นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสุขนิยม ปมไม่ซับซ้อน อ่านฟิน ๆ นะคะ โฉมงามของอ๋องอสูร นางตายเพราะโรคมะเร็งและได้เข้าไปอยู่ในร่างขององค์หญิงผู้หนึ่ง และไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกเป็นพระชายาของอ๋องผู้ที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจและยังมีอนาคอนดายักษ์เป็นอาวุธที่แสนน่ากลัว ชินอ๋องโหย่วเฉา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบปีศาจแห่งต้าถัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า พระชายาที่มีนิสัยขี้กลัว ทว่ากลับดื้อเงียบคนนี้จะทำให้เขาถึงกับหัวใจปั่นป่วน ทั้ง ๆ ที่เขาเคยคิดว่า ชาตินี้จะไม่รักใครอีกแล้วก็ตาม! กราบขอบพระคุณค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
กึก กึก กึก
อะไร เกิดอะไรขึ้น ขะ ข้า.... กำลังทำอะไร...อ๊ะ...เจ็บ...แสบ....
“กรี๊ด!”
ในตอนที่เสิ่นหรันหรันฟื้นขึ้นมาก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อพบว่าบัดนี้ตนเองถูกบุรุษผู้หนึ่งย่ำยีอยู่บนพื้นแม้ว่าจะเป็นเวลากลางวันที่แสงสว่างจ้าจนทำให้รู้สึกแสบตา
และเสียงของเสิ่นหรันหรันก็ทำให้คนที่กำลังย่ำยีร่างขาวผ่องอยู่นั้นถึงกับหยุดชะงัก เขาจ้องมองนางเขม็งมือใหญ่ยังวางอยู่บนสะโพกขาวเนียนก่อนที่จะตีลงมาอย่างแรงพร้อมกับกระชากเสียง
“สำออยอันใดอีก”
จากนั้นเขาก็โน้มกายลงมากดบ่าของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับขยับสะโพกรัวเร็วก่อนจะฉีดพ่นบางสิ่งบางอย่างที่อุ่นร้อนเข้ามาภายในร่างกายเล็กพร้อมกับเสียงครางอย่างสุขสม
ในขณะที่นางกำลังตกตะลึงร่างสูงก็ขยับออกห่าง เขาจ้องมองหญิงสาวที่อยู่บนพื้นที่ปูด้วยฟางด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตกำลังคลอด้วยหยาดน้ำตา
ผิวขาวราวหิมะของนางบัดนี้ถูกเขาขบกัดจนเกิดร่องรอยทั่วทั้งตัว ริมฝีปากบางเล็กอ้าปากคล้ายกำลังเสียขวัญทว่าท่าทางนี้กลับยิ่งขับเน้นให้นางดูงดงามและน่า...เอาอีกครั้ง
“ยั่วข้าหรือ หึ คิดว่าข้าจะบังเกิดความต้องการอีกหรือ”
เสิ่นหรันหรันกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่ใช่ความฝันหรือความจริง ทว่าอาการเจ็บแสบที่กึ่งกลางร่างกายอย่างรุนแรงก็ทำให้นางรู้แล้วว่าไม่ใช่ความฝัน
หญิงสาวจ้องมองเขาพร้อมกับเอ่ยว่า
“คะ คุณคือใครคะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ร่างทั้งร่างของเสิ่นหรันหรันสั่นระริก สองมือเรียวยกขึ้นมาปกปิดหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาคู่งามมองมาที่เขาคล้ายอ้อนวอนคล้ายออดอ้อน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้ช่างฉ่ำหวานราวกับจะมีหยดน้ำผึ้งไหลรินออกมา
เขาตะคอกเสียงดัง
“พูดบ้าอะไรของเจ้า”
หญิงสาวยังจ้องมองเขา ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามิใช่คนขี้ริ้ว เขายังใบหน้าสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่หญิงสาวเคยเห็น ผิวของเขาค่อนข้างขาว คิ้วเป็นรูปกระบี่ดวงตาคมเข้ม รูปหน้าได้สัดส่วนไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ล้วนชวนมองทั้งหมด
ทว่าดวงตาคู่นี้ของเขากลับดำมืดและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขาเหมือนพญามัจจุราชที่รูปโฉมงดงามแต่แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายอันตราย
ชายหนุ่มที่คิดว่าตนเองอิ่มแล้วกับร่างกายนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เมื่อแท่งหยกของเขาแข็งชันจนตั้งแข็งขึ้นมาอีกครั้ง คงเพราะหญิงสาวนางนี้เป็นหญิงงามล่มเมือง เขาซึ่งเป็นบุรุษเต็มตัวจึงอดทนไม่ไหวสินะ
เสิ่นหรันหรันเพ่งมองใบหน้าเขา จากนั้นจึงค่อย ๆ มองต่ำลงมาเรื่อย ๆ นอกจากมัดกล้ามอันงดงามเหมือนใครบรรจงปั้นเขาให้ยิ่งสมบูรณ์แบบลงตัว
ของแข็งที่ติดร่างกายของกำลังแข็งชัน สิ่งนั้นน่ากลัวจนทำให้เสิ่นหรันหรันร่างกายแข็งค้างด้วยความตกใจ หญิงสาวหวีดร้องออกมาก่อนจะเบิกตากว้างมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณ...ทำอะไรฉัน”
“หึ แสร้งโง่หรือ”
คนผู้นั้นส่งเสียงในลำคอคล้ายสบถ จากนั้นก็กระชากร่างบางเข้าไปในอ้อมแขนอีกคราพร้อมกับปิดปากเล็กนุ่มนิ่มที่อ้าค้างด้วยริมฝีปากหนา
เสิ่นหรันหรันส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ พยายามผลักไสบุรุษร่างกำยำสุดความสามารถทว่ายิ่งผลักก็รู้สึกว่าเขาเหมือนกำแพงหนาที่ทำอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อน
เธอกรีดร้องคิดขอความช่วยเหลือ เขาส่งเสียงด้วยความรำคาญจากนั้นจึงบีบปากเล็กแล้วดึงลิ้นเล็กออกมาจากปากส่งเสียงดุดันข่มขู่
“หากส่งเสียงทำให้ข้ารำคาญอีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งเสีย”
เสิ่นหรันหรันเห็นสายตาคู่นั้นแล้ว เขาไม่ได้พูดล้อเล่นแม้แต่น้อย ร่างกายเล็กสั่นเหมือนคนเป็นไข้ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากคำใดอีก
“ดีมาก แบบนี้แหละ รู้จักกลัวตายเสียบ้าง”
มือของเขานั้นหยาบกระด้างในยามที่สัมผัสร่างกายเนียนนุ่มก็ให้รู้สึกถึงความเหมือนจะเป็นบ้าด้วยความหลงใหล เขาลูบไล้เสิ่นหรันหรันไปทั่วร่าง ปากเปล่งเสียงคราง ดวงตาหื่นกระหาย
เสิ่นหรันหรันหลับตาแน่น คิดในใจว่านี่เป็นเพียงความฝันอันโหดร้าย
เมื่อเสิ่นหรันหรันสงบลงเขาก็เริ่มลูบไล้ร่างกายขาวผ่องอีกครา
เสิ่นหรันหรันถูกรุกรานด้วยลิ้นหนาที่ถาโถมเข้ามาลูบไล้ลิ้นเรียวเล็กนุ่มนิ่มของตนเอง ยังถูกเขากกกอดและยังถูกจับอ้าขา บางสิ่งบางอย่างทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายเล็กครั้งแล้วครั้งเล่าจนความเจ็บปวดกลายเป็นอาการชาไปแล้ว
น้ำตาของเสิ่นหรันหรันไหลออกมาไม่หยุดราวกับเขื่อนที่ทำนบพัง คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าของเขา ไหลลงไปถึงลำคอกระนั้นก็ไม่อาจทำให้คนผู้นั้นหยุดได้
เขายอมรับว่าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่เคยถูกสตรีใดยั่วยวนได้เช่นนางผู้นี้
เพียงเขากกกอดสัมผัสกับผิวเนียนละเอียดของนาง ลมหายใจของเขาก็จะร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยเสียงต่ำอย่างน่ากลัว
“เจ้าต้องการข้าก็จะจัดให้”
เธอหรือที่ต้องการ นี่มันเป็นการข่มขืนชัด ๆ เขากำลังข่มขืนเธอ หญิงสาวได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ร่างด้วยไม่อาจขัดขืน
เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าเขาจะหยุดมือ เธอได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ๆ เขายังไม่ขยับจากการทาบทับ ทว่าจ้องมองหญิงสาวที่เหมือนจะหวาดกลัวจนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว
นางแน่นิ่งเป็นท่อนไม้ ร่างกายของเสิ่นหรันหรันเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก หญิงสาวร้องออกมาคำหนึ่ง
“เจ็บ”
เธอยกมือจับหน้าอก รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังฉีกขาด ทว่าผู้ชายคนนั้นกลับไม่รู้ว่าเธอกำลังเป็นอะไร
เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา น้ำเสียงนั้นช่างเย็นและน่าหวาดกลัวนัก
“เจ้าคงรู้ดีว่าจะยั่วข้าอย่างไร ข้าก็แค่หลงใหลร่างกายเนียนนุ่มนี้ของเจ้าเท่านั้นแลกกับสิ่งที่เจ้าต้องการ คนที่เสียเปรียบนับว่าเป็นข้าเช่นนั้นข้าจะตักตวงให้คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป”
จู่ ๆ เสิ่นหรันหรันก็ไอแล้วพ่นบางสิ่งบางอย่างออกจากปาก
สมองของเธอมึนงงแล้ว ในตอนนั้นได้ยินเสียงตื่นตระหนกของผู้ชายคนนั้นดังขึ้น
“เลือด ไยเจ้ากระอักเลือดเช่นนี้!”
เสิ่นหรันหรันหมดสติไปนานเท่าใดไม่รู้แต่ในตอนที่รู้สึกตัวเธอก็ไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดเปลือกตา
เหมือนว่าเสิ่นหรันหรันจะเป็นไข้อาการหนักปางตาย นอกจากเจ็บไปทั้งตัวแล้วลำคอยังแห้งผากไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว หญิงสาวคิดว่าความทรมานนี้หรือว่าเธอกำลังตกนรกชดใช้กรรม
แต่จะชดใช้กรรมอะไร ในเมื่อก่อนตายเธอก็เป็นแค่คนป่วยคนหนึ่งไม่เคยแม้แต่จะฆ่ามดสักตัวด้วยซ้ำ
หรือว่าพระเจ้าส่งเธอมาผิดที่แทนที่จะถูกส่งไปสวรรค์แต่กลับถูกส่งมาที่นรก
จะเป็นไปได้หรือ ในเมื่อเธอสวดอ้อนวอนพระเจ้าและเป็นคนดีมาตลอดชีวิตของเธอ
เป็นเพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะเปล่งเสียงออกมาจึงได้แต่นอนนิ่ง ๆ กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น
เหมือนคนสองคนจะเดินเข้ามา เสิ่นหรันหรันอยากจะลืมตาแต่กลับไม่สามารถเปิดเปลือกตาของตนเองได้
แต่เธอยังได้ยินเสียงของคนคุยกันอย่างชัดเจน แขนของเธอถูกนิ้วสากของใครคนหนึ่งจับเอาไว้ เขาวางมือบนท่อนแขนชั่วครู่ก่อนจะวางมือของเธอลงดังเดิม
เธอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยว่า
“ชีพจรคงที่ ไม่มีอาการอาเจียนแล้วแต่ยังวางใจไม่ได้”
เขาถอนหายใจยาวคล้ายโล่งอกแล้วเอ่ยต่อ
“นางโดนวางยาพิษรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้”
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยว่า
“เป็นข้าที่ผิดเองไม่ทันสังเกต ทั้ง ๆ ที่กกกอดนางเอาไว้แท้ ๆ แต่กลับไม่รู้สิ่งใดเลย โชคดีที่ให้กินยาถอนพิษได้ทัน”
“ร่างกายของนางอ่อนแอนัก นางไม่น่าจะมีชีวิตรอดมาได้เลยด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่ง แต่หลังจากนี้ไปนางคงปลอดภัยแล้ว นี่ก็สามวันมาแล้วที่นางหมดสติไปเช่นนั้น”
“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สตรีนางนี้ช่างดวงแข็งนักทั้ง ๆ ที่ร่างกายบอบบางเช่นนั้น คงไม่ถึงคราตายของนางสินะจึงรอดมาได้ ดวงแข็งเหลือเกินนะองค์หญิง”
เสียงของคนสองคนที่พูดคุยกันค่อย ๆ ไกลออกไปทุกที ในที่สุดหญิงสาวก็หลับไปอีกครั้งโดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
หลายวันต่อมาอาการของเสิ่นหรันหรันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อเสิ่นหรันหรันพอมีแรงลุกขึ้นได้แล้ว จึงลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบ ๆ
ห้องแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บฟืนมากกว่าห้องปกติทั่วไป เพราะนอกจากบริเวณกองฟางที่นางนอนอยู่ยังพบเห็นกองฟืนกองโตที่วางระเกะระกะอยู่ภายใน
ดวงตาคู่งามเพ่งมองไปยังประตูเล็ก ตรงนั้นมีโคมไฟที่ถูกจุดสว่างแขวนอยู่และยังเป็นโคมสีแดงที่ค่อนข้างใหม่เอี่ยม
เสิ่นหรันหรันมองไปที่พื้นพบว่ามีอาภรณ์สีแดงแขวนไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ชุดสีแดงที่ปักลวดลายหงส์ด้วยด้ายดิ้นทอง เสิ่นหรันหรันยกมือทาบอกเมื่อรู้สึกคุ้นตากับชุดนี้เหลือเกิน
หญิงสาวเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
อ๊ะ...ในทีวี นั่นไม่ใช่ชุดเจ้าสาวหรอกหรือ....นะ...นี่มันเรื่องอะไรกัน
เสิ่นหรันหรันพยายามคิดถึงเรื่องราวของตนเองและต้องตกใจแทบสิ้นสติเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ภาพสุดท้ายที่เสิ่นหรันหรันจดจำได้ก่อนที่จะหลับไปก็คือ
ห้องฆ่าเชื้อสีขาวสะอาดในโรงพยาบาลและใบหน้าของคุณป้าที่จับมือเธอเอาไว้พร้อมกับบอกลา
“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะหรันหรันของป้า ชาติหน้าอย่าได้ทุกข์ทรมานเพราะป่วยแบบนี้อีกเลย”
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ