123
ข่าวนักเรียนตีกันมักจะปรากฏในจอโทรทัศน์เสมอหลังการเปิดภาคเรียนใหม่ ใช่ว่าจะมีแต่นักเรียนอาชีวะที่คิดจะเป็นนักเลงหัวไม้ตีรันฟันแทง ยังมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่อริของนักศึกษาต่างสถาบันร่วมด้วย การขัดแข้งขัดขาเกิดขึ้นทั้งจากความตั้งใจและโดยไม่ได้ตั้งใจได้ทุกเมื่อ เหมือนในตอนนี้...
ร่างสูงเพรียวของพยัคฆ์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อนอกกางเกง ยืนเด่นเคียงข้างนักศึกษาหญิงต่างสถาบันที่เขาเพิ่งจะเจอเธอไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอชื่ออั้ม และเขาก็อยากอ้ำเธอตั้งแต่แม่สาวคนงามทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ ผู้หญิงให้ท่ากันขนาดนี้มีหรือเขาจะปฏิเสธ เสือก็ย่อมไม่ทิ้งลาย แถมเป็นเสือลายพาดกลอนด้วยแล้วชั้นเชิงการจีบหญิงไม่น้อยไปกว่าใคร ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของเขาดันเป็นที่ดึงดูดสาวๆ ดียิ่งกว่าแม่เหล็ก แบบนี้ถ้าหล่อนจะติดหนึบเขาแจก็ไม่ใช่ความผิดของเขา จริงมั้ย
“เสียดายวันนี้รถพี่พัง ไม่งั้นพี่จะพาอั้มไปนั่งรถเล่น” ชายหนุ่มหยอกเย้าแม่สาวสวยก็ทิ้งสายตาเชิญชวนให้
“นั่นสิคะ วันนี้เราเลยต้องขึ้นรถเมล์เลย ร้อนจะตาย” สาวเจ้าบ่นและโบกสมุดเล่มบางในมือไล่ความร้อน สีหน้าของเธอดูมีความสุขนักเมื่อได้อยู่ใกล้เขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เดินควงหนุ่มรูปงามอย่างเขา ได้เชิดหน้าผยองให้สาวๆ คนอื่นต้องทิ้งสายตาแห่งความริษยา
“วันหลัง ไม่พลาดแน่คนสวย พี่จะพาเธอเที่ยวให้สนุกจนลืมไม่ลงเลย”
รถเมล์คันหนึ่งจอดลงตรงหน้า พยัคฆ์และอัจฉราพรมองคนที่เดินเรียงแถวลงมาจากรถ หญิงสาวอ้าปากหวอเพราะรู้จักนักศึกษาชายกลุ่มนั้นเป็นอย่างดี ส่วนพยัคฆ์เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าพวกมันทุกคน และท่าทางของมันกวนบาทาของเขาตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถ
พวกมันเป็นใคร?
“พี่โต!! พี่เสือหนีเร็ว”
หญิงสาวผลักร่างสูงข้างกายออกห่าง พยัคฆ์ขยับตัวแค่เพียงนิด นักศึกษากลุ่มนั้นก็มาถึงตัวและล้อมวงรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิงจำต้องตั้งหลัก พวกมันกำลังคุกคามเขาด้วยเรื่องอะไรนั้น พยัคฆ์ยังไม่รู้ แต่การล้อมวงรอบตัวเขาเป็นการแสดงบทบาทของหมาหมู่ ห้าต่อหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะสู้พวกมันได้ แต่งานนี้ถ้าไม่ผิด เขาสู้ตาย
แน่นอน...คนไม่รู้ย่อมไม่ใช่คนผิด
“เฮ้ย!! คิดจะเคลมเด็กกูเหรอวะ ไม่อยากตายดีเสียแล้วมึง” คนที่นำหน้าลงมาก่อนท่าทางคุกคามปรามาสใส่พยัคฆ์ แววตาจ้องจะเอาเรื่องเขาโดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จักหรือจำได้ว่าไปขัดแข้งขัดขามันไว้ตอนไหน แต่คำว่า ‘เด็กกู’ ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากมันเพื่อมองผู้หญิงข้างตัวใหม่
“ไหนว่าไม่มีแฟนไงล่ะอั้ม แล้วไอ้พวกหมาหมู่นี่มันเป็นใคร”
ฝ่ายหญิงออกอาการลุกลี้ลุกลนสุดท้ายก็ปล่อยมือจากแขนของพยัคฆ์แล้วปรี่เข้าไปเกาะแขนผู้ชายที่รุดหน้าเข้ามาใกล้
“พี่โต อั้มไม่รู้จักมันเลยนะ มันมาจีบอั้มเอง”
ประโยคโบ้ยความผิดของผู้หญิงใจง่ายทำให้พยัคฆ์ถึงกับขบริมฝีปากแล้วยืดอกขึ้น ผู้หญิงคือเพศแม่ที่อ่อนแอและน่าทนุถนอม แต่ผู้หญิงบางคนก็พิษร้ายยิ่งกว่างูเห่า พยัคฆ์ประจักษ์แจ้งแก่ใจในตอนนี้ แท้จริงแล้ว ‘ตอแหล’ สะกดอย่างนี้นี่เอง
ผู้ชายที่เธอเรียกมันว่า ‘พี่โต’ ปลดมือบางออกจากแขน สาวอั้มถอยหลังหนีไปอยู่มุมหนึ่งปิดฉากการช่วยเหลือใดๆ แก่เขา นี่แหละพิษสงของนางอสรพิษอย่างเธอ พยัคฆ์ถอยหลังเมื่อไอ้โตคุกคามเข้ามาใกล้ และก่อนที่มือของไอ้โตจะคว้าคอเสื้อของเขา ชายหนุ่มก็ปัดมือหยาบออกแล้วเตะสวนหน้าแข้งที่มันสะบัดเข้าใส่ พยัคฆ์ตัวสูงใหญ่กว่าเพียงแต่ไอ้โตมันท้วมกว่า แต่ความแข็งแรงของพยัคฆ์ที่มีมากกว่าทำให้ไอ้โตหน้าเปลี่ยนสีไปนิด หน้าแข้งปะทะหน้าแข้งใครบอกว่าไม่เจ็บ
“ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วพวกมึงยืนมองอะไรกันวะ จัดการมันสิโว้ย”
คำสั่งของลูกพี่อย่างไอ้โตทำให้ลูกน้องข้างถนนกรูกันเข้ามารุมพยัคฆ์ ชายหนุ่มไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่ชอบทะเลาะวิวาทกับใคร แต่เรื่องหมัดมวยเขาก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้างเพราะชอบเตะต่อยกระสอบทรายที่บ้านอยู่เป็นประจำ มันเป็นการออกกำลังกายที่ฝึกฝนชั้นเชิงการป้องกันตัวได้ดี และตอนนี้พยัคฆ์ก็เอาฝีไม้ลายมือที่ทำให้กระสอบทรายถูกเปลี่ยนมาหลายใบแล้ว ขาแข้งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อฟาดใส่ลำตัวคู่ต่อสู้ มือกำหมัดซัดผัวะใส่หน้าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ ล็อกคอตีเข่าจนมันผู้นั้นหงายเก๋ง
ห้ารุมหนึ่ง ต่อให้หนึ่งคนจะมีฝีมือดีขนาดไหนก็มีพลาดกันได้ ยิ่งนักเลงหัวไม้ที่สวมชุดนักศึกษากลุ่มนี้พกพาอาวุธอย่างมีดด้วยแล้ว คนที่เสียเปรียบเห็นจะเป็นพยัคฆ์ ชายหนุ่มรูปงามถูกล็อกหลังจากใครบางคนที่หาจังหวะได้ แล้วใครอีกคนก็ตุ้ยท้องเขาหลายทีชนิดที่เขาไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์เลือดสาด แต่ยังฮึดสู้ด้วยการสปริงตัวกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันที่กำลังชกเขา มันหน้าหงายอีกคนก็แทรกเข้ามา แล้วคมมีดก็จ้วงแทงร่างของพยัคฆ์ ดีที่เขาเอี้ยวตัวทัน คมมีดก็เลยเฉือดสีข้างของเขาแทน แต่แค่นี้ความเจ็บก็พุ่งปราด ร่างสูงทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย!!! หมาหมู่แบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นคนเลยนะพวกมึง”
ไตรภาคเพิ่งจะออกจากมหาวิทยาลัยเห็นพยัคฆ์ถูกรุมก็จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาทนเห็นคนถูกรุมไม่ได้ แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาช่วยด้วยสายเลือดของนักสู้ใจเด็ดที่มีอยู่ในตัวของผู้ชายตัวจริง
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ”
“กูจะไม่เสือก ถ้าพวกมึงไม่เล่นหมาหมู่แบบนี้”
“หนอย...อยากเสือกนักใช่ไหม ได้...จัดการมันเลย”
พวกไอ้โตละจากพยัคฆ์ไปหาไตรภาค ชายหนุ่มตั้งหลักรอรับอยู่แล้วอย่างไม่กลัว ไตรภาคเองไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่ศิลปะการป้องกันตัวก็พอเรียนรู้มาไม่น้อย ถ้าจะงัดเอาทฤษฎีมาใช้ในเชิงปฏิบัติบ้างก็คงได้ผลพอสมควร ร่างสูงพอๆ กับพยัคฆ์ป้องกันตัวจากการถูกคุกคาม ทั้งหมัดมวยก็มีชั้นเชิงพอตัว ไม่ถึงขั้นน็อคเอาท์อีกฝ่ายแต่ก็พอทำให้พวกมันเซถลา ถ้าไม่ติดที่เขาไม่มีอาวุธนอกจากมือเปล่าแล้วล่ะก็ ไตรภาคต้องล้มพวกมันได้แน่
“ปี๊ดดดด” เสียงตำรวจจราจรที่ต้องละจากหน้าที่เพื่อมาหยุดเหตุนักเรียนตีกันเป่านกหวีด อีกฝั่งตำรวจจำนวนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถแล้วเข้ามาล็อกตัวกลุ่มตะลุมบอนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พยัคฆ์และไตรภาค ทุกคนถูกจับ
“ให้เป็นนักเรียนดีๆ ไม่ชอบ ชอบจะเป็นนักเลง ไปๆ นำตัวไปโรงพักเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวครับ เพื่อนผมบาดเจ็บ” ไตรภาคทักท้วงเมื่อตำรวจลากตัวพยัคฆ์ที่บาดเจ็บและมีเลือดไหลออกจากสีข้าง จนเสื้อขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง พยัคฆ์มองไตรภาคอย่างขอบใจ เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าไอ้หนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จากเข็มนักศึกษาที่ปักบนอกเสื้อทำให้รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้เรียนที่เดียวกันกับเขา
“ไหนดูซิ แผลแค่นี้ไม่ตายเร็วหรอกมั้ง ไปโรงพักก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาล ไป!”
ไตรภาคอดคิดเหน็บแนมตำรวจไม่ได้ ตำรวจดีก็มีแต่ตำรวจเลวก็มาก หรือเพราะต้องทำหน้าที่ก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลังก็ไม่รู้ ‘ชีวิตคนมีค่ามากกว่าผักปลาที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนะเว้ย’ ไตรภาคแอบค่อนขอดตำรวจอยู่ในใจ พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นสีหน้าของเขาบอกว่าเจ็บไม่น้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องต้องถอนใจ มันคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่เลือดก็ออกจนเสื้อชุ่ม ในเมื่อคนเจ็บยังยิ้มออก เขาก็จำต้องหุบปากและเดินขึ้นรถตำรวจไป
เมื่อพยัคฆ์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วกลับมาที่โรงพักอีกครั้ง ไตรภาคที่นั่งเงียบอยู่มุมหนึ่งในห้องขังโดยอีกด้านหนึ่งเป็นกลุ่มของไอ้โต เมื่ออยู่ในห้องขังไม่มีใครทำกร่าง ทุกคนกอดเข่าเงียบมองร่างสูงที่ถูกผลักเข้ามาในห้องขัง ไตรภาคลุ้นว่าพวกมันจะทำอะไรพยัคฆ์แต่พวกมันก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงขยับตัวเปิดทางให้พยัคฆ์ทรุดตัวลงข้างๆ
กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"