จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
ความมืดเป็นเหมือนม่านขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
มีเพียงแสงจันทร์บาง ๆ ที่ทะลุผ่านเมฆลงมาในซอยแคบ ๆ
เสิ่นฉือถือกล่องพยาบาลและรีบก้าวออกไปจากบ้านหนึ่งในซอยไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เธอเดินไปถึงปากซอย จู่ ๆ ก็มีร่าง ๆ หนึ่งเดินโซเซเข้ามาหาเธอ
มีกลิ่นคาวเลือดโชยมาอย่างรุนแรง
เสิ่นฉือก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยสัญชาตญาณ
เธอพอจะแยกออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย
ผู้ชายคนนั้นสูญเสียการทรงตัวและล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็หมดสติไปแล้ว
เสิ่นฉือก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ นั่งยอง ๆ เพื่อตรวจสอบ และก็เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน
เป็นเขางั้นเหรอ
จี้หานโจว ทายาทของตระกูลใหญ่ระดับหนึ่งแห่งเมืองเชิ่งจิง
เสิ่นฉือคิดในใจ ถ้าช่วยชีวิตเขาไว้หล่ะก็ คงจะได้ประโยชน์มหาศาลมากกว่าการเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นแน่ ๆ
เธอเลยโน้มตัวลงไปพลางเอามือตรวจดูลมหายใจของผู้ชายคนนั้น
ยังมีลมหายใจอยู่ สามารถช่วยได้
เสิ่นฉือจับแขนของจี้หานโจวและพยายามพยุงเขาขึ้นมา
หลังจากเดินผ่านซอยมืด ๆ ไปได้ครึ่งทาง เธอก็หยิบกุญแจออกมาและเปิดประตูลับที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
นี่เป็นหนึ่งในคลินิกใต้ดินหลายแห่งของเธอในเมืองเชิ่งจิง
เสิ่นฉือไม่ได้ลังเลและพาเขาไปที่ห้องตรวจและวางลงบนเตียงผ่าตัดทันที
เธอถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออกพลางสวมเสื้อกาวน์สีขาว หลังจากฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทั้งหมดอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็เริ่มทำการผ่าตัดทันที
“แกร๊ง...”
ลูกกระสุนเปื้อนเลือดถูกโยนเข้าไปในถาดโลหะ
เสิ่นฉือสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ การผ่าตัดเมื่อครู่นั้นต้องมีสมาธิมากเลยทำให้ต้องใช้พลังงานไปเยอะ
หลังจากนั้นก็เย็บแผลอย่างเรียบร้อย ไม่นานก็ทำแผลเสร็จ
แต่ทันใดนั้น...
มีเสียงดัง “ปัง” ขึ้นมา ประตูหนาถูกกระแทกออก !
กลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำติดอาวุธก็บุกเข้ามา
กลุ่มหนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องจี้หานโจวที่นอนอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกกลุ่มนึงนั้นควบคุมคลินิกไว้
ปากกระบอกปืนสีดำเย็น ๆ จ่อขมับเสิ่นฉือไว้
“บอกมาสิว่าลักพาตัวท่านจี้มาทำไม?”
เสิ่นฉือถือว่าค่อนข้างใจเย็น
เธอเหลือบมองจี้หานโจวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายนั้นดีและกำลังจะฟื้นแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
เป็นถึงคนใหญ่คนโตในทั้งในอันธพาลและวงการเมือง จะลืมบุญคุณงั้นเหรอ?
จี้หานโจวรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว แค่ขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนกับว่าหน้าอกจะฉีกขาด เขาเจ็บมากจนเหงื่อท่วมไปหมด
“ปล่อยเธอซะ”
“ออกไปให้หมดเลย...”
น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นอ่อนแอและแหบแห้ง แต่น้ำเสียงของเขากลับไม่เปิดโอกาสให้คนพูดแทรกได้เลย
กลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็วทันที
เสิ่นฉือถือโอกาสนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ พลางไขว่ห้าง
เธอยังคงเงียบและจ้องไปที่จี้หานโจว
“เธอช่วยฉันไว้เหรอ?”
จี้หานโจวขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แววตาของเขานั้นดูสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
เสิ่นฉือตอบว่าอืมเป็นการตอบรับ
“เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันให้เธอขออะไรฉันก็ได้อย่างนึง” ผู้ชายคนนั้นหยุดชั่วคราว ดูท่าว่าจะโดนแผลเข้า สีหน้านั้นดูไม่ค่อยดีนัก “ธ...เธอต้องการอะไร?”
เสิ่นฉือเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ติดไว้ก่อนละกันค่ะ”
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่จริง ๆ เธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว
ในเมืองเชิ่งจิงอันกว้างใหญ่นี้ มีใครไม่รู้จักตระกูลจี้และจี้หานโจวบ้างกัน
วิธีการเด็ดเดี่ยวของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ความโหดเหี้ยมธรรมดา
ในเมื่อตอนนี้เธอไปได้ไม่ค่อยดีนัก งั้นก็รอเกาะเขาได้ค่อยว่ากัน
“ถ้าต้องการเมื่อไหร่ก็มาหาฉันนะ” จี้หานโจวหยิบนามบัตรของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางไว้ข้างตัว จากนั้นก็เอามือเท้าเตียงไว้แล้วลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
พอเห็นผู้ชายคนนั้นจากไป เสิ่นฉือก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าจะช่วยชีวิตชายผู้สูงศักดิ์คนนี้ไว้