"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
“หย่ากันเถอะ”
กระดาษบาง ๆ สองแผ่น ได้ตัดสินให้ชีวิตแต่งงานสี่ปีถึงจุดจบลงอย่างง่ายดาย
นิ้วสีขาวเรียวเล็กของฉินซูเนียนจับอยู่ที่ลายเซ็นต์ของฝ่ายชายบนหนังสือสัญญา ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองลี่ อี้เฉินนั้น นัยน์ตาก็มีน้ำเอ่อขึ้นจนยากจะปิดบัง
“ไม่มีโอกาสจะหันกลับแล้วใช่ไหมคะ?”
เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เหงื่อบนขมับของเธอที่ทำงานบ้านเพิ่งเสร็จยังไม่จางหาย มันเปื้อนติดอยู่ที่กรอบแว่นสีดำหนาของเธอ ทำให้เธอดูเฉิ่มเชยมากยิ่งขึ้น
เป็นเพราะเขาบอกว่าคืนนี้จะกลับมา เป็นเพราะเขาบอกว่าอยากคุยกับตัวเอง...
เธอตื่นแต่เช้าด้วยความคาดหวัง ไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง ทำความสะอาดบ้านทั้งหลังจนสะอาดสะอ้าน แม้แต่เวลาจะพักสักนาทีก็ไม่มี สิ่งที่รอคือข่าวที่ทำให้คนยากที่จะหายใจข่าวนี้
“เดิมทีมันก็เป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน” หลี่อี้เฉินเคาะขึ้บุหรี่ของเขาอย่างรำคาญ “จะว่าไป หวานหวานใกล้จะกลับมาแล้ว”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ซงหวานหวาน คนรักที่อยู่ในใจไม่เคยลืมของลี่อี้เฉิน
ปลายลิ้นแตะเพดานปาก ความรู้สึกพ่ายแพ้เหมือนดังเช่นสี่ปีก่อน ฉินซูเนียนก้มศีรษะลงเหมือนกระจ่างในทันที เพียงแค่ซงหวานหวานปรากฏตัว ลี่ อี้เฉินก็สามารถละทิ้งผลประโยชน์และหลักการทั้งหมดเพื่อเธอได้
ไม่ว่าจะเป็นในปีนั้นที่เขาถูกบังคับให้แต่งงานกับตัวเอง หรือเวลาสี่ปีแล้วเขายังเก็บตัวเองไว้ให้ซงหวานหวานราวกับหยกที่บริสุทธิ์ที่ไร้ที่ติ
หลังจากที่รอคำตอบอยู่นาน ลี่อี้เฉินก็ขมวดคิ้ว มองไปยังหญิงสาวที่ทำตาละห้อยอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
รูปร่างหน้าตาของฉินซูเนียนนั้นไม่มีที่ติ มีผิวงดงามราวกับหยก จมูกเล็ก ๆ รูปปากราวกลีบกุหลาบ แม้แต่ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตากรอบดำนั้น ก็ยังสามารถมองเห็นความสุกสกาวแวววาวจากแสงสะท้อนของหลอดไฟได้
เพียงแต่ว่า มันไม่น่าสนใจเลย อาจจะถึงขั้นน่าเบื่อเลยด้วยซ้ำ
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นภรรยาที่เพียบพร้อมมาหลายปี เป็นคนใส ๆ มองแวบเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง
เธอเหมาะสมที่จะเป็นคุณนายลี่ แต่ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของเขา
นิ้วที่คีบบุหรี่ของเขาขยี้บุหรี่ในที่เขี่ย ลี่อี้เฉินพูดอย่างสบาย ๆ “ก่อนหน้านี้คุณ...”
เขานิ่งไป แล้วกวาดตามองแววตาของฉินซูเนียนโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวยังคงก้มหน้า ทำให้ลี่อี้เฉินรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างแปลก ๆ
เขาเปลี่ยนวิธีการพูด น้ำเสียงเย็นชาเจือไปด้วยความเบื่อหน่าย และไม่แยแส “เมื่อพิจารณาถึงประสบการณ์ของคุณ ต่อไปคงหางานยาก นอกจากสินทรัพย์ที่ผ่านการรับรองแล้ว ผมจะมอบวิลล่าให้คุณเพิ่มอีกสามหลัง เฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดคันนั้นก็เป็นของคุณ บัญชีเงินสดก็จะใช้ชื่อส่วนตัวผมชดเชยให้คุณอีกสองร้อยล้าน”
ตอนที่ซงหวานหวานไปต่างประเทศ ลี่อี้เฉินเดินทางหลายหมื่นลี้เพื่อความรัก ทำให้คุณปู่ตระกูลลี่โกรธมากจนจะไล่เขาออกจากตระกูล ถ้าไม่เป็นเพราะแม่บังเกิดเกล้าของลี่อี้เฉินใช้ชั้นเชิง เอาความตายมาหลอกบังคับให้ลี่อี้เฉินกลับมา เกรงว่าหลานชายคนโตแห่งตระกูลลี่ผู้มีเกียรติจะต้องชดใช้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
เพื่อได้กลับคืนสู่ตำแหน่งกุมอำนาจในตระกูลลี่ ลี่อี้เฉินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับข้อตกลงของคุณปู่ลี่อย่างไม่เต็มใจและแต่งงานกับฉินซูเนียนผู้ซึ่งกล่าวกันในตอนนั้นว่าเพิ่งออกมาจากคุก
แม้ว่าเขาไม่มีความรู้สึกต่อผู้หญิงคนนี้เลย แต่สี่ปีมานี้เธอได้อดทนทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่เคยสร้างความลำบากใจให้แก่ตระกูลลี่สักนิด การปรนนิบัติต่อเขาก็นับว่าสบายใจได้ ลี่อี้เฉินไม่รังเกียจที่จะชดเชยเงินให้เธอมากขึ้นอีกสักหน่อย
เช่นเดียวกับการเลี้ยงม้าเพื่อให้เขามีความสุข มันก็มีราคาต้องจ่ายเช่นกัน
นิ้วชี้เรียวยาวของฝ่ายชายแตะหนังสือสัญญา สี่ปีมานี้เขาไม่เคยถอดแหวนที่มีความหมายพิเศษวงนั้นออกจากนิ้วชี้ของเขาเลยซึ่งได้สะดุดตาฉินซูเนียนเข้า
“ผมให้เวลาคุณพิจารณาสามวัน แต่อย่าให้นานเกินไป ความอดทนของผมมีจำกัด...”
“ไม่ต้องแล้ว”
ฉินซูเนียนหยิบปากกาสีดำที่วางอยู่ด้านข้าง กรอกลายเซ็นต์ลงไปในช่องว่างด้วยความมั่นใจ
“ฉันรู้ตัวเองดี และจะย้ายออกไปวันนี้ จะไม่รบกวนพวกคุณ”
ลี่อี้เฉินพยักหน้าโดยไม่ลังเล “โอเค”
ต้องยอมรับว่าแม้ในขณะที่ต้องพบเจอกับสถานการณ์ดั่งเช่นวันนี้ ฉินซูเนียนยังคงมีไหวพริบ และมีเหตุผลเช่นเคย ไม่เคยทำให้เขากังวลใจเรื่องอื่น ๆ นอกจากเรื่องงานของเขา
พูดตามตรง ในฐานะที่เป็นคุณนายลี่ เธอแทบจะเป็นคุณนายที่ดีที่สุดในบรรดาคุณนายของคนมีหน้ามีตาในสังคม
น่าเสียดายที่เรื่องความรู้สึกนั้นไม่สามารถฝืนใจกันได้
ลี่อี้เฉินหันหนังสือสัญญากลับ และกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักออกด้วยเสียงดังปัง ลี่เวินฮั่นปรี่เข้ามาโดยไม่เกรงใจพร้อมตะโกนเสียงดัง “พี่ ได้ยินมาว่าวันนี้พี่จะทิ้งนังคนขี้คุกแล้ว รถเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดคันนั้นของมันยกให้ฉันได้ไหม?”
ทันใดนั้นเธอก็เผชิญหน้าอย่างจังเข้ากับฉินซูเนียนที่หันกลับมาพอดี ลี่เวินฮั่นค้อนขวับกลอกตามอง
ลี่อี้เฉินขมวดคิ้ว และพูดว่า “พี่พูดกี่ครั้งแล้วว่าตอนที่พี่กำลังคุยงานในห้องหนังสือ ให้เคาะประตูก่อนแล้วค่อยเข้ามา ไม่รู้จักกฏระเบียดเอาซะเลย แล้วยังดูไม่เหมือนสาวสังคมชั้นสูงสักนิด”
ลี่เวินฮั่นจับโต๊ะทำท่าทางออดอ้อน “โอ้ย รู้แล้วน่า รีบเอากุญแจรถมาให้ฉันเร็ว ๆ วันนี้ฉันนัดกับเพื่อนไปนั่งรถเล่น!”
ลี่อี้เฉินให้ท้ายน้องสาวผู้เย่อหยิ่งของเขามาโดยตลอด เขามองไปทางฉินซูเนียน ทำท่าพยักพเยิดแล้วพูดว่า “ให้เวินฮั่น”
ฉินซูเนียนหลบตาลง และพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณบอกไม่ใช่เหรอว่ารถคันนี้เป็นของฉัน?”
น้ำเสียงของเธอยังคงเบา และอ่อนโยนเช่นเคย แต่ลี่อี้เฉินกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ไม่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก
ลี่เวินฮั่นรู้สึกโกรธ เธอก้าวไปข้างหน้าและตรงเข้าไปผลักฉินซูเนียนอย่างแรง “อะไรของเธออะไรของฉัน บ้านหลังนี้เป็นของพี่ชายฉันทั้งหมด มันเกี่ยวอะไรกับเธอ? รีบเอากุญแจมา!”
แต่งงานเข้าตระกูลลี่หลายปีมานี้ ฉินซูเนียนฉินซูเนียนบอกได้ว่าได้ทำดีต่อน้องสามีคนนี้มาเป็นอย่างดี
ลี่เวินฮั่นชอบสร้างปัญหาเป็นประจำเวลาเกิดเรื่องเมื่อไหร่ก็กลายเป็นคนขี้กลัวได้แต่ร้องห่มร้องไห้โทรให้แม่จัดการให้
ตอนนั้นไปมีเรื่องกับคุณหนูห้า ของเซินอวี่ จนถูกผู้นำตระกูลเซินอวี่ คุณชายสามฟู่ถิงฉินจับไปไว้ที่หอคอยที่สูงของเมือง ถ้าไม่เป็นเพราะเธอไปทำข้อตกลงกับฟู่ถิงฉินตามลำพัง เกรงว่าลี่เวินฮั่นอาจจะถูกผลักตกหอคอยมาตั้งนานแล้ว และอาจกลายเป็นคนพิการไปแล้ว
น่าเสียดายความเอาใจใส่ของเธอ สุดท้ายกลับได้มาแค่คำว่า “นังขี้คุก” เท่านั้น
“ไม่ให้”
ฉินซูเนียนปฏิเสธคำขาด และมองไปยังลี่อี้เฉิน “รถคันนี้ฉันจะเอา! คุณชายลี่พูดคำไหนคำนั้น คงไม่ถึงขนาดว่าแค่รถคันเดียวก็ให้ไม่ได้กระมัง?”
เธอยังคงมีท่าทางนิ่ง แม้แต่เสียงของเธอก็นุ่มนวลไม่มีความก้าวร้าวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นลี่อี้เฉินกลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างกับฉินซูเนียนคนที่เคยถูกคนอื่นกลั่นแกล้งมาอย่างสิ้นเชิง
เขานิ่ง และพูดกับลี่เวินฮั่นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รถสปอร์ตที่บ้านสิบกว่าคัน เธอไปเลือกที่โรงรถของพี่เองไป”
แต่แล้วลี่เวินฮั่นก็เอาแต่ใจขึ้นมา เธอถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ยกเว้นตอนที่เธอทำให้ฟู่ถิงฉินไม่พอใจครั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าทำให้เธอโกรธ ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงตรงหน้าเธอที่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนเลย
เธอโกรธมากจนยกนิ้วชี้ไปที่ฉินซูเนียน “ฉันถามอีกครั้งหนึ่ง เธอจะให้หรือไม่ให้”
“ไม่…”
“ป้าบ!“
ฝ่ามือกวาดแรงลมมาปะทะหน้าด้านขวาของฉินซูเนียนอย่างแรง!
“อย่ามาหน้าด้านให้มันมากนัก กล้าดีอะไรมางัดข้อกับฉัน แม้แต่ถือรองเท้าให้ฉันยังไม่คู่ควรเลย!”
ดวงตาของลี่อี้เฉินเปลี่ยนไปแวบนึง จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ เขาพูดโดยไม่เจ็บปวด หรือรู้สึกระคายใด ๆ “ลี่เวินฮั่นระวังคำพูดของเธอด้วย”
ฉินซูเนียนเอามือกุมหน้าของเธอ แล้วมองไปยังลี่เวินฮั่น “ดูแล้วเธอนี่ขาดการอบรมสั่งสอนจริง ๆ...”
หลี่เหวินหานรู้สึกได้ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเชิดคางขึ้นเพื่อยั่วยุฉินซู่เหนียน
“แล้วจะทำไม…… ห่ะ ! ”
ฉินซูเนียนพลิกมือไปหยิบแจกันดอกไม้ข้างหน้าต่างที่มีดอกไม้ และน้ำเต็มขวด แล้วคว่ำใส่หัวของลี่เวินฮั่นทันที!
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะสอนเธอแทนพ่อแม่เธอเอง”
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก