"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“คุณจะไปไหน?”
ในงานแต่งงาน ถังเลี่ยนรีบดึงตัวฉินซื่อหมิงที่หันหลังกลับเตรียมจะออกไปเอาไว้ ดวงตาของเธอดูเว้าวอนอย่างมาก
ในห้องจัดเลี้ยง ญาติและเพื่อนของทั้งสองฝ่ายได้นั่งประจำที่แล้ว นักบวชเพิ่งถามเจ้าบ่าวว่าเขาจะยอมแต่งงานกับเจ้าสาวหรือไม่ แต่แล้วฉินซื่อหมิงที่เป็นเจ้าบ่าวไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อนักบวชและรับโทรศัพท์เท่านนั้น เขายังจะออกไปในทันทีอีกด้วย
“ไป๋เวยรู้ว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน โรคซึมเศร้าของเธอจึงกำเริบขึ้นมาและจะกระโดดตึก ผมต้องไปช่วยเธอ”
ฉินซื่อหมิงพูดอย่างหมดความอดทนเต็มทนแล้ว จากนั้นก็ผลักถังเลี่ยนออก
ซึ่งการผลักครั้งนี้ทำให้ถังเลี่ยนเท้าแพลง เธอล้มลงไปกับพื้น แต่ก็ยังยื่นมือออกมาอย่างน่าเวทนาเพื่อพยายามจะรั้งเขาไว้
“วันนี้เป็นงานแต่งงานของเรานะ ถ้าคุณไปแล้วฉันจะทำยังไงล่ะ! อีกอย่าง คุณอย่าลืมนะว่า ไป๋เวยเคยนอกใจคุณมาก่อน เธอทำร้ายคุณถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมปล่อยวางและยังอยากจะไปหาเธออีกล่ะ?”
แววตาของฉินซื่อหมิงเย็นลงมากขึ้นเรื่อย ๆ “เรื่องของผมกับไป๋เวยไม่จำเป็นต้องให้คุณมาออกความคิดเห็น ต่อให้เธอจะทำผิดไปและทำร้ายผม คุณก็ยังสู้เธอไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
ถังเลี่ยนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันที
เธอรู้ว่าฉินซื่อหมิงยังลืมไป๋เวยไม่ลง แล้วเธอก็ไม่มีวันที่จะสำคัญเท่าไป๋เวยได้
“ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย!”
“ฉันขอร้องเถอะนะ งานแต่งงานกำลังจะจบลงอยู่แล้ว รอให้แลกแหวนกันเสร็จก่อน แล้วคุณค่อยไปก็ได้นี่!”
ฉินซื่อหมิงหลบมือที่ยื่นออกมาของเธอ แล้วก็พูดด้วยความรังเกียจว่า “คุณไม่มีความเป็นห่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่งเลยสักนิด คุณห่วงแค่เรื่องงานแต่งงานของคุณเท่านั้น ถังเลี่ยนคุณมันเลือดเย็นซะจนน่ากลัวจริง ๆ”
“งานแต่งงานถูกยกเลิกไป ค่อยจัดขึ้นมาใหม่ครั้งหน้าแล้วกัน”
ฉินซื่อหมิงเพิกเฉยต่อใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอโดยสิ้นเชิง เขาเดินพลางปลดดอกไม้ที่หน้าอกของออกไปด้วย ไม่ได้สนใจสายตาแปลก ๆ จากผู้คนรอบตัวที่มองมาเลยสักนิดเดียว
การที่เจ้าบ่าวจากไปแบบนี้ ทำให้คนในงานต่างเริ่มฮือฮาขึ้นมาทันที
“อย่า ฉันขอร้องล่ะ คุณอย่าไปเลยนะ ซื่อหมิง!”
“ถ้าคุณไปแล้ว ฉันจะทำยังไง!”
ถังเลี่ยนนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลอาบลงมาทับการแต่งหน้าอันประณีตของเธอไม่หยุดหย่อน
ผู้ชายที่เธอรักมาสามปี เลือกผู้หญิงอีกคนโดยไม่ลังเลและไม่คำนึงถึงหน้าตาของเธอและงานแต่งงานแต่อย่างใด
ฉินซื่อหมิงคำนึงถึงแค่ความสงสารและความอับจนหนทางของไป๋เวยเท่านั้น แต่เขากลับไม่ได้คิดเลยว่าตอนนี้เธอต้องอับอายและสับสนอยู่ในงานแต่งงานเพียงคนเดียวมากแค่ไหน
เวลานี้ มีดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองมาที่เธอ บางคนก็มองด้วยความเยาะเย้ยและความสงสาร แต่ยิ่งกว่านั้นบางคนก็กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของเธออยู่
ถังเลี่ยนไม่เคยต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อนเลย!
ถังเป่ยซานผู้เป็นพ่อเดินเข้ามา ถังเลี่ยนคิดว่าเขาจะมาปลอบเธอ แต่เธอกลับไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะจ้องมองตามาเขม็งพลางด่าทอเธอขึ้นมาว่า “แค่ผู้ชายคนเดียวยังเอาไว้ไม่อยู่เลย ฉันมีลูกสาวแบบแกได้ยังไงเนี่ย!”
ถังเป่ยซานโมโหเดือดดาลอย่างมาก หลังจากด่าทออยู่หลายประโยคจนจบ เขาก็ดึงหวงฉินผู้เป็นภรรยาของเขาออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ส่วนถังเข่อซินผู้เป็นน้องสาวก็ได้เดินออกมาจากฝูงชน แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาว พี่นี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ เลยนะ! ในงานแต่งงาน เจ้าบ่าวดันหนีไปจนพี่โดนคนหัวเราะเยาะเต็มไปหมด อย่าว่าแต่คุณพ่อคุณแม่จะโกรธเลย ฉันเองก็ขายหน้าไปด้วยเหมือนกัน!”
หลังจากพูดจบ ถังเข่อซินก็หันหลังและจากไปเช่นกัน
……
สมาชิกของถังเลี่ยนทั้งหมดได้เดินจากไปแล้ว ทิ้งเธอที่เป็นเจ้าสาวเอาตัวในงานเพียงลำพัง ไม่มีใครให้การสนับสนุนเธอเลยสักคน ทางฝ่ายชายที่รู้สึกผิดอยู่ตอนแรก พอเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ยืดหลังตรงขึ้นมา
“เจ้าบ่าวหนีไป ส่วนพ่อแม่ก็ยังไม่สนใจอีก ฉันว่าเจ้าสาวเองคนนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ มิน่าล่ะฉินซื่อหมิงถึงได้ทิ้งไปแบบนั้นน่ะ”
“นั่นน่ะสิ ถ้าเธอเป็นผู้หญิงดี ๆ มีเหรอที่เจ้าบ่าวจะไม่ต้องการเธอน่ะ?”
“เธอนอกใจเจ้าบ่าวรึเปล่า ไม่อย่างนั้นเจ้าบ่าวจะทิ้งเธอไปได้ยังไง!”
แขกที่อยู่รอบตัวต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เธอ เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ถังเลี่ยนเป็นเหมือนตัวตลกที่มีแต่คนมาดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ย
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอึกทึกมาจากห้องข้าง ๆ
ถังเลี่ยนจึงหันหน้าไปมอง แล้วก็เห็นว่ามีเจ้าบ่าวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนวีลเชร์เพียงลำพัง นักบวชที่เป็นประธานในงานแต่งงานได้ถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “แล้วเจ้าสาวล่ะ?”
ถังเลี่ยนเช็ดน้ำตา จากนั้นก็ดึงพนักงานที่เดินผ่านไปมาถามว่า “เจ้าสาวในงานแต่งงานของพวกเขาไปไหนแล้วเหรอ?”
พนักงานเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นมาตามความเป็นจริงว่า “เจ้าสาวไม่ได้มาครับ ผมได้ยินมาว่าเป็นเพราะรับไม่ได้ที่สามีเป็นคนพิการ ก็เลยหนีงานแต่งงานไปแล้วครับ”
“จากนั้นเขาก็เลยรออยู่ที่นี่มาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ?”
พนักงานพยักหน้า เธอจึงขอบคุณเขาไป
เจ้าบ่าวที่นั่งอยู่บนวีลแชร์หันหลังให้เธออยู่ ระหว่างพวกเขาสองคนห่างกันพอสมควร เธอไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของชายคนนั้นได้ในขณะนี้ แต่เธอรู้ว่าการถูกทอดทิ้งนั้นต้องรู้สึกแย่มากแค่ไหน
พวกเขาสองคนมีความคล้ายคลึงกันมากจริง ๆ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นคนน่าสงสารที่ถูกทอดทิ้งไปเหมือนกัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของถังเลี่ยนก็ดูขึงขังขึ้นมาทันที
ต่อให้จะรักกันมาสามปีแล้วยังไงเหรอ ฉินซื่อหมิงก็ยังทรยศความสัมพันธ์ของเธอกับเขาได้เลย แล้วทำไมเธอต้องภักดีด้วยล่ะ!
ไม่ใช่ว่าเธอจะขาดฉินซื่อหมิงไม่ได้สักหน่อย เธอก็ยังมีทางเลือกอื่นอีก!
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืนมา แขกผู้มีเกียรติที่กำลังกระซิบกระซาบและเยาะเย้ยเธออยู่ก็เงียบไปทันที
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ถังเลี่ยนโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เห็นว่าเธอยกชายกระโปรงขึ้น จากนั้นก็เดินตรงไปยังงานแต่งงานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เมื่อเห็นเจ้าสาวคนหนึ่งที่สวมชุดแต่งงานสีขาวเดินเข้ามา แขกฝั่งเจ้าบ่าวก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงฮือฮาขึ้นมา เขาจึงหมุนวีลเชร์หันตัวมาช้า ๆ
ถังเลี่ยนหยุดเดิน แล้วก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอ แววตาของเธอแสดงความประหลาดใจขึ้นมา จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปและพูดว่า “สวัสดีค่ะ ฉันได้ยินมาว่างานแต่งงานของคุณขาดเจ้าสาวอยู่ เจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปพอดี ถ้างั้นเราสองคนมาแต่งงานกันเถอะค่ะ”
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"