123
123
ข่าวนักเรียนตีกันมักจะปรากฏในจอโทรทัศน์เสมอหลังการเปิดภาคเรียนใหม่ ใช่ว่าจะมีแต่นักเรียนอาชีวะที่คิดจะเป็นนักเลงหัวไม้ตีรันฟันแทง ยังมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่อริของนักศึกษาต่างสถาบันร่วมด้วย การขัดแข้งขัดขาเกิดขึ้นทั้งจากความตั้งใจและโดยไม่ได้ตั้งใจได้ทุกเมื่อ เหมือนในตอนนี้...
ร่างสูงเพรียวของพยัคฆ์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อนอกกางเกง ยืนเด่นเคียงข้างนักศึกษาหญิงต่างสถาบันที่เขาเพิ่งจะเจอเธอไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอชื่ออั้ม และเขาก็อยากอ้ำเธอตั้งแต่แม่สาวคนงามทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ ผู้หญิงให้ท่ากันขนาดนี้มีหรือเขาจะปฏิเสธ เสือก็ย่อมไม่ทิ้งลาย แถมเป็นเสือลายพาดกลอนด้วยแล้วชั้นเชิงการจีบหญิงไม่น้อยไปกว่าใคร ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของเขาดันเป็นที่ดึงดูดสาวๆ ดียิ่งกว่าแม่เหล็ก แบบนี้ถ้าหล่อนจะติดหนึบเขาแจก็ไม่ใช่ความผิดของเขา จริงมั้ย
“เสียดายวันนี้รถพี่พัง ไม่งั้นพี่จะพาอั้มไปนั่งรถเล่น” ชายหนุ่มหยอกเย้าแม่สาวสวยก็ทิ้งสายตาเชิญชวนให้
“นั่นสิคะ วันนี้เราเลยต้องขึ้นรถเมล์เลย ร้อนจะตาย” สาวเจ้าบ่นและโบกสมุดเล่มบางในมือไล่ความร้อน สีหน้าของเธอดูมีความสุขนักเมื่อได้อยู่ใกล้เขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เดินควงหนุ่มรูปงามอย่างเขา ได้เชิดหน้าผยองให้สาวๆ คนอื่นต้องทิ้งสายตาแห่งความริษยา
“วันหลัง ไม่พลาดแน่คนสวย พี่จะพาเธอเที่ยวให้สนุกจนลืมไม่ลงเลย”
รถเมล์คันหนึ่งจอดลงตรงหน้า พยัคฆ์และอัจฉราพรมองคนที่เดินเรียงแถวลงมาจากรถ หญิงสาวอ้าปากหวอเพราะรู้จักนักศึกษาชายกลุ่มนั้นเป็นอย่างดี ส่วนพยัคฆ์เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าพวกมันทุกคน และท่าทางของมันกวนบาทาของเขาตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถ
พวกมันเป็นใคร?
“พี่โต!! พี่เสือหนีเร็ว”
หญิงสาวผลักร่างสูงข้างกายออกห่าง พยัคฆ์ขยับตัวแค่เพียงนิด นักศึกษากลุ่มนั้นก็มาถึงตัวและล้อมวงรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิงจำต้องตั้งหลัก พวกมันกำลังคุกคามเขาด้วยเรื่องอะไรนั้น พยัคฆ์ยังไม่รู้ แต่การล้อมวงรอบตัวเขาเป็นการแสดงบทบาทของหมาหมู่ ห้าต่อหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะสู้พวกมันได้ แต่งานนี้ถ้าไม่ผิด เขาสู้ตาย
แน่นอน...คนไม่รู้ย่อมไม่ใช่คนผิด
“เฮ้ย!! คิดจะเคลมเด็กกูเหรอวะ ไม่อยากตายดีเสียแล้วมึง” คนที่นำหน้าลงมาก่อนท่าทางคุกคามปรามาสใส่พยัคฆ์ แววตาจ้องจะเอาเรื่องเขาโดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จักหรือจำได้ว่าไปขัดแข้งขัดขามันไว้ตอนไหน แต่คำว่า ‘เด็กกู’ ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากมันเพื่อมองผู้หญิงข้างตัวใหม่
“ไหนว่าไม่มีแฟนไงล่ะอั้ม แล้วไอ้พวกหมาหมู่นี่มันเป็นใคร”
ฝ่ายหญิงออกอาการลุกลี้ลุกลนสุดท้ายก็ปล่อยมือจากแขนของพยัคฆ์แล้วปรี่เข้าไปเกาะแขนผู้ชายที่รุดหน้าเข้ามาใกล้
“พี่โต อั้มไม่รู้จักมันเลยนะ มันมาจีบอั้มเอง”
ประโยคโบ้ยความผิดของผู้หญิงใจง่ายทำให้พยัคฆ์ถึงกับขบริมฝีปากแล้วยืดอกขึ้น ผู้หญิงคือเพศแม่ที่อ่อนแอและน่าทนุถนอม แต่ผู้หญิงบางคนก็พิษร้ายยิ่งกว่างูเห่า พยัคฆ์ประจักษ์แจ้งแก่ใจในตอนนี้ แท้จริงแล้ว ‘ตอแหล’ สะกดอย่างนี้นี่เอง
ผู้ชายที่เธอเรียกมันว่า ‘พี่โต’ ปลดมือบางออกจากแขน สาวอั้มถอยหลังหนีไปอยู่มุมหนึ่งปิดฉากการช่วยเหลือใดๆ แก่เขา นี่แหละพิษสงของนางอสรพิษอย่างเธอ พยัคฆ์ถอยหลังเมื่อไอ้โตคุกคามเข้ามาใกล้ และก่อนที่มือของไอ้โตจะคว้าคอเสื้อของเขา ชายหนุ่มก็ปัดมือหยาบออกแล้วเตะสวนหน้าแข้งที่มันสะบัดเข้าใส่ พยัคฆ์ตัวสูงใหญ่กว่าเพียงแต่ไอ้โตมันท้วมกว่า แต่ความแข็งแรงของพยัคฆ์ที่มีมากกว่าทำให้ไอ้โตหน้าเปลี่ยนสีไปนิด หน้าแข้งปะทะหน้าแข้งใครบอกว่าไม่เจ็บ
“ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วพวกมึงยืนมองอะไรกันวะ จัดการมันสิโว้ย”
คำสั่งของลูกพี่อย่างไอ้โตทำให้ลูกน้องข้างถนนกรูกันเข้ามารุมพยัคฆ์ ชายหนุ่มไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่ชอบทะเลาะวิวาทกับใคร แต่เรื่องหมัดมวยเขาก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้างเพราะชอบเตะต่อยกระสอบทรายที่บ้านอยู่เป็นประจำ มันเป็นการออกกำลังกายที่ฝึกฝนชั้นเชิงการป้องกันตัวได้ดี และตอนนี้พยัคฆ์ก็เอาฝีไม้ลายมือที่ทำให้กระสอบทรายถูกเปลี่ยนมาหลายใบแล้ว ขาแข้งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อฟาดใส่ลำตัวคู่ต่อสู้ มือกำหมัดซัดผัวะใส่หน้าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ ล็อกคอตีเข่าจนมันผู้นั้นหงายเก๋ง
ห้ารุมหนึ่ง ต่อให้หนึ่งคนจะมีฝีมือดีขนาดไหนก็มีพลาดกันได้ ยิ่งนักเลงหัวไม้ที่สวมชุดนักศึกษากลุ่มนี้พกพาอาวุธอย่างมีดด้วยแล้ว คนที่เสียเปรียบเห็นจะเป็นพยัคฆ์ ชายหนุ่มรูปงามถูกล็อกหลังจากใครบางคนที่หาจังหวะได้ แล้วใครอีกคนก็ตุ้ยท้องเขาหลายทีชนิดที่เขาไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์เลือดสาด แต่ยังฮึดสู้ด้วยการสปริงตัวกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันที่กำลังชกเขา มันหน้าหงายอีกคนก็แทรกเข้ามา แล้วคมมีดก็จ้วงแทงร่างของพยัคฆ์ ดีที่เขาเอี้ยวตัวทัน คมมีดก็เลยเฉือดสีข้างของเขาแทน แต่แค่นี้ความเจ็บก็พุ่งปราด ร่างสูงทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย!!! หมาหมู่แบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นคนเลยนะพวกมึง”
ไตรภาคเพิ่งจะออกจากมหาวิทยาลัยเห็นพยัคฆ์ถูกรุมก็จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาทนเห็นคนถูกรุมไม่ได้ แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาช่วยด้วยสายเลือดของนักสู้ใจเด็ดที่มีอยู่ในตัวของผู้ชายตัวจริง
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ”
“กูจะไม่เสือก ถ้าพวกมึงไม่เล่นหมาหมู่แบบนี้”
“หนอย...อยากเสือกนักใช่ไหม ได้...จัดการมันเลย”
พวกไอ้โตละจากพยัคฆ์ไปหาไตรภาค ชายหนุ่มตั้งหลักรอรับอยู่แล้วอย่างไม่กลัว ไตรภาคเองไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่ศิลปะการป้องกันตัวก็พอเรียนรู้มาไม่น้อย ถ้าจะงัดเอาทฤษฎีมาใช้ในเชิงปฏิบัติบ้างก็คงได้ผลพอสมควร ร่างสูงพอๆ กับพยัคฆ์ป้องกันตัวจากการถูกคุกคาม ทั้งหมัดมวยก็มีชั้นเชิงพอตัว ไม่ถึงขั้นน็อคเอาท์อีกฝ่ายแต่ก็พอทำให้พวกมันเซถลา ถ้าไม่ติดที่เขาไม่มีอาวุธนอกจากมือเปล่าแล้วล่ะก็ ไตรภาคต้องล้มพวกมันได้แน่
“ปี๊ดดดด” เสียงตำรวจจราจรที่ต้องละจากหน้าที่เพื่อมาหยุดเหตุนักเรียนตีกันเป่านกหวีด อีกฝั่งตำรวจจำนวนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถแล้วเข้ามาล็อกตัวกลุ่มตะลุมบอนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พยัคฆ์และไตรภาค ทุกคนถูกจับ
“ให้เป็นนักเรียนดีๆ ไม่ชอบ ชอบจะเป็นนักเลง ไปๆ นำตัวไปโรงพักเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวครับ เพื่อนผมบาดเจ็บ” ไตรภาคทักท้วงเมื่อตำรวจลากตัวพยัคฆ์ที่บาดเจ็บและมีเลือดไหลออกจากสีข้าง จนเสื้อขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง พยัคฆ์มองไตรภาคอย่างขอบใจ เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าไอ้หนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จากเข็มนักศึกษาที่ปักบนอกเสื้อทำให้รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้เรียนที่เดียวกันกับเขา
“ไหนดูซิ แผลแค่นี้ไม่ตายเร็วหรอกมั้ง ไปโรงพักก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาล ไป!”
ไตรภาคอดคิดเหน็บแนมตำรวจไม่ได้ ตำรวจดีก็มีแต่ตำรวจเลวก็มาก หรือเพราะต้องทำหน้าที่ก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลังก็ไม่รู้ ‘ชีวิตคนมีค่ามากกว่าผักปลาที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนะเว้ย’ ไตรภาคแอบค่อนขอดตำรวจอยู่ในใจ พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นสีหน้าของเขาบอกว่าเจ็บไม่น้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องต้องถอนใจ มันคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่เลือดก็ออกจนเสื้อชุ่ม ในเมื่อคนเจ็บยังยิ้มออก เขาก็จำต้องหุบปากและเดินขึ้นรถตำรวจไป
เมื่อพยัคฆ์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วกลับมาที่โรงพักอีกครั้ง ไตรภาคที่นั่งเงียบอยู่มุมหนึ่งในห้องขังโดยอีกด้านหนึ่งเป็นกลุ่มของไอ้โต เมื่ออยู่ในห้องขังไม่มีใครทำกร่าง ทุกคนกอดเข่าเงียบมองร่างสูงที่ถูกผลักเข้ามาในห้องขัง ไตรภาคลุ้นว่าพวกมันจะทำอะไรพยัคฆ์แต่พวกมันก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงขยับตัวเปิดทางให้พยัคฆ์ทรุดตัวลงข้างๆ
กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
... ในวันครบรอบแต่งงาน ฮั่วเยี่ยนสือ สามีผู้มั่งคั่งทิ้งเธอไป แล้วหาคนรักแรกของเขา ผู้ชายที่ไม่รักนวลสงวนตัวก็เหมือนสิ่งไร้ค่า ผู้ชายที่เธอเคยอ่อนข้อให้แต่ก็ไม่สนใจเธอ งั้นเธอไม่ต้องการแล้ว จึงขอหย่าทันที ฮั่วเยี่ยนสือไม่สนใจ ซูหว่านหนิงกลับเข้าสู่วงการบันเทิงและเฉิดฉาย รักแรกในอุดมคติชอบแกล้งอ่อนแองั้นเหรอ งั้นก็ให้เธอเผยธาตุแท้จริงให้ทุกคนได้เห็น อดีตสามีที่เป็นคนปากแข็งที่สุด "เมื่อเธอเบื่อแล้วเธอจะกลับมาหาฉัน" แต่ภรรยาที่เคยเต็มใจทำทุกอย่างให้เขานั้นไม่กลับมาอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีคนมากมายมาตามจีบเธออีก ดาราระดับโลกแสดงความรักอย่างแรงกล้า ผู้บริหารบริษัทสื่อพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอยิ้ม แม้แต่ทายาทเศรษฐีอันดับหนึ่งก็ต้องการเธอเท่านั้น จากนั้นฮั่วเยี่ยนสือเริ่มตระหนก เปลี่ยนจากคนเย็นชากลายเป็นคนที่คอยติดตามไม่ห่าง ใช้ทุกวิถีทางเพื่อตามจีบภรรยา ซูหว่านหนิงไม่แม้แต่จะมอง "เมื่อก่อนคุณเฉยเมยกับฉัน ตอนนี้คุณไม่คู่ควรกับฉันแล้ว" ฮั่วเยี่ยนสือขอร้องเธออย่างบ้าคลั่ง "หนิงหนิง เราแต่งงานใหม่เถอะ" ซูหว่านหนิงแสดงท่าทางหยิ่ง "คุณฮั่ว ฉันไม่เคยกลับไปหาของที่ทิ้งไปแล้ว"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY