“เราหย่ากันเถอะ”หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
“หย่ากันเถอะ”
กระดาษบาง ๆ สองแผ่น ได้ตัดสินให้ชีวิตแต่งงานสี่ปีถึงจุดจบลงอย่างง่ายดาย
นิ้วสีขาวเรียวเล็กของฉินซูเนียนจับอยู่ที่ลายเซ็นต์ของฝ่ายชายบนหนังสือสัญญา ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองลี่ อี้เฉินนั้น นัยน์ตาก็มีน้ำเอ่อขึ้นจนยากจะปิดบัง
“ไม่มีโอกาสจะหันกลับแล้วใช่ไหมคะ?”
เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เหงื่อบนขมับของเธอที่ทำงานบ้านเพิ่งเสร็จยังไม่จางหาย มันเปื้อนติดอยู่ที่กรอบแว่นสีดำหนาของเธอ ทำให้เธอดูเฉิ่มเชยมากยิ่งขึ้น
เป็นเพราะเขาบอกว่าคืนนี้จะกลับมา เป็นเพราะเขาบอกว่าอยากคุยกับตัวเอง...
เธอตื่นแต่เช้าด้วยความคาดหวัง ไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง ทำความสะอาดบ้านทั้งหลังจนสะอาดสะอ้าน แม้แต่เวลาจะพักสักนาทีก็ไม่มี สิ่งที่รอคือข่าวที่ทำให้คนยากที่จะหายใจข่าวนี้
“เดิมทีมันก็เป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน” หลี่อี้เฉินเคาะขึ้บุหรี่ของเขาอย่างรำคาญ “จะว่าไป หวานหวานใกล้จะกลับมาแล้ว”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ซงหวานหวาน คนรักที่อยู่ในใจไม่เคยลืมของลี่อี้เฉิน
ปลายลิ้นแตะเพดานปาก ความรู้สึกพ่ายแพ้เหมือนดังเช่นสี่ปีก่อน ฉินซูเนียนก้มศีรษะลงเหมือนกระจ่างในทันที เพียงแค่ซงหวานหวานปรากฏตัว ลี่ อี้เฉินก็สามารถละทิ้งผลประโยชน์และหลักการทั้งหมดเพื่อเธอได้
ไม่ว่าจะเป็นในปีนั้นที่เขาถูกบังคับให้แต่งงานกับตัวเอง หรือเวลาสี่ปีแล้วเขายังเก็บตัวเองไว้ให้ซงหวานหวานราวกับหยกที่บริสุทธิ์ที่ไร้ที่ติ
หลังจากที่รอคำตอบอยู่นาน ลี่อี้เฉินก็ขมวดคิ้ว มองไปยังหญิงสาวที่ทำตาละห้อยอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
รูปร่างหน้าตาของฉินซูเนียนนั้นไม่มีที่ติ มีผิวงดงามราวกับหยก จมูกเล็ก ๆ รูปปากราวกลีบกุหลาบ แม้แต่ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตากรอบดำนั้น ก็ยังสามารถมองเห็นความสุกสกาวแวววาวจากแสงสะท้อนของหลอดไฟได้
เพียงแต่ว่า มันไม่น่าสนใจเลย อาจจะถึงขั้นน่าเบื่อเลยด้วยซ้ำ
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นภรรยาที่เพียบพร้อมมาหลายปี เป็นคนใส ๆ มองแวบเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง
เธอเหมาะสมที่จะเป็นคุณนายลี่ แต่ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของเขา
นิ้วที่คีบบุหรี่ของเขาขยี้บุหรี่ในที่เขี่ย ลี่อี้เฉินพูดอย่างสบาย ๆ “ก่อนหน้านี้คุณ...”
เขานิ่งไป แล้วกวาดตามองแววตาของฉินซูเนียนโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวยังคงก้มหน้า ทำให้ลี่อี้เฉินรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างแปลก ๆ
เขาเปลี่ยนวิธีการพูด น้ำเสียงเย็นชาเจือไปด้วยความเบื่อหน่าย และไม่แยแส “เมื่อพิจารณาถึงประสบการณ์ของคุณ ต่อไปคงหางานยาก นอกจากสินทรัพย์ที่ผ่านการรับรองแล้ว ผมจะมอบวิลล่าให้คุณเพิ่มอีกสามหลัง เฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดคันนั้นก็เป็นของคุณ บัญชีเงินสดก็จะใช้ชื่อส่วนตัวผมชดเชยให้คุณอีกสองร้อยล้าน”
ตอนที่ซงหวานหวานไปต่างประเทศ ลี่อี้เฉินเดินทางหลายหมื่นลี้เพื่อความรัก ทำให้คุณปู่ตระกูลลี่โกรธมากจนจะไล่เขาออกจากตระกูล ถ้าไม่เป็นเพราะแม่บังเกิดเกล้าของลี่อี้เฉินใช้ชั้นเชิง เอาความตายมาหลอกบังคับให้ลี่อี้เฉินกลับมา เกรงว่าหลานชายคนโตแห่งตระกูลลี่ผู้มีเกียรติจะต้องชดใช้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
เพื่อได้กลับคืนสู่ตำแหน่งกุมอำนาจในตระกูลลี่ ลี่อี้เฉินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับข้อตกลงของคุณปู่ลี่อย่างไม่เต็มใจและแต่งงานกับฉินซูเนียนผู้ซึ่งกล่าวกันในตอนนั้นว่าเพิ่งออกมาจากคุก
แม้ว่าเขาไม่มีความรู้สึกต่อผู้หญิงคนนี้เลย แต่สี่ปีมานี้เธอได้อดทนทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่เคยสร้างความลำบากใจให้แก่ตระกูลลี่สักนิด การปรนนิบัติต่อเขาก็นับว่าสบายใจได้ ลี่อี้เฉินไม่รังเกียจที่จะชดเชยเงินให้เธอมากขึ้นอีกสักหน่อย
เช่นเดียวกับการเลี้ยงม้าเพื่อให้เขามีความสุข มันก็มีราคาต้องจ่ายเช่นกัน
นิ้วชี้เรียวยาวของฝ่ายชายแตะหนังสือสัญญา สี่ปีมานี้เขาไม่เคยถอดแหวนที่มีความหมายพิเศษวงนั้นออกจากนิ้วชี้ของเขาเลยซึ่งได้สะดุดตาฉินซูเนียนเข้า
“ผมให้เวลาคุณพิจารณาสามวัน แต่อย่าให้นานเกินไป ความอดทนของผมมีจำกัด...”
“ไม่ต้องแล้ว”
ฉินซูเนียนหยิบปากกาสีดำที่วางอยู่ด้านข้าง กรอกลายเซ็นต์ลงไปในช่องว่างด้วยความมั่นใจ
“ฉันรู้ตัวเองดี และจะย้ายออกไปวันนี้ จะไม่รบกวนพวกคุณ”
ลี่อี้เฉินพยักหน้าโดยไม่ลังเล “โอเค”
ต้องยอมรับว่าแม้ในขณะที่ต้องพบเจอกับสถานการณ์ดั่งเช่นวันนี้ ฉินซูเนียนยังคงมีไหวพริบ และมีเหตุผลเช่นเคย ไม่เคยทำให้เขากังวลใจเรื่องอื่น ๆ นอกจากเรื่องงานของเขา
พูดตามตรง ในฐานะที่เป็นคุณนายลี่ เธอแทบจะเป็นคุณนายที่ดีที่สุดในบรรดาคุณนายของคนมีหน้ามีตาในสังคม
น่าเสียดายที่เรื่องความรู้สึกนั้นไม่สามารถฝืนใจกันได้
ลี่อี้เฉินหันหนังสือสัญญากลับ และกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักออกด้วยเสียงดังปัง ลี่เวินฮั่นปรี่เข้ามาโดยไม่เกรงใจพร้อมตะโกนเสียงดัง “พี่ ได้ยินมาว่าวันนี้พี่จะทิ้งนังคนขี้คุกแล้ว รถเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดคันนั้นของมันยกให้ฉันได้ไหม?”
ทันใดนั้นเธอก็เผชิญหน้าอย่างจังเข้ากับฉินซูเนียนที่หันกลับมาพอดี ลี่เวินฮั่นค้อนขวับกลอกตามอง
ลี่อี้เฉินขมวดคิ้ว และพูดว่า “พี่พูดกี่ครั้งแล้วว่าตอนที่พี่กำลังคุยงานในห้องหนังสือ ให้เคาะประตูก่อนแล้วค่อยเข้ามา ไม่รู้จักกฏระเบียดเอาซะเลย แล้วยังดูไม่เหมือนสาวสังคมชั้นสูงสักนิด”
ลี่เวินฮั่นจับโต๊ะทำท่าทางออดอ้อน “โอ้ย รู้แล้วน่า รีบเอากุญแจรถมาให้ฉันเร็ว ๆ วันนี้ฉันนัดกับเพื่อนไปนั่งรถเล่น!”
ลี่อี้เฉินให้ท้ายน้องสาวผู้เย่อหยิ่งของเขามาโดยตลอด เขามองไปทางฉินซูเนียน ทำท่าพยักพเยิดแล้วพูดว่า “ให้เวินฮั่น”
ฉินซูเนียนหลบตาลง และพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณบอกไม่ใช่เหรอว่ารถคันนี้เป็นของฉัน?”
น้ำเสียงของเธอยังคงเบา และอ่อนโยนเช่นเคย แต่ลี่อี้เฉินกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ไม่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก
ลี่เวินฮั่นรู้สึกโกรธ เธอก้าวไปข้างหน้าและตรงเข้าไปผลักฉินซูเนียนอย่างแรง “อะไรของเธออะไรของฉัน บ้านหลังนี้เป็นของพี่ชายฉันทั้งหมด มันเกี่ยวอะไรกับเธอ? รีบเอากุญแจมา!”
แต่งงานเข้าตระกูลลี่หลายปีมานี้ ฉินซูเนียนฉินซูเนียนบอกได้ว่าได้ทำดีต่อน้องสามีคนนี้มาเป็นอย่างดี
ลี่เวินฮั่นชอบสร้างปัญหาเป็นประจำเวลาเกิดเรื่องเมื่อไหร่ก็กลายเป็นคนขี้กลัวได้แต่ร้องห่มร้องไห้โทรให้แม่จัดการให้
ตอนนั้นไปมีเรื่องกับคุณหนูห้า ของเซินอวี่ จนถูกผู้นำตระกูลเซินอวี่ คุณชายสามฟู่ถิงฉินจับไปไว้ที่หอคอยที่สูงของเมือง ถ้าไม่เป็นเพราะเธอไปทำข้อตกลงกับฟู่ถิงฉินตามลำพัง เกรงว่าลี่เวินฮั่นอาจจะถูกผลักตกหอคอยมาตั้งนานแล้ว และอาจกลายเป็นคนพิการไปแล้ว
น่าเสียดายความเอาใจใส่ของเธอ สุดท้ายกลับได้มาแค่คำว่า “นังขี้คุก” เท่านั้น
“ไม่ให้”
ฉินซูเนียนปฏิเสธคำขาด และมองไปยังลี่อี้เฉิน “รถคันนี้ฉันจะเอา! คุณชายลี่พูดคำไหนคำนั้น คงไม่ถึงขนาดว่าแค่รถคันเดียวก็ให้ไม่ได้กระมัง?”
เธอยังคงมีท่าทางนิ่ง แม้แต่เสียงของเธอก็นุ่มนวลไม่มีความก้าวร้าวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นลี่อี้เฉินกลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างกับฉินซูเนียนคนที่เคยถูกคนอื่นกลั่นแกล้งมาอย่างสิ้นเชิง
เขานิ่ง และพูดกับลี่เวินฮั่นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รถสปอร์ตที่บ้านสิบกว่าคัน เธอไปเลือกที่โรงรถของพี่เองไป”
แต่แล้วลี่เวินฮั่นก็เอาแต่ใจขึ้นมา เธอถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ยกเว้นตอนที่เธอทำให้ฟู่ถิงฉินไม่พอใจครั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าทำให้เธอโกรธ ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงตรงหน้าเธอที่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนเลย
เธอโกรธมากจนยกนิ้วชี้ไปที่ฉินซูเนียน “ฉันถามอีกครั้งหนึ่ง เธอจะให้หรือไม่ให้”
“ไม่…”
“ป้าบ!“
ฝ่ามือกวาดแรงลมมาปะทะหน้าด้านขวาของฉินซูเนียนอย่างแรง!
“อย่ามาหน้าด้านให้มันมากนัก กล้าดีอะไรมางัดข้อกับฉัน แม้แต่ถือรองเท้าให้ฉันยังไม่คู่ควรเลย!”
ดวงตาของลี่อี้เฉินเปลี่ยนไปแวบนึง จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ เขาพูดโดยไม่เจ็บปวด หรือรู้สึกระคายใด ๆ “ลี่เวินฮั่นระวังคำพูดของเธอด้วย”
ฉินซูเนียนเอามือกุมหน้าของเธอ แล้วมองไปยังลี่เวินฮั่น “ดูแล้วเธอนี่ขาดการอบรมสั่งสอนจริง ๆ...”
หลี่เหวินหานรู้สึกได้ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเชิดคางขึ้นเพื่อยั่วยุฉินซู่เหนียน
“แล้วจะทำไม…… ห่ะ ! ”
ฉินซูเนียนพลิกมือไปหยิบแจกันดอกไม้ข้างหน้าต่างที่มีดอกไม้ และน้ำเต็มขวด แล้วคว่ำใส่หัวของลี่เวินฮั่นทันที!
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะสอนเธอแทนพ่อแม่เธอเอง”
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น “กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?” เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
+++ เมื่อนางบำเรอที่คิดว่าเป็นของตายหายไป เขาจึงรู้ใจของตัวเอง +++ “จะกลับแล้วเหรอคะ” “พรุ่งนี้ผมมีนัดกับ น้องลียา แต่เช้าน่ะ ถ้าผมค้างคืนที่นี่ ผมอาจจะตื่นเช้าไม่ไหว” แววตาของเขายังคงมองหล่อนไม่วางตา “คุณก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าผมอยู่กับคุณ ผมไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ เอาเป็นว่า คืนพรุ่งนี้ผมจะมาหาคุณก็แล้วกันนะ ผมไปล่ะ” แล้วบุรุษรูปงามดั่งเทพเจ้าปั้นแต่งก็โน้มหน้ามาจูบแก้มนวลที่มีสีเลือดฝาดของหล่อนเบาๆ แต่ถึงแม้จะถูกสัมผัสเพียงแผ่วเบา แต่ไออุ่นจากปลายจมูกของเขาก็ทำให้หล่อนสะท้านไปทั้งหัวใจ ยิ่งอยู่ใกล้เขา หล่อนก็ยิ่งตกหลุมรักเขามากขึ้นทุกวันๆ “นอนพักนะ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะโทรหา” “ขับรถดีๆ นะคะ และถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกพิชาบ้างนะคะ พิชาจะได้รู้ว่าคุณถึงบ้านโดยปลอดภัยน่ะค่ะ” เขาระบายยิ้ม ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่มีผู้หญิงคนไหนห้ามใจไม่ให้ลุ่มหลงคุณหมอหนุ่มรูปงามอย่างพิริยะได้หรอก โดยเฉพาะหล่อน ที่หลงใหลเขาจนหัวปักหัวปำเลยทีเดียว “ถ้าผมไม่ลืมนะ” หล่อนหน้าเจื่อนลง ก่อนจะฝืนยิ้มตอบรับเขาออกไป “ถ้าลืมก็ไม่เป็นไรค่ะ” คำตอบของเขาตรงไปตรงมา ไม่เคยรักษาน้ำใจของหล่อนเลย แต่ก็อย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้นั่นแหละ เขาจะทำทุกอย่างตามความรู้สึก ดังนั้นถ้าหล่อนรับไม่ได้ก็เดินออกไปได้เลย เขาอนุญาต... แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมไปไหนเสียที... ยังคงอยู่เป็นนางบำเรอของเขา รอเสี้ยวเศษความใคร่จากเขาอย่างไร้ยางอาย
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!