เพราะถูกคู่หมั้นหยามเกียรติครั้งแล้วครั้งเล่า นางจึงขอหย่าไม่ต้องการแต่งงานกับชายผู้นี้อีก แต่ใครจะไไปนึกว่าการหย่าในครั้งนี้ จะทำให้นางได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ยังมีบุรุษผู้หนึ่งที่รักนางไม่เคยเปลี่ยน... กรุ่นความรักที่เคยเหลืออยู่ จะผลิบานได้ขนาดไหนกันนะ...
เพียะ!!
"หยุดนะ! อวี่เหิง!"
"ไม่เพคะ หม่อมฉันทนเห็นภาพแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"
ก่อนหน้านั้น
ขณะที่เฟิ่งอวี่เหิงกำลังปักผ้าอยู่ในจวนก็ได้รับรายงานจากสาวใช้ของตนว่าเห็นองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงหรือคู่หมั้นของตน ไปรับประทานอาหารเหลาที่โรงเตี๊ยมกับอี้หลิงฟางเพียงลำพัง นอกจากนั้นองค์ชายสามยังนำรถม้าส่วนตัวไปรับอี้หลิงฟางถึงจวนด้วยตนเอง โดยไม่ได้สนใจคำครหาซุบซิบนินทาของชาวบ้านแม้แต่น้อย
หลังจากที่ได้รับรายงานเฟิ่งอวี่เหิงก็รีบเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมที่ทั้งคู่อยู่ทันที นางบุกเข้าไปที่ห้องของสองคน ตนก็ได้พบเจอกับภาพที่เสมือนมีดกรีดลงหัวใจ
สตรีนางหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายชาย ซึ่งกำลังคีบอาหารป้อนใส่ปากคู่หมั้นของตน ได้ยินเสียงทั้งคู่พูดคุยอย่างมีความสุขราวกับเป็นคู่รักกัน
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นแบบนั้นถึงกับสติขาด เดินเข้าไปกระชากแขนอี้หลิงฟาง พร้อมกับสาดฝ่ามือเข้าไปที่ใบหน้างามทันที
เพียะ!!
ฟู่อวิ้นหลงถึงกับตะลึงเมื่อเห็นเฟิ่งอวี่เหิงลงไม้ลงมือกับอี้
หลิงฟางต่อหน้าตนเยี่ยงนี้ เขาลุกไปกระชากตัวเฟิ่งอวี่เหิงให้ออกห่างพร้อมกับดึงอี้หลิงฟางเข้ามากอดในอ้อมอกของตนเองทั้งตวาดใส่คู่หมั้นของตนเองด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
"คุณหนูเฟิ่ง! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายฟางเอ๋อร์แบบนี้! ซ้ำยังต่อหน้าต่อตาข้าอีก"
"หึ! ฟางเอ๋อร์รึ? หม่อมฉันที่เป็นคู่หมั้นขององค์ชาย แต่องค์ชายไม่เคยเรียกชื่อของข้าแบบนั้นสักครั้ง แต่กับสตรีอีกคนที่เป็นแค่บุตรอนุ กลับเรียกได้อย่างสนิทสนม องค์ชายไม่ทำเกินไปหรือ"
"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น เอาเถิดไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะบอกความจริงให้รู้ว่าข้ากำลังจะแต่งนางมาเป็นชายาอีกคน"
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินคู่หมั้นของตนเองพูดแบบนั้นถึงกับตัวสั่นใจสั่น กัดฟันถามคู่หมั้นของตนเองด้วยเสียงสั่นเครือ
"อะ องค์ชายว่าอย่างไรนะเพคะ?"
"ข้าจะสู่ขอฟางเอ๋อร์มาเป็นชายา"
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินคำพูดที่เหมือนดั่งมีดกรีดลงหัวใจถึงกับล้มพับเข่าอ่อน นางกรีดร้องโวยวายกับพื้นอย่างน่าสงสาร
เหตุใดท่านถึงกล่าวเยี่ยงนี้ ในเมื่อก่อนท่านได้ให้สัญญากับข้าว่าจะไม่แต่งผู้ใดเข้าวังหลัง เพื่อไม่ให้ข้ามัวหมองใจ แล้วไฉนท่านถึงผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้า
เฟิ่งอวี่เหิงเงยหน้ามองชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นยิ่งปวดใจ แววตาของเขามองมาที่ตนด้วยความไร้อารมณ์
เหตุใดท่านถึงโอบอ้อมอารีสตรีผู้อื่นต่อหน้าข้า
เหตุใดท่านถึงปกป้องสตรีผู้อื่นที่ไม่ใช่ข้า
เหตุใดท่านถึงกล่าวคำโหดร้ายที่เหมือนดั่งมีดที่กรีดลงในใจของข้า
เพราะเหตุใด...
เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าอี้หลิงฟางคนนี้ไม่ใช่สตรีอ่อนหวานดั่งหน้าตาของนาง ยิ่งเห็นแววตาของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกมองมาที่ตน นางยิ่งเจ็บใจ แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามแล้วยังยกยิ้มเยาะเย้ยให้เห็นอย่างตั้งใจ
เมื่อเฟิ่งอวี่เหิงได้เห็นแบบนั้นก็รู้แล้วว่าตนนั้นแพ้ แพ้ให้กับสตรีที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมของอี้หลิงฟาง แพ้ให้กับความรักที่ตนไม่ได้มาครอบครอง เพราะที่ผ่านมานางต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน
"พระองค์เลือกแล้วสินะ” เฟิ่งอวี่เหิงเม้มปากแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ที่ผ่านมาท่านเองก็มีความสุขกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่หม่อมฉัน ดี... ดีเหลือเกิน ในเมื่อท่านเลือกเช่นนี้ หม่อมฉันก็ควรพอเช่นกันเพคะ เพราะหม่อมฉันเองก็เหนื่อยที่จะตามหึงหวงองค์ชายแล้วเช่นกัน”
ฟู่อวิ้นหลงได้ยินคู่หมั้นของตนกล่าวออกมาเช่นนั้น ยังคงกอดสตรีที่ตนรักอยู่อย่างนั้นไม่ยอมคาย แล้วยืนมองคู่หมั้นของตนเองกำลังเดินออกไป โดยมีสาวใช้ประคองเคียงข้างด้วยท่าทีเย็นชา
เฟิ่งอวี่เหิงกลับมาถึงจวนก็เจอกับมารดาของตนยืนรอรับอยู่หน้าจวนด้วยท่าทางร้อนรน ภายในใจยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่า ท่านแม่คงได้ยินข่าวลือแล้วสินะ
เมื่อรถม้าเทียบจอดที่จวนแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงค่อย ๆ เดินลงมาอย่างช้า ๆ
เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวดั่งแก้วตาดวงใจของตนเองเดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทางอิดโรย ก็อดน้ำตาคลอไม่ได้