/0/16856/coverbig.jpg?v=7128d9522334b63804773997cefbf6df)
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ในปีแรกของรัชสมัยลี่ชิง เมืองซีโจวประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง ทุ่งนาแห้งแล้ง ดินแตกร้าว ประชาชนไร้ซึ่งผลผลิตจนถึงขั้นต้องขายลูกชาย และลูกสาวกิน
ตระกูลฟางก็เช่นเดียวกัน
ขณะที่ฟางจิ่นซิ่วเพิ่งจะได้สติก็ถูกคนกระชากผมไปอย่างรุนแรง นางเจ็บจนลืมตาขึ้นมาทันที
“อย่ามาแกล้งตายหน่อยเลย แกล้งตายไปก็ไม่มีประโยชน์”
นางมองไปตามเสียง แล้วก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่กำลังจับผมนางอยู่มีใบหน้าที่ดุร้ายอำมหิต สวมชุดผ้าหยาบบ่งบอกถึงฐานะที่ยากจน
“ฟางจิ่นซิ่ว ตลอดเวลาหลายปีที่ข้าเลี้ยงดูเจ้ามา ข้าถือว่าใจดี และเมตตากับเจ้ามามากพอแล้ว คนอื่นเขาขายลูกสาวให้กับแม่เล้ากันไปหมดแล้ว แต่เรายังรู้จักผิดชอบชั่วดีก็เลยเลือกที่จะหาบ้านผัวให้เจ้าแทนอย่างไรเล่า”
“เจ้าจะมาหาว่าข้าใจร้ายไม่ได้ ครอบครัวของเรามีเฮียใหญ่ของเจ้าเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว หมอบอกว่าขาที่หักของเขาสามารถรักษาได้ ขอเพียงแค่เรารวบรวมเงินได้ห้าตำลึง”
“เจ้าเป็นแม่หญิงไม่ว่ายังไงก็ต้องแต่งานออกเรือนอยู่แล้ว ตอนนี้มีคนยอมจ่ายเงินห้าตำลึงเพื่อซื้อเจ้าไป เจ้าก็คิดซะว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณของพ่อเจ้า และข้าที่เลี้ยงดูเจ้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็แล้วกัน”
ฟางจิ่นซิ่วที่ถูกดึงหัวรู้สึกปวดหัวอยู่ครู่หนึ่ง ความทรงจำของเจ้าของเดิมค่อย ๆ ฉายภาพขึ้นมา ความจริงแล้วนางได้เดินทางทะลุมิติข้ามภพข้ามชาติไปยังสมัยโบราณโดยไม่รู้ว่าเป็นช่วงสมัยใด
นางกลายมาเป็นลูกสาวคนที่สามของตระกูลฟางที่มีชื่อเดียวกัน
นางมีเฮียใหญ่อยู่คนหนึ่งชื่อว่าฟางเจี้ยนเหริน ปีนี้อายุสิบเก้าปี เขาเป็นคนโปรดของพ่อแม่ และเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลฟาง
นอกจากนี้ยังมีพี่สาวคนที่สองชื่อฟางหมิงเซี่ย ซึ่งเป็นฝาแฝดกันกับนาง มีอายุสิบแปดปี แต่พวกนางที่อยู่ในวัยเดียวกันกลับมีชะตากรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ฟางหมิงเซี่ยเป็นคนปากหวาน นิสัยเจ้าของร่างเดิมเป็นคนซื่อ และเงียบ ดังนั้นเวลาอยู่ในบ้านฟางหมิงเซี่ยจึงจะได้รับความโปรดปรานมากกว่านาง
นอกจากนี้ยังมีน้องสาวคนเล็กชื่อฟางเสี่ยวเฉา อายุสิบสามปี เป็นคนที่เวลาอยู่ที่บ้านจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนกันกับนาง ซึ่งสาเหตุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นเพราะตอนที่ฟางเสี่ยวเฉาอยู่ในท้อง หมอดูบอกว่าเป็นลูกชายที่จะทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง
แต่ผลปรากฏว่าพอคลอดออกมาแล้วนางกลับเป็นหญิงสาวที่ขี้โรคร่างกายอ่อนแอเสียอย่างนั้น
หวังซิ่วเม่ยที่เป็นแม่ของเจ้าของร่างเดิม ต้องการที่จะขายนางให้กับครอบครัวนายพรานแซ่จงที่อยู่บนภูเขา เพื่อนำเงินมารักษาขาของลูกชาย
ได้ยินมาว่าตระกูลจงก็ยากจนข้นแค้นมากเช่นกัน แล้วก็มีแม่ขี้โรคที่ร่างกายอ่อนแออยู่คนหนึ่งด้วย จงยวี่ที่เป็นลูกชายคนโตสามารถล่าสัตว์ได้ แต่เขาเป็นคนดุร้าย มีสมญานามว่ายักษ์
คนในหมู่บ้านยังพูดกันอีกว่าจงยวี่ผู้นี้ใช้เงินซื้อภรรยามาจากตระกูลฟาง เพราะเขาหาภรรยาไม่ได้ คาดว่าคงจะไม่มีใครทนรับการทรมานของเขาไหว หากเข้าไปในตระกูลจง ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องตายเป็นแน่
เจ้าของร่างเดิมตกใจกลัว หนีไปกลางดึก แต่กลับถูกฟางต้าจู้ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ตามไป และใช้ไม้ตีอย่างแรงเพื่อจับตัวกลับมา
เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็กลับกลายเป็นคนที่มีชื่อแซ่เดียวกันเสียอย่างนั้น
ฟางจิ่นซิ่วรีบหาน้ำทิพย์จากภิภพที่นางบังเอิญได้มาก่อนจะข้ามภพมาที่นี่ เมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ นางก็รู้สึกโล่งใจ
นางไม่รู้ว่าจงยวี่เป็นยักษ์หรือไม่ นางรู้แค่ว่าคนที่ฆ่าเจ้าของร่างเดิมคือฟางต้าจู้พ่อผู้ให้กำเนิดของนาง
ไม้ค้อนนั้นส่งนางขึ้นสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว
หวังซิ่วเม่ยยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูนางไม่หยุด
ฟางต้าจู้จึงเดินเข้ามาดึงภรรยาของเขาไป แล้วบอกให้นางสงบสติอารมณ์ลง
ถึงยังไงตระกูลจงก็เป็นครอบครัวนายพราน ไม่แน่ต่อไปจิ่นซิ่วอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ได้ ถึงเวลานั้นครอบครัวของพวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะ เจ้าหยุดพูดก่อน”
เขาดึงฟางจิ่นซิ่วขึ้นมา และพูดว่า “จิ่นซิ่ว พ่อกับแม่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
“ยังไงจงยวี่ผู้นี้ก็รู้วิธีการล่าสัตว์ ยุคสมัยนี้ หากเจ้าไปอยู่บ้านเขาก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องตายอย่างที่คิดก็ได้”
“อย่าคิดที่จะหนีอีกเลย แล้วก็ห้ามหนีกลับบ้านมาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
“แต่ถ้าอนาคตมีชีวิตที่ดีขึ้น ปีใหม่เจ้าก็กลับมาเยี่ยมข้า และแม่ของเจ้าได้”
“การที่พวกเราเลี้ยงดูเจ้ามาจนเติบใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย เจ้าอย่าเนรคุณเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
ฟางจิ่นซิ่วแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ อย่าว่าแต่เจ้าของร่างเดิมโดนพ่อฆ่าตายเลย
ต่อให้จะไม่ตาย แต่เขาในฐานะพ่อกล้าที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองที่ถูกขายออกไปได้อย่างไร
ในเมื่อคิดที่จะขายนางทิ้งแล้ว ยังจะห้ามไม่ให้นางลืมบุญคุณด้วยอย่างนั้นน่ะหรือ?
ช่างน่าขบขันสิ้นดี ต่อให้เขาจะขอร้องอ้อนวอนนางอย่างไร นางก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นอันขาด
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!