นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสุขนิยม ปมไม่ซับซ้อน อ่านฟิน ๆ นะคะ โฉมงามของอ๋องอสูร นางตายเพราะโรคมะเร็งและได้เข้าไปอยู่ในร่างขององค์หญิงผู้หนึ่ง และไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกเป็นพระชายาของอ๋องผู้ที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจและยังมีอนาคอนดายักษ์เป็นอาวุธที่แสนน่ากลัว ชินอ๋องโหย่วเฉา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบปีศาจแห่งต้าถัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า พระชายาที่มีนิสัยขี้กลัว ทว่ากลับดื้อเงียบคนนี้จะทำให้เขาถึงกับหัวใจปั่นป่วน ทั้ง ๆ ที่เขาเคยคิดว่า ชาตินี้จะไม่รักใครอีกแล้วก็ตาม! กราบขอบพระคุณค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
กึก กึก กึก
อะไร เกิดอะไรขึ้น ขะ ข้า.... กำลังทำอะไร...อ๊ะ...เจ็บ...แสบ....
“กรี๊ด!”
ในตอนที่เสิ่นหรันหรันฟื้นขึ้นมาก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อพบว่าบัดนี้ตนเองถูกบุรุษผู้หนึ่งย่ำยีอยู่บนพื้นแม้ว่าจะเป็นเวลากลางวันที่แสงสว่างจ้าจนทำให้รู้สึกแสบตา
และเสียงของเสิ่นหรันหรันก็ทำให้คนที่กำลังย่ำยีร่างขาวผ่องอยู่นั้นถึงกับหยุดชะงัก เขาจ้องมองนางเขม็งมือใหญ่ยังวางอยู่บนสะโพกขาวเนียนก่อนที่จะตีลงมาอย่างแรงพร้อมกับกระชากเสียง
“สำออยอันใดอีก”
จากนั้นเขาก็โน้มกายลงมากดบ่าของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับขยับสะโพกรัวเร็วก่อนจะฉีดพ่นบางสิ่งบางอย่างที่อุ่นร้อนเข้ามาภายในร่างกายเล็กพร้อมกับเสียงครางอย่างสุขสม
ในขณะที่นางกำลังตกตะลึงร่างสูงก็ขยับออกห่าง เขาจ้องมองหญิงสาวที่อยู่บนพื้นที่ปูด้วยฟางด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตกำลังคลอด้วยหยาดน้ำตา
ผิวขาวราวหิมะของนางบัดนี้ถูกเขาขบกัดจนเกิดร่องรอยทั่วทั้งตัว ริมฝีปากบางเล็กอ้าปากคล้ายกำลังเสียขวัญทว่าท่าทางนี้กลับยิ่งขับเน้นให้นางดูงดงามและน่า...เอาอีกครั้ง
“ยั่วข้าหรือ หึ คิดว่าข้าจะบังเกิดความต้องการอีกหรือ”
เสิ่นหรันหรันกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่ใช่ความฝันหรือความจริง ทว่าอาการเจ็บแสบที่กึ่งกลางร่างกายอย่างรุนแรงก็ทำให้นางรู้แล้วว่าไม่ใช่ความฝัน
หญิงสาวจ้องมองเขาพร้อมกับเอ่ยว่า
“คะ คุณคือใครคะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ร่างทั้งร่างของเสิ่นหรันหรันสั่นระริก สองมือเรียวยกขึ้นมาปกปิดหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาคู่งามมองมาที่เขาคล้ายอ้อนวอนคล้ายออดอ้อน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้ช่างฉ่ำหวานราวกับจะมีหยดน้ำผึ้งไหลรินออกมา
เขาตะคอกเสียงดัง
“พูดบ้าอะไรของเจ้า”
หญิงสาวยังจ้องมองเขา ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามิใช่คนขี้ริ้ว เขายังใบหน้าสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่หญิงสาวเคยเห็น ผิวของเขาค่อนข้างขาว คิ้วเป็นรูปกระบี่ดวงตาคมเข้ม รูปหน้าได้สัดส่วนไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ล้วนชวนมองทั้งหมด
ทว่าดวงตาคู่นี้ของเขากลับดำมืดและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขาเหมือนพญามัจจุราชที่รูปโฉมงดงามแต่แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายอันตราย
ชายหนุ่มที่คิดว่าตนเองอิ่มแล้วกับร่างกายนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เมื่อแท่งหยกของเขาแข็งชันจนตั้งแข็งขึ้นมาอีกครั้ง คงเพราะหญิงสาวนางนี้เป็นหญิงงามล่มเมือง เขาซึ่งเป็นบุรุษเต็มตัวจึงอดทนไม่ไหวสินะ
เสิ่นหรันหรันเพ่งมองใบหน้าเขา จากนั้นจึงค่อย ๆ มองต่ำลงมาเรื่อย ๆ นอกจากมัดกล้ามอันงดงามเหมือนใครบรรจงปั้นเขาให้ยิ่งสมบูรณ์แบบลงตัว
ของแข็งที่ติดร่างกายของกำลังแข็งชัน สิ่งนั้นน่ากลัวจนทำให้เสิ่นหรันหรันร่างกายแข็งค้างด้วยความตกใจ หญิงสาวหวีดร้องออกมาก่อนจะเบิกตากว้างมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณ...ทำอะไรฉัน”
“หึ แสร้งโง่หรือ”
คนผู้นั้นส่งเสียงในลำคอคล้ายสบถ จากนั้นก็กระชากร่างบางเข้าไปในอ้อมแขนอีกคราพร้อมกับปิดปากเล็กนุ่มนิ่มที่อ้าค้างด้วยริมฝีปากหนา
เสิ่นหรันหรันส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ พยายามผลักไสบุรุษร่างกำยำสุดความสามารถทว่ายิ่งผลักก็รู้สึกว่าเขาเหมือนกำแพงหนาที่ทำอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อน
เธอกรีดร้องคิดขอความช่วยเหลือ เขาส่งเสียงด้วยความรำคาญจากนั้นจึงบีบปากเล็กแล้วดึงลิ้นเล็กออกมาจากปากส่งเสียงดุดันข่มขู่
“หากส่งเสียงทำให้ข้ารำคาญอีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งเสีย”
เสิ่นหรันหรันเห็นสายตาคู่นั้นแล้ว เขาไม่ได้พูดล้อเล่นแม้แต่น้อย ร่างกายเล็กสั่นเหมือนคนเป็นไข้ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากคำใดอีก
“ดีมาก แบบนี้แหละ รู้จักกลัวตายเสียบ้าง”
มือของเขานั้นหยาบกระด้างในยามที่สัมผัสร่างกายเนียนนุ่มก็ให้รู้สึกถึงความเหมือนจะเป็นบ้าด้วยความหลงใหล เขาลูบไล้เสิ่นหรันหรันไปทั่วร่าง ปากเปล่งเสียงคราง ดวงตาหื่นกระหาย
เสิ่นหรันหรันหลับตาแน่น คิดในใจว่านี่เป็นเพียงความฝันอันโหดร้าย
เมื่อเสิ่นหรันหรันสงบลงเขาก็เริ่มลูบไล้ร่างกายขาวผ่องอีกครา
เสิ่นหรันหรันถูกรุกรานด้วยลิ้นหนาที่ถาโถมเข้ามาลูบไล้ลิ้นเรียวเล็กนุ่มนิ่มของตนเอง ยังถูกเขากกกอดและยังถูกจับอ้าขา บางสิ่งบางอย่างทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายเล็กครั้งแล้วครั้งเล่าจนความเจ็บปวดกลายเป็นอาการชาไปแล้ว
น้ำตาของเสิ่นหรันหรันไหลออกมาไม่หยุดราวกับเขื่อนที่ทำนบพัง คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าของเขา ไหลลงไปถึงลำคอกระนั้นก็ไม่อาจทำให้คนผู้นั้นหยุดได้
เขายอมรับว่าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่เคยถูกสตรีใดยั่วยวนได้เช่นนางผู้นี้
เพียงเขากกกอดสัมผัสกับผิวเนียนละเอียดของนาง ลมหายใจของเขาก็จะร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยเสียงต่ำอย่างน่ากลัว
“เจ้าต้องการข้าก็จะจัดให้”
เธอหรือที่ต้องการ นี่มันเป็นการข่มขืนชัด ๆ เขากำลังข่มขืนเธอ หญิงสาวได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ร่างด้วยไม่อาจขัดขืน
เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าเขาจะหยุดมือ เธอได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ๆ เขายังไม่ขยับจากการทาบทับ ทว่าจ้องมองหญิงสาวที่เหมือนจะหวาดกลัวจนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว
นางแน่นิ่งเป็นท่อนไม้ ร่างกายของเสิ่นหรันหรันเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก หญิงสาวร้องออกมาคำหนึ่ง
“เจ็บ”
เธอยกมือจับหน้าอก รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังฉีกขาด ทว่าผู้ชายคนนั้นกลับไม่รู้ว่าเธอกำลังเป็นอะไร
เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา น้ำเสียงนั้นช่างเย็นและน่าหวาดกลัวนัก
“เจ้าคงรู้ดีว่าจะยั่วข้าอย่างไร ข้าก็แค่หลงใหลร่างกายเนียนนุ่มนี้ของเจ้าเท่านั้นแลกกับสิ่งที่เจ้าต้องการ คนที่เสียเปรียบนับว่าเป็นข้าเช่นนั้นข้าจะตักตวงให้คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป”
จู่ ๆ เสิ่นหรันหรันก็ไอแล้วพ่นบางสิ่งบางอย่างออกจากปาก
สมองของเธอมึนงงแล้ว ในตอนนั้นได้ยินเสียงตื่นตระหนกของผู้ชายคนนั้นดังขึ้น
“เลือด ไยเจ้ากระอักเลือดเช่นนี้!”
เสิ่นหรันหรันหมดสติไปนานเท่าใดไม่รู้แต่ในตอนที่รู้สึกตัวเธอก็ไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดเปลือกตา
เหมือนว่าเสิ่นหรันหรันจะเป็นไข้อาการหนักปางตาย นอกจากเจ็บไปทั้งตัวแล้วลำคอยังแห้งผากไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว หญิงสาวคิดว่าความทรมานนี้หรือว่าเธอกำลังตกนรกชดใช้กรรม
แต่จะชดใช้กรรมอะไร ในเมื่อก่อนตายเธอก็เป็นแค่คนป่วยคนหนึ่งไม่เคยแม้แต่จะฆ่ามดสักตัวด้วยซ้ำ
หรือว่าพระเจ้าส่งเธอมาผิดที่แทนที่จะถูกส่งไปสวรรค์แต่กลับถูกส่งมาที่นรก
จะเป็นไปได้หรือ ในเมื่อเธอสวดอ้อนวอนพระเจ้าและเป็นคนดีมาตลอดชีวิตของเธอ
เป็นเพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะเปล่งเสียงออกมาจึงได้แต่นอนนิ่ง ๆ กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น
เหมือนคนสองคนจะเดินเข้ามา เสิ่นหรันหรันอยากจะลืมตาแต่กลับไม่สามารถเปิดเปลือกตาของตนเองได้
แต่เธอยังได้ยินเสียงของคนคุยกันอย่างชัดเจน แขนของเธอถูกนิ้วสากของใครคนหนึ่งจับเอาไว้ เขาวางมือบนท่อนแขนชั่วครู่ก่อนจะวางมือของเธอลงดังเดิม
เธอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยว่า
“ชีพจรคงที่ ไม่มีอาการอาเจียนแล้วแต่ยังวางใจไม่ได้”
เขาถอนหายใจยาวคล้ายโล่งอกแล้วเอ่ยต่อ
“นางโดนวางยาพิษรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้”
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยว่า
“เป็นข้าที่ผิดเองไม่ทันสังเกต ทั้ง ๆ ที่กกกอดนางเอาไว้แท้ ๆ แต่กลับไม่รู้สิ่งใดเลย โชคดีที่ให้กินยาถอนพิษได้ทัน”
“ร่างกายของนางอ่อนแอนัก นางไม่น่าจะมีชีวิตรอดมาได้เลยด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่ง แต่หลังจากนี้ไปนางคงปลอดภัยแล้ว นี่ก็สามวันมาแล้วที่นางหมดสติไปเช่นนั้น”
“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สตรีนางนี้ช่างดวงแข็งนักทั้ง ๆ ที่ร่างกายบอบบางเช่นนั้น คงไม่ถึงคราตายของนางสินะจึงรอดมาได้ ดวงแข็งเหลือเกินนะองค์หญิง”
เสียงของคนสองคนที่พูดคุยกันค่อย ๆ ไกลออกไปทุกที ในที่สุดหญิงสาวก็หลับไปอีกครั้งโดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
หลายวันต่อมาอาการของเสิ่นหรันหรันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อเสิ่นหรันหรันพอมีแรงลุกขึ้นได้แล้ว จึงลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบ ๆ
ห้องแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บฟืนมากกว่าห้องปกติทั่วไป เพราะนอกจากบริเวณกองฟางที่นางนอนอยู่ยังพบเห็นกองฟืนกองโตที่วางระเกะระกะอยู่ภายใน
ดวงตาคู่งามเพ่งมองไปยังประตูเล็ก ตรงนั้นมีโคมไฟที่ถูกจุดสว่างแขวนอยู่และยังเป็นโคมสีแดงที่ค่อนข้างใหม่เอี่ยม
เสิ่นหรันหรันมองไปที่พื้นพบว่ามีอาภรณ์สีแดงแขวนไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ชุดสีแดงที่ปักลวดลายหงส์ด้วยด้ายดิ้นทอง เสิ่นหรันหรันยกมือทาบอกเมื่อรู้สึกคุ้นตากับชุดนี้เหลือเกิน
หญิงสาวเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
อ๊ะ...ในทีวี นั่นไม่ใช่ชุดเจ้าสาวหรอกหรือ....นะ...นี่มันเรื่องอะไรกัน
เสิ่นหรันหรันพยายามคิดถึงเรื่องราวของตนเองและต้องตกใจแทบสิ้นสติเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ภาพสุดท้ายที่เสิ่นหรันหรันจดจำได้ก่อนที่จะหลับไปก็คือ
ห้องฆ่าเชื้อสีขาวสะอาดในโรงพยาบาลและใบหน้าของคุณป้าที่จับมือเธอเอาไว้พร้อมกับบอกลา
“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะหรันหรันของป้า ชาติหน้าอย่าได้ทุกข์ทรมานเพราะป่วยแบบนี้อีกเลย”
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
สวี่ซือเหยาเป็นคุณหนูที่แสนโง่งม ที่ถูกแม่เลี้ยงจัดฉากให้เสียกับบุรุษต่ำต้อย นางเดินตามเส้นเรื่องเหมือนคนโง่ที่ไร้สมอง เมื่อเดินทางมาถึงจุบจบของชีวิตจึงได้รู้ว่า ตัวเองเป็นเพียงตัวประกอบอย่างน้องสาวตัวร้ายในนิยายเท่านั้น แต่แล้วสวรรค์เหมือนจะเห็นใจตัวประกอบไร้ค่าอย่างนาง ถึงได้ให้นางกลับมาแก้ไขอดีต ในเมื่อนางหวนคืนกลับมาแล้ว นางเอกของเรื่องก็อย่าฝันว่าจะได้โจวเยี่ยนเฉินสามีนางไปครอบครอง เพราะตอนนี้นางมีความคิดเป็นของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีนักเขียนบงการจากปลายปากกา ต่อไปนี้นางจะสร้างครอบครัวของนางเองด้วยสองมือและหัวใจ ส่วนพี่ชายที่เป็นตัวร้ายเมื่อต้นเหตุคือตัวนางเอง ฉะนั้นหากนางไม่ตายพี่ชายที่แสนดีของนางก็จะไม่กลายเป็นตัวร้าย เส้นทางชีวิตของสวี่ซือเหยาจะเป็นอย่างไร ติดตามในเรื่อง ชาติใหม่ข้าจะไม่หวนคืนชะตาเดิม ได้เลยเจ้าค่ะ
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"