้ถ้าหล่อนจะติดหนึบเขาแจก็ไม่ใช่ความผิดของเขา จริงมั้ย
“เสียดายวันนี้รถพี่พัง ไม่งั้นพี่จะพาอั้มไปนั่งรถเล่น” ชายหนุ่มหยอกเย้าแม่สาวสวยก็ทิ้งสายตาเชิญชวนให้
“นั่นสิคะ วันนี้เราเลยต้องขึ้นรถเมล์เลย ร้อนจะตาย” สาวเจ้าบ่นและโบกสมุดเล่มบางในมือไล่ความร้อน สีหน้าของเธอดูมีความสุขนักเมื่อได้อยู่ใกล้เขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เดินควงหนุ่มรูปงามอย่างเขา ได้เชิดหน้าผยองให้สาวๆ คนอื่นต้องทิ้งสายตาแห่งความริษยา
“วันหลัง ไม่พลาดแน่คนสวย พี่จะพาเธอเที่ยวให้สนุกจนลืมไม่ลงเลย”
รถเมล์คันหนึ่งจอดลงตรงหน้า พยัคฆ์และอัจฉราพรมองคนที่เดินเรียงแถวลงมาจากรถ หญิงสาวอ้าปากหวอเพราะรู้จักนักศึกษาชายกลุ่มนั้นเป็นอย่างดี ส่วนพยัคฆ์เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าพวกมันทุกคน และท่าทางของมันกวนบาทาของเขาตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถ
พวกมันเป็นใคร?
“พี่โต!! พี่เสือหนีเร็ว”
หญิงสาวผลักร่างสูงข้างกายออกห่าง พยัคฆ์ขยับตัวแค่เพียงนิด นักศึกษากลุ่มนั้นก็มาถึงตัวและล้อมวงรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิงจำต้องตั้งหลัก พวกมันกำลังคุกคามเขาด้วยเรื่องอะไรนั้น พยัคฆ์ยังไม่รู้ แต่การล้อมวงรอบตัวเขาเป็นการแสดงบทบาทของหมาหมู่ ห้าต่อหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะสู้พวกมันได้ แต่งานนี้ถ้าไม่ผิด เขาสู้ตาย
แน่นอน...คนไม่รู้ย่อมไม่ใช่คนผิด
“เฮ้ย!! คิดจะเคลมเด็กกูเหรอวะ ไม่อยากตายดีเสียแล้วมึง” คนที่นำหน้าลงมาก่อนท่าทางคุกคามปรามาสใส่พยัคฆ์ แววตาจ้องจะเอาเรื่องเขาโดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จักหรือจำได้ว่าไปขัดแข้งขัดขามันไว้ตอนไหน แต่คำว่า ‘เด็กกู’ ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากมันเพื่อมองผู้หญิงข้างตัวใหม่
“ไหนว่าไม่มีแฟนไงล่ะอั้ม แล้วไอ้พวกหมาหมู่นี่มันเป็นใคร”
ฝ่ายหญิงออกอาการลุกลี้ลุกลนสุดท้ายก็ปล่อยมือจากแขนของพยัคฆ์แล้วปรี่เข้าไปเกาะแขนผู้ชายที่รุดหน้าเข้ามาใกล้
“พี่โต อั้มไม่รู้จักมันเลยนะ มันมาจีบอั้มเอง”
ประโยคโบ้ยความผิดของผู้หญิงใจง่ายทำให้พยัคฆ์ถึงกับขบริมฝีปากแล้วยืดอกขึ้น ผู้หญิงคือเพศแม่ที่อ่อนแอและน่าทนุถนอม แต่ผู้หญิงบางคนก็พิษร้ายยิ่งกว่างูเห่า พยัคฆ์ประจักษ์แจ้งแก่ใจในตอนนี้ แท้จริงแล้ว ‘ตอแหล’ สะกดอย่างนี้นี่เอง
ผู้ชายที่เธอเรียกมันว่า ‘พี่โต’ ปลดมือบางออกจากแขน สาวอั้มถอยหลังหนีไปอยู่มุมหนึ่งปิดฉากการช่วยเหลือใดๆ แก่เขา นี่แหละพิษสงของนางอสรพิษอย่างเธอ พยัคฆ์ถอยหลังเมื่อไอ้โตคุกคามเข้ามาใกล้ และก่อนที่มือของไอ้โตจะคว้าคอเสื้อของเขา ชายหนุ่มก็ปัดมือหยาบออกแล้วเตะสวนหน้าแข้งที่มันสะบัดเข้าใส่ พยัคฆ์ตัวสูงใหญ่กว่าเพียงแต่ไอ้โตมันท้วมกว่า แต่ความแข็งแรงของพยัคฆ์ที่มีมากกว่าทำให้ไอ้โตหน้าเปลี่ยนสีไปนิด หน้าแข้งปะทะหน้าแข้งใครบอกว่าไม่เจ็บ
“ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วพวกมึงยืนมองอะไรกันวะ จัดการมันสิโว้ย”
คำสั่งของลูกพี่อย่างไอ้โตทำให้ลูกน้องข้างถนนกรูกันเข้ามารุมพยัคฆ์ ชายหนุ่มไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่ชอบทะเลาะวิวาทกับใคร แต่เรื่องหมัดมวยเขาก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้างเพราะชอบเตะต่อยกระสอบทรายที่บ้านอยู่เป็นประจำ มันเป็นการออกกำลังกายที่ฝึกฝนชั้นเชิงการป้องกันตัวได้ดี และตอนนี้พยัคฆ์ก็เอาฝีไม้ลายมือที่ทำให้กระสอบทรายถูกเปลี่ยนมาหลายใบแล้ว ขาแข้งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อฟาดใส่ลำตัวคู่ต่อสู้ มือกำหมัดซัดผัวะใส่หน้าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ ล็อกคอตีเข่าจนมันผู้นั้นหงายเก๋ง
ห้ารุมหนึ่ง ต่อให้หนึ่งคนจะมีฝีมือดีขนาดไหนก็มีพลาดกันได้ ยิ่งนักเลงหัวไม้ที่สวมชุดนักศึกษากลุ่มนี้พกพาอาวุธอย่างมีดด้วยแล้ว คนที่เสียเปรียบเห็นจะเป็นพยัคฆ์ ชายหนุ่มรูปงามถูกล็อกหลังจากใครบางคนที่หาจังหวะได้ แล้วใครอีกคนก็ตุ้ยท้องเขาหลายทีชนิดที่เขาไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์เลือดสาด แต่ยังฮึดสู้ด้วยการสปริงตัวกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันที่กำลังชกเขา มันหน้าหงายอีกคนก็แทรกเข้ามา แล้วคมมีดก็จ้วงแทงร่างของพยัคฆ์ ดีที่เขาเอี้ยวตัวทัน คมมีดก็เลยเฉือดสีข้างของเขาแทน แต่แค่นี้ความเจ็บก็พุ่งปราด ร่างสูงทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย!!! หมาหมู่แบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นคนเลยนะพวกมึง”
ไตรภาคเพิ่งจะออกจากมหาวิทยาลัยเห็นพยัคฆ์ถูกรุมก็จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาทนเห็นคนถูกรุมไม่ได้ แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาช่วยด้วยสายเลือดของนักสู้ใจเด็ดที่มีอยู่ในตัวของผู้ชายตัวจริง
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ”
“กูจะไม่เสือก ถ้าพวกมึงไม่เล่นหมาหมู่แบบนี้”
“หนอย...อยากเสือกนักใช่ไหม ได้...จัดการมันเลย”
พวกไอ้โตละจากพยัคฆ์ไปหาไตรภาค ชายหนุ่มตั้งหลักรอรับอยู่แล้วอย่างไม่กลัว ไตรภาคเองไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่ศิลปะการป้องกันตัวก็พอเรียนรู้มาไม่น้อย ถ้าจะงัดเอาทฤษฎีมาใช้ในเชิงปฏิบัติบ้างก็คงได้ผลพอสมควร ร่างสูงพอๆ กับพยัคฆ์ป้องกันตัวจากการถูกคุกคาม ทั้งหมัดมวยก็มีชั้นเชิงพอตัว ไม่ถึงขั้นน็อคเอาท์อีกฝ่ายแต่ก็พอทำให้พวกมันเซถลา ถ้าไม่ติดที่เขาไม่มีอาวุธนอกจากมือเปล่าแล้วล่ะก็ ไตรภาคต้องล้มพวกมันได้แน่
“ปี๊ดดดด” เสียงตำรวจจราจรที่ต้องละจากหน้าที่เพื่อมาหยุดเหตุนักเรียนตีกันเป่านกหวีด อีกฝั่งตำรวจจำนวนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถแล้วเข้ามาล็อกตัวกลุ่มตะลุมบอนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พยัคฆ์และไตรภาค ทุกคนถูกจับ
“ให้เป็นนักเรียนดีๆ ไม่ชอบ ชอบจะเป็นนักเลง ไปๆ นำตัวไปโรงพักเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวครับ เพื่อนผมบาดเจ็บ” ไตรภาคทักท้วงเมื่อตำรวจลากตัวพยัคฆ์ที่บาดเจ็บและมีเลือดไหลออกจากสีข้าง จนเสื้อขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง พยัคฆ์มองไตรภาคอย่างขอบใจ เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าไอ้หนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จากเข็มนักศึกษาที่ปักบนอกเสื้อทำให้รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้เรียนที่เดียวกันกับเขา
“ไหนดูซิ แผลแค่นี้ไม่ตายเร็วหรอกมั้ง ไปโรงพักก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาล ไป!”
ไตรภาคอดคิดเหน็บแนมตำรวจไม่ได้ ตำรวจดีก็มีแต่ตำรวจเลวก็มาก หรือเพราะต้องทำหน้าที่ก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลังก็ไม่รู้ ‘ชีวิตคนมีค่ามากกว่าผักปลาที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนะเว้ย’ ไตรภาคแอบค่อนขอดตำรวจอยู่ในใจ พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นสีหน้าของเขาบอกว่าเจ็บไม่น้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องต้องถอนใจ มันคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่เลือดก็ออกจนเสื้อชุ่ม ในเมื่อคนเจ็บยังยิ้มออก เขาก็จำต้องหุบปากและเดินขึ้นรถตำรวจไป
เมื่อพยัคฆ์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วกลับมาที่โรงพักอีกครั้ง ไตรภาคที่นั่งเงียบอยู่มุมหนึ่งในห้องขังโดยอีกด้านหนึ่งเป็นกลุ่มของไอ้โต เมื่ออยู่ในห้องขังไม่มีใครทำกร่าง ทุกคนกอดเข่าเงียบมองร่างสูงที่ถูกผลักเข้ามาในห้องขัง ไตรภาคลุ้นว่าพวกมันจะทำอะไรพยัคฆ์แต่พวกมันก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงขยับตัวเปิดทางให้พยัคฆ์ทรุดตัวลงข้างๆ
สำหรับเดือนกันยา ความรักที่หลบซ่อนเป็นสิ่งที่น่าชิงชังมากกว่าอื่นใด แต่ไยเธอจึงถวิลหาความรู้สึกนั้น ทำไมมันถึงช่างอบอุ่นอ่อนหวานทั้งที่ทำให้เธอต้องขมขื่นใจ บนใบหน้าเศร้าโศกต้องสวมหน้ากากของความสดใสแว่วหวานเอาไว้ทุกเสี้ยววินาที หัวใจที่ร่ำร้องเรียกหาความรักตะโกนก้องราวกับกำลังขาดใจ สำหรับสงคราม ความรักสำหรับเขาไม่ใช่ของเล่น แต่ความรักจะอยู่เหนือเหตุผลและความจำเป็นก็ไม่ได้ ถ้ารักต้องอยู่เหนือเหตุผล ทุกคนบนโลกจะพบแต่ความหลงใหล เขาแยกแยะได้ แต่สิ่งที่กำลังเจอคือความเร่าร้อนที่ต้องหลบซ่อน รักที่เร่าร้อน รักแรก และรักเดียว มันกลับเป็นการหลบซ่อน และพอกพูนไฟสวาทให้เผาไหม้ทุรนทุราย “เธอก็รู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธพี่ได้ หัวใจเธอรู้ดีลูกแก้ว” “ลูกแก้วเกลียดพี่คราม ชิงชังพี่คราม พี่ครามทำแบบนี้ได้ไง พี่ครามเป็นสามีของพี่อัง ทำได้ไง พี่ครามเลวที่สุด” “เราก็เลวด้วยกันทั้งคู่ หรือเธอจะเถียงว่าไม่ได้รักพี่” “ใจร้าย พูดแบบนี้ได้ไง พี่ครามใจร้ายกับพี่อังได้ยังไง” “บางเรื่องเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีเหตุผล” นิ้วกลางของสงครามชอนไชเข้าสู่ปากถ้ำอันอุดมไปด้วยแหล่งน้ำที่หลั่งริน เดือนกันยากรีดร้องสุดเสียง ทั้งเกลียดเขา เกลียดตัวเอง และซ่านกระสันไปทุกรูขุมขน ร่างอิ่มที่ถูกพันธนาการไว้กับหัวเตียงดิ้นพล่านทุรนทุราย
เมื่อทุกคนในครอบครัวถูกขู่เอาชีวิต หญิงสาวจำต้องฝืนความเจ็บสักลวดลายบนเรือนร่างและสวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมจีนแสนสวย พาตัวเองไปยืนอยู่หน้าพญามังกรดำ หยางโจวหมิง มาเฟียใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง ผู้ชายรูปงามที่มีดวงตาสีสนิมเหล็กวาววับและเย็นชา มีเรียวปากโค้งบางเฉียบสีเข้มที่คล้ายจะคอยเหยียดหยามทุกคนตลอดเวลา ผู้ชายที่มีอำนาจล้นฟ้าและบงการชีวิตของใครก็ตามที่เขาต้องการ โดยเฉพาะ...ชีวิตของเธอ สรัญรัตน์ อัคราบริรักษ์ “คุณมันไม่ใช่คน ร้ายกาจที่สุด” สรัญรัตน์กัดฟันบริภาษเขาออกไป อย่างน้อยก็ขอพูดว่าสักนิดเถอะ ไม่ใช่แต่ยอมให้เขาข่มเหงอยู่ข้างเดียว “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบคุณอยู่บนโลกใบนี้” “ใครที่อยู่ข้างนอก ไปตามนายอรรถวัฒน์กลับมา!” “อย่า!!! ฉัน...จะทำ” พญามังกรดำหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้บุหนังสีน้ำตาลเข้ม เขามองมือสั่นๆ ที่ค่อยๆ เลื่อนไปตามขอบเสื้อ มองผิวกายขาวผ่องเปิดเปลือยออกทีละนิด จนกระทั่งชุดกี่เพ้าเลื่อนลงมาอยู่ใต้อก บราเซียสีขาวสะอาดไร้สายดูเหมือนจะเล็กกว่าสิ่งที่ต้องปิดบังไปมาก เนินอกอิ่มล้นทะลักออกมาเบียดชิดกันอยู่ด้านบน เห็นร่องเนื้อขาวผุดผาดให้ไพล่คิดไปถึงสิ่งที่อยากเข้าไปอยู่ในร่องอกนั้น ชุดกี่เพ้าเลื่อนลงไปเรื่อยๆ มันช้าแต่ก็ทำให้ลมหายใจของหยางโจวหมิงขาดๆ หายๆ แต่ลมหายใจของสรัญรัตน์แทบขาดรอน เสียงสะอื้นเบาๆ ดังออกมาเป็นระยะไม่ได้ทำให้พญามังกรดำบังเกิดความสงสาร ดวงตาคมเฉียงขึ้นที่ปลายหางอย่างคนที่มีเชื้อชาติจีนแผ่นดินใหญ่ จับจ้องนวลนางละเอียดลอออย่างไม่ละสายตา หรืออีกทีเขาก็ไม่สามารถเบือนสายตาไปจากความงามเป็นหนึ่งนั้นไม่ได้ ผ้าไหมสีแดงสดปักลายดอกสีดำตัดกัน ค่อยเลื่อนลงมาถึงสะโพกผาย สัดส่วนโค้งเว้าดุจนาฬิกาทรายเรียกเลือดในกายชายหนุ่มให้เดือดพล่าน เรียวปากบางเฉียบได้รูปสวยของชายกระตุกมุมโค้งขึ้นก่อนจะแยกแย้มผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ มือใหญ่เริ่มเกร็งขึ้นเพราะความอยากจะแตะต้อง อยากจะตีตรา อยากจะลิ้มลองของใหม่สำหรับเขา แต่คงเก่าสำหรับคนอื่น นั่นเองที่ทำให้พญามังกรดำฝืนนั่งนิ่งอยู่กับที่ ทั้งที่ใจเต้นโครมครามอยู่ในอก สรัญรัตน์ชะงักมือที่เลื่อนชุดกี่เพ้าค้างไว้บนสะโพกสวย เธอสะอื้นฮักจนตัวโยนรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่าสิ้นดี ไม่คิดไม่ฝันว่าต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายใจร้ายคนนี้ “ไม่ได้ยินที่ฉันพูด หรือฉันบอกไม่ชัดเจน ว่าให้เธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมด หรือประโยคนั้นมันฟังดูดีจนเธอไม่เข้าใจ ฉันคงต้องบอกว่า ให้เธอแก้ผ้าจนล่อนจ้อนต่อหน้าฉัน...เดี๋ยวนี้”
เพราะรัก...มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่แห่งฟิเรนเซ่ จึงต้องกลายร่างจากเสือมาเป็นแมวตัวผู้ขี้อ้อน เพื่อออเซาะหาไออุ่นจากคนรักผู้แสนเย้ายวน “พี่ราฟ! นอนดีๆ สิคะ แบบนี้จะดูหนังได้ยังไง” “ไม่ดูแล้ว” มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวโต สัมผัสเนื้อแท้ที่เนียนนุ่มและเย็นลื่น “แต่น้ำผึ้งอยากดูนี่คะ กำลังสนุกเลย พระเอกกำลังจะตามหานางเอกเจอด้วยค่ะ” สาวน้อยปัดป้องสุดแรง แต่แรงเท่ามดหรือจะสู้แรงช้างสารได้ “เจอแล้ว พระเอกเจอนางเอกแล้ว นี่ไง...กำลังกอดอยู่นี่ไง” เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเล็กๆ ก่อนงับติ่งหูนุ่มของคนดื้อรั้นเบาๆ “ไม่...น้ำผึ้งจะดูหนัง พี่ราฟปล่อยน้ำผึ้งเดี๋ยวนี้นะ” “ไม่ปล่อย จนกว่าพี่จะได้กินน้ำผึ้งก่อน หนังน่ะ เอาไว้ค่อยดูทีหลังก็ได้ เสร็จก่อนแล้วค่อยดู นะ...นะ” เสียงออดอ้อนออเซาะที่แหบกระเส่าของราฟาเอลไม่เป็นผล เมื่อมธุรสออกแรงผลักราฟาเอลเต็มแรง ภาพของนางแบบสาวที่ตรงรี่เข้ามาจูบปากราฟาเอล ทำให้สาวน้อยมีแรงฮึดสู้ แรงผลักนั้นทำให้ร่างของราฟาเอลกลิ้งตกโซฟาแต่ร่างบางก็กลิ้งตามลงไปด้วย เพราะชายหนุ่มไม่คิดจะปล่อยร่างบาง “ตุบ” “โอ๊ย...น้ำผึ้งจะดิ้นทำไม เห็นมั้ยว่าพี่เจ็บ” ราฟาเอลโอดครวญ แต่แววตานั้นแพรวพราวจนน่าหยิก
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด