เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน “คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม”
ในปีแรกของรัชสมัยลี่ชิง เมืองซีโจวประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง ทุ่งนาแห้งแล้ง ดินแตกร้าว ประชาชนไร้ซึ่งผลผลิตจนถึงขั้นต้องขายลูกชาย และลูกสาวกิน
ตระกูลฟางก็เช่นเดียวกัน
ขณะที่ฟางจิ่นซิ่วเพิ่งจะได้สติก็ถูกคนกระชากผมไปอย่างรุนแรง นางเจ็บจนลืมตาขึ้นมาทันที
“อย่ามาแกล้งตายหน่อยเลย แกล้งตายไปก็ไม่มีประโยชน์”
นางมองไปตามเสียง แล้วก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่กำลังจับผมนางอยู่มีใบหน้าที่ดุร้ายอำมหิต สวมชุดผ้าหยาบบ่งบอกถึงฐานะที่ยากจน
“ฟางจิ่นซิ่ว ตลอดเวลาหลายปีที่ข้าเลี้ยงดูเจ้ามา ข้าถือว่าใจดี และเมตตากับเจ้ามามากพอแล้ว คนอื่นเขาขายลูกสาวให้กับแม่เล้ากันไปหมดแล้ว แต่เรายังรู้จักผิดชอบชั่วดีก็เลยเลือกที่จะหาบ้านผัวให้เจ้าแทนอย่างไรเล่า”
“เจ้าจะมาหาว่าข้าใจร้ายไม่ได้ ครอบครัวของเรามีเฮียใหญ่ของเจ้าเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว หมอบอกว่าขาที่หักของเขาสามารถรักษาได้ ขอเพียงแค่เรารวบรวมเงินได้ห้าตำลึง”
“เจ้าเป็นแม่หญิงไม่ว่ายังไงก็ต้องแต่งานออกเรือนอยู่แล้ว ตอนนี้มีคนยอมจ่ายเงินห้าตำลึงเพื่อซื้อเจ้าไป เจ้าก็คิดซะว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณของพ่อเจ้า และข้าที่เลี้ยงดูเจ้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็แล้วกัน”
ฟางจิ่นซิ่วที่ถูกดึงหัวรู้สึกปวดหัวอยู่ครู่หนึ่ง ความทรงจำของเจ้าของเดิมค่อย ๆ ฉายภาพขึ้นมา ความจริงแล้วนางได้เดินทางทะลุมิติข้ามภพข้ามชาติไปยังสมัยโบราณโดยไม่รู้ว่าเป็นช่วงสมัยใด
นางกลายมาเป็นลูกสาวคนที่สามของตระกูลฟางที่มีชื่อเดียวกัน
นางมีเฮียใหญ่อยู่คนหนึ่งชื่อว่าฟางเจี้ยนเหริน ปีนี้อายุสิบเก้าปี เขาเป็นคนโปรดของพ่อแม่ และเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลฟาง
นอกจากนี้ยังมีพี่สาวคนที่สองชื่อฟางหมิงเซี่ย ซึ่งเป็นฝาแฝดกันกับนาง มีอายุสิบแปดปี แต่พวกนางที่อยู่ในวัยเดียวกันกลับมีชะตากรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ฟางหมิงเซี่ยเป็นคนปากหวาน นิสัยเจ้าของร่างเดิมเป็นคนซื่อ และเงียบ ดังนั้นเวลาอยู่ในบ้านฟางหมิงเซี่ยจึงจะได้รับความโปรดปรานมากกว่านาง
นอกจากนี้ยังมีน้องสาวคนเล็กชื่อฟางเสี่ยวเฉา อายุสิบสามปี เป็นคนที่เวลาอยู่ที่บ้านจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนกันกับนาง ซึ่งสาเหตุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นเพราะตอนที่ฟางเสี่ยวเฉาอยู่ในท้อง หมอดูบอกว่าเป็นลูกชายที่จะทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง
แต่ผลปรากฏว่าพอคลอดออกมาแล้วนางกลับเป็นหญิงสาวที่ขี้โรคร่างกายอ่อนแอเสียอย่างนั้น
หวังซิ่วเม่ยที่เป็นแม่ของเจ้าของร่างเดิม ต้องการที่จะขายนางให้กับครอบครัวนายพรานแซ่จงที่อยู่บนภูเขา เพื่อนำเงินมารักษาขาของลูกชาย
ได้ยินมาว่าตระกูลจงก็ยากจนข้นแค้นมากเช่นกัน แล้วก็มีแม่ขี้โรคที่ร่างกายอ่อนแออยู่คนหนึ่งด้วย จงยวี่ที่เป็นลูกชายคนโตสามารถล่าสัตว์ได้ แต่เขาเป็นคนดุร้าย มีสมญานามว่ายักษ์
คนในหมู่บ้านยังพูดกันอีกว่าจงยวี่ผู้นี้ใช้เงินซื้อภรรยามาจากตระกูลฟาง เพราะเขาหาภรรยาไม่ได้ คาดว่าคงจะไม่มีใครทนรับการทรมานของเขาไหว หากเข้าไปในตระกูลจง ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องตายเป็นแน่
เจ้าของร่างเดิมตกใจกลัว หนีไปกลางดึก แต่กลับถูกฟางต้าจู้ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ตามไป และใช้ไม้ตีอย่างแรงเพื่อจับตัวกลับมา
เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็กลับกลายเป็นคนที่มีชื่อแซ่เดียวกันเสียอย่างนั้น
ฟางจิ่นซิ่วรีบหาน้ำทิพย์จากภิภพที่นางบังเอิญได้มาก่อนจะข้ามภพมาที่นี่ เมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ นางก็รู้สึกโล่งใจ
นางไม่รู้ว่าจงยวี่เป็นยักษ์หรือไม่ นางรู้แค่ว่าคนที่ฆ่าเจ้าของร่างเดิมคือฟางต้าจู้พ่อผู้ให้กำเนิดของนาง
ไม้ค้อนนั้นส่งนางขึ้นสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว
หวังซิ่วเม่ยยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูนางไม่หยุด
ฟางต้าจู้จึงเดินเข้ามาดึงภรรยาของเขาไป แล้วบอกให้นางสงบสติอารมณ์ลง
ถึงยังไงตระกูลจงก็เป็นครอบครัวนายพราน ไม่แน่ต่อไปจิ่นซิ่วอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ได้ ถึงเวลานั้นครอบครัวของพวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะ เจ้าหยุดพูดก่อน”
เขาดึงฟางจิ่นซิ่วขึ้นมา และพูดว่า “จิ่นซิ่ว พ่อกับแม่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
“ยังไงจงยวี่ผู้นี้ก็รู้วิธีการล่าสัตว์ ยุคสมัยนี้ หากเจ้าไปอยู่บ้านเขาก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องตายอย่างที่คิดก็ได้”
“อย่าคิดที่จะหนีอีกเลย แล้วก็ห้ามหนีกลับบ้านมาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
“แต่ถ้าอนาคตมีชีวิตที่ดีขึ้น ปีใหม่เจ้าก็กลับมาเยี่ยมข้า และแม่ของเจ้าได้”
“การที่พวกเราเลี้ยงดูเจ้ามาจนเติบใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย เจ้าอย่าเนรคุณเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
ฟางจิ่นซิ่วแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ อย่าว่าแต่เจ้าของร่างเดิมโดนพ่อฆ่าตายเลย
ต่อให้จะไม่ตาย แต่เขาในฐานะพ่อกล้าที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองที่ถูกขายออกไปได้อย่างไร
ในเมื่อคิดที่จะขายนางทิ้งแล้ว ยังจะห้ามไม่ให้นางลืมบุญคุณด้วยอย่างนั้นน่ะหรือ?
ช่างน่าขบขันสิ้นดี ต่อให้เขาจะขอร้องอ้อนวอนนางอย่างไร นางก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นอันขาด
(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
เอมอรเป็นสาวออฟฟิศวัย22ปีที่อับโชค เธอโดนแฟนทิ้งแถมยังโดนบริษัทจ้างออก พอกลับมาอยู่บ้านของแม่ดันพลาดไปมีเซ็กส์กับพี่เขย จึงกลายเป็นชู้กับสามีสุดหล่อของพี่สาวไปโดยปริยาย พรรคหลังมานี้สามีใหม่ของแม่เกิดรู้เห็นเรื่องฉาว เธอจึงจำยอมให้พ่อเลี้ยงหลับนอนด้วยเพื่อเป็นค่าปิดปาก อยู่ๆไปเกิดท้องขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าใครคือพ่อเด็ก ระหว่างพ่อเลี้ยงกับพี่เขย
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ชาติภพก่อนนางต้องสูญเสียลูกและสามีเพราะคนร้ายกราดยิงในห้าง จนนางเลือกจบชีวิตโดยการฆ่าตัวตายตาม พอเกิดชาติใหม่ก็มาอาศัยร่างที่ใบหน้าเหมือนตัวเองแถมมีลูกสาวที่หน้าเหมือนลูกสาวภพก่อนแต่กลับถูกสามีทิ้งให้มาอยู่ลำพังบนเขาจนอดข้าวตาย นางที่ได้มาอาศัยร้าง สัญญาว่าจะดูแลบุตรสาวคนนี้ให้ดีที่สุด และหวังว่าจะเจอสามีนางในภพเช่นกัน หญิงหม้ายเช่นนางจะดูแลบุตรสาวด้วยตัวเอง... "ท่านแม่กอดเอวของท่านพ่อเอาไว้แบบนี้ห้ามปล่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านแม่กอดเอวท่านพ่อก็จะได้กอดถิงถิงไปด้วย" เสียงเล็กของสาวน้อยที่นั่งตรงกลางระหว่างเจินเป่าและเหนียงไป๋กล่าวบอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เหนียงไป๋จึงไม่มีทางเลือกต้องพยักหน้ารับและทำตามที่บุตรสาวบอกแต่โดยดี ******************* นิยายสนุก น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ดีต่อสุขภาพ แวะมาอ่านกันเยอะๆ นะคะ
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************