ความวิจิตรบรรจงของสิ่งปลูกสร้างที่มีชื่อว่าบ้านจันทร์ฉาย รวมถึงอาณาบริเวณกว้างใหญ่และแสนร่มรื่น ทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างก็อดมองอย่างนึกทึ่งและชื่นชมไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็นึกอยากรู้ว่าเจ้าของบ้านหลังงามนี้เป็นใคร เหตุใดจึงได้ครอบครองสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและสะท้อนความเป็นไทยย้อนยุคเช่นนี้ได้ หลายคนคาดเดาว่าน่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่หรือสืบเชื้อสายมาจากราชสกุลเป็นแน่ ซึ่งการคาดเดาเหล่านั้นก็ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่นัก
คุณหญิงจันทร์จรีสืบเชื้อสายมาจากราชสกุลเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 5 และได้สมรสกับหม่อมหลวงคฑาวุธลูกชายจากตระกูลผู้ดีเก่าที่ศักดิ์ศรีไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งภายหลังทั้งคู่ผันตัวเองมาทำธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล
หลังจากหม่อมหลวงคฑาวุธเสียชีวิตไป คุณหญิงจันทร์จรีก็เป็นผู้ดูแลธุรกิจเพียงลำพังมานานกว่าสิบปี เพิ่งจะได้วางมือเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วนี่เอง เมื่อลูกชายทั้งสองจบการศึกษาจากต่างประเทศมาช่วยบริหาร
บ่ายวันนี้ห้องโถงที่โอ่อ่าหรูหราไม่ได้ว่างเปล่าเช่นเคย โซฟาหลุยส์ราคาแพงถูกผู้เป็นเจ้าของนั่งอยู่เกือบครบทุกตัว ผู้เป็นประมุขของบ้านนั่งอยู่ตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นลูกชายทั้งสอง และคนสนิทของคุณหญิงอย่างจิตรานั่งอยู่ด้วย
“แม่เรียกผมกับภูกลับบ้านแต่หัววัน มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ” หนุ่มหล่อหน้าตาคมคายสะอาดสะอ้านซึ่งเป็นลูกชายคนโตถามมารดา เมื่อเขากับน้องชายถูกสั่งให้กลับบ้านเร็วทั้งคู่
“แม่แค่จะคอนเฟิร์มว่าพรุ่งนี้หนูพรรษจะมาที่นี่ เพื่อให้คำตอบว่าเลือกจะแต่งงานกับใคร แม่อยากให้ภาสกับภูอยู่ฟังคำตอบพร้อมกัน”
“ผมขอสละสิทธิ์ แต่ถึงไม่สละเด็กคนนั้นก็คงไม่เลือกผมอยู่ดี เพราะฉะนั้นให้พี่ภาสอยู่คนเดียวก็น่าจะเหลือเฟือนะครับ” ลูกชายคนเล็กของคุณหญิงจันทร์จรีปฏิเสธคำสั่งนั้นทันที ทำให้คนเป็นแม่หันไปมองตาขุ่น
“เผื่อหนูพรรษเลือกแกล่ะ”
คำถามของมารดาทำให้ภูริชแค่นยิ้มออกมาอย่างเหยียดๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าและแววตาของคนที่กำลังเป็นประเด็น เด็กคนนั้นน่ะหรือจะเลือกเขา หึ...
“น้ำคงท่วมหลังเป็ดมั้งครับ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่มีทางยอมแต่งกับเด็กคนนั้นหรอก เพราะผมไม่ชอบเป็นตัวเลือกของใคร”
“คุณภูสบายใจได้ค่ะ พรรษไม่ได้เลือกคุณภู” เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง แต่เป็นเสียงของคนมาใหม่ ทำให้คนทั้งสี่ต่างหันไปมองด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน
“หนูพรรษ!” คุณหญิงจันทร์จรีอุทานออกมาอย่างตกใจและห่วงความรู้สึกของหญิงสาวที่ตัวเองหมายตาไว้เป็นสะใภ้อยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าพรรษรดาจะมาได้ยิน ทว่าพรรษรดาชินเสียแล้วกับความเย็นชาหมางเมินที่ภูริชมีให้ตนมาตลอดหลายปี
“ชัดเจนนะครับแม่ ผมไปล่ะ”
ว่าแล้วร่างสูงเกือบหกฟุตก็ลุกจากโซฟาราคาแพง แล้วก้าวดุ่มๆ ออกจากห้อง เขาทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้ปภาซึ่งเป็นแม่ของพรรษรดาที่ยืนอยู่หน้าห้องโถงเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นก็ไม่คิดจะอนาทรว่าคนข้างในจะพูดถึงตนหรือไม่อย่างไร
รถคันหรูแล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ มุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่โดยยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง เขาเพียงแค่อยากใช้ความเร็วของรถช่วยดับความหงุดหงิดที่คุกรุ่นอยู่ข้างในเท่านั้น ความจริงเขาไม่ควรหงุดหงิดสักนิด เพราะไม่ว่าพรรษรดาจะเลือกหรือไม่เลือกใคร มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขา และต่อให้เธอบอกว่าเลือกเขา เขาก็ไม่คิดจะแต่งด้วยอยู่แล้ว เพราะไม่ชอบการเป็นตัวเลือกของใคร และยิ่งได้รู้ว่าไม่ใช่คนถูกเลือก ความหงุดหงิดก็ยิ่งทวีขึ้นเป็นเท่าตัว
รถยุโรปสมรรถนะสูงยังคงแล่นไปเรื่อยๆ ตามการควบคุมอันเชี่ยวชาญของคนขับ รู้ตัวอีกทีรถก็แล่นออกจากเขตเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็กำลังมุ่งหน้าไปทางพัทยาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปทางนั้น แต่อาจเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรเขาก็ขี้เกียจคิด
Rrrr… Rrrr…
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าต้องระบายลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อปรับอารมณ์ ลดความเร็วรถลงนิดหนึ่ง ก่อนจะกดรับสายและคุยผ่านลำโพงของรถ
“ว่าไง”
“มึงอยู่ไหนวะภู” เสียงนั้นคือเสียงของธัญญ์ ดาราหนุ่มที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในประเทศจีน เพราะความหล่อและซีรีส์เรื่องล่าสุดที่เขาแสดงได้รับความนิยมในระดับบ้าคลั่งเลยทีเดียว
“กูขับรถอยู่”
“ไปไหน”
“ไปพัทยามั้ง”
“ทำไมต้องมีมั้งด้วยวะ มึงพูดเหมือนมึงไม่แน่ใจ แล้วมึงไปทำไม หรือว่าไปดูไอ้ไวท์มันแข่งรถ แต่มันไม่ได้แข่งวันนี้นี่ สนามนี้กูก็แข่ง โปรแกรมมันอาทิตย์หน้านี่หว่า หรือว่ามึงไปหาสาว” ธัญญ์ทั้งถามเองตอบเองและแซวเองเสร็จสรรพไปหลายคำถาม
“กูไปหาลูกค้าน่ะ” ไม่ชอบและไม่เคยชอบการโกหก แต่ตอนนี้ภูริชกำลังละเมิดตัวตนของตัวเอง เพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง ธัญญ์จึงจะไม่ซักต่อ
“แล้วไป กูนึกว่ามึงแอบมีสาวแล้วไม่บอกกู”
“กูจำเป็นต้องรายงานมึงทุกเรื่องมั้ย”
“ก็กูเมียมึง”
“ระวังเถอะ กูจะจับมึงทำเมียจริงๆ”
“เฮ้ย อย่านะเว้ย ถ้ากูอยากมีผัว เดี๋ยวกูหาเอง ว่าแต่มึงจะกลับมาทันงานเลี้ยงฉลองสละโสดของไอ้เสกข์หรือเปล่า เลี้ยงเย็นนี้นะเว้ย กูโทร.มาเตือน เมื่อกี้ไอ้ธีร์ก็เพิ่งโทร.มาเตือนกู มันบอกว่ามันกำลังจะไปรับไอ้ปริญที่สนามบิน”
“ไอ้ปริญมาถึงแล้วเหรอ”