ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
“คุณกู้ คุณตั้งครรภ์ครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เด็กในท้องของคุณมีสุขภาพแข็งแรงดีครับ”
กู้เหวยอีเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างงุนงงโดยกำผลตรวจการตั้งครรภ์ไว้ในมือแน่น
กู้เหวยอีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ มือเรียวเล็กก็ลูบท้องน้อยเบา ๆ
เธอท้องแล้ว เป็นลูกของเธอกับฟู่จิ่งเฉิน
กู้เหวยอีระงับความตื่นเต้นไว้พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมจะโทรหาฟู่จิ่งเฉินเพื่อบอกเรื่องเซอร์ไพรส์นี้กับเขาเอง
และตอนนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา ฟู่จิ่งเฉิน สามีของเธอส่งข้อความมาพอดี
【รีบมาที่โรงแรมฮิลตันที 】
ไปโรงแรมฮิลตันตอนนี้เหรอ? ทำไมถึงปุบปับแบบนี้ล่ะ?
กู้เหวยอีรู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ได้ลังเลอะไร เธอไปเรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทางแล้วมุ่งหน้าไปที่โรงแรมฮิลตันทันที
ในเมื่อฟู่จิ่งเฉินอยากจะพบเธอ งั้นเธอก็บอกเรื่องที่เธอท้องต่อหน้าเขาไปเลยแล้วกัน
ไม่รู้ว่าถ้าฟู่จิ่งเฉินรู้ว่าเธอท้องแล้วจะมีปฏิกิริยายังไงนะ?
กู้เหวยอีมาที่โรงแรมด้วยความคาดหวัง แต่พอลงจากรถก็พบว่าโรงแรมเต็มไปด้วยดอกไม้ที่สวยงามมากมาย มีพรมแดงใหม่เอี่ยมปูอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมฉลองอะไรอยู่
กู้เหวยอีอึ้งไปพักนึง ไม่นานเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเธอกับฟู่จิ่งเฉินพอดี
เพราะงั้นฟู่จิ่งเฉินเลยเรียกเธอมาที่นี่เพื่อเซอร์ไพรส์เธองั้นเหรอ?
มีแขกจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม พวกเขากำลังดื่มกันอย่างคึกคักทีเดียว
กู้เหวยอีเดินผ่านฝูงชนไป ชุดเรียบง่ายของเธอนั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเลย
ไม่นานหลังจากนั้น พอเธอมองไปก็เห็นฟู่จิ่งเฉินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาดูเจิดจรัสท่ามกลางฝูงชนมาก
นั่นคือสามีของเธอและพ่อในอนาคตของลูกเธอ
มุมปากของกู้เหวยอียกขึ้นมาทันที แต่วินาทีต่อมาพอเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ่งเฉิน รอยยิ้มของเธอก็แข็งทื่อไปทันที
นั่นมัน... หลินลี่ลี่ รักแรกของฟู่จิ่งเฉิน?!
เธอกลับมาจากต่างประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตัวของกู้เหวยอีแข็งทื่อไปทันที เธอมองดูคนสองคนที่อยู่ไม่ไกลจับมือกันอย่างสนิทสนม ราวกับคู่รักที่น่าอิจฉา
กลุ่มเพื่อนสนิทมาล้อมรอบพวกเขาไว้และต่างพากันแสดงความยินดี
“ลี่ลี่ วันนี้ฉันต้องดื่มให้เกียรติเธอสักแก้วแล้วล่ะ ยินดีกับการกลับมาจากต่างประเทศของเธอด้วยนะ!”
“จิ่งเฉิน ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ในที่สุด นายกับลี่ลี่ก็กลับมาพบกันอีกครั้ง วันดีแบบนี้ พวกนายสองคนต้องควงแขนกันดื่มฉลองสักหน่อยแล้วนะ”
เสียงเฮดังขึ้นเรื่อย ๆ
หลินลี่ลี่สวมชุดสีแดงร้อนแรงและแต่งหน้าอย่างสวยงาม เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาแล้วพูดว่า “พวกเธอเลิกเอะอะได้แล้ว ฉันกับจิ่งเฉินจะดื่มควงแขนได้ยังไงกัน? เพราะยังไงจิ่งเฉินก็มีภรรยาแล้ว ถ้าจะดื่มควงแขนกันล่ะก็ น่าจะให้จิ่งเฉินกับภรรยาของเขาทำมากกว่า”
พอได้ยินหลินลี่ลี่พูดถึงกู้เหวยอี ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ทำสีหน้าดูถูกขึ้นมาทันที
“กู้เหวยอีนั่นน่ะเหรอ? ถือเป็นภรรยาที่ไหนกัน? กู้เหวยอีก็เป็นแค่เครื่องมือที่จิ่งเฉินใช้เพื่อเอาใจคุณย่าของเขาเฉย ๆ !”
“ใช่ ๆ ผู้หญิงที่จิ่งเฉินอยากจะแต่งงานด้วยจริง ๆ ก็คือเธอมาตลอดนะ ใช่ไหมจิ่งเฉิน?”
ฟู่จิ่งเฉินรูปร่างสูงและมีหน้าตาหล่อเหลา ชุดสูทหรูหราที่ไม่ได้ดูโอเวอร์ของเขานั้นทำให้เห็นถึงท่าทางเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
“พอได้แล้ว พวกนายอย่ารังแกลี่ลี่ เธอดื่มเหล้าไม่เป็น ฉันจะดื่มแทนเธอเอง”
พอได้ยินแบบนี้ พวกเพื่อน ๆ ต่างก็พากันส่งเสียงเฮดังขึ้นมากกว่าเก่า
“นี่ ฟู่จิ่งเฉิน นายปวดใจแทนลี่ลี่งั้นสินะ?” ได้! นายไม่ให้ลี่ลี่ดื่มกับพวกเรา งั้นนายต้องดื่มไวน์ของเธอให้หมดเลยนะ! ถ้าดื่มไม่หมด วันนี้ก็ห้ามกลับ!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะของฝูงชน สีหน้าของฟู่จิ่งเฉินเย็นชา มุมปากนั้นกลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่สามารถละเลยได้
หลินลี่ลี่ที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นกลับก้มหน้าลงอย่างอาย ๆ
ภาพที่ทั้งสองคนสวีทกันมันบาดตามาก ทำให้ใจของกู้เหวยอีปวดตึบขึ้นมาทันที
เธอไม่รู้ว่าตัวเองหนีออกมาตอนไหน จนกระทั่งเม็ดฝนเย็น ๆ ตกลงมากระทบใบหน้า เธอถึงได้รู้สึกตัวว่าด้านนอกโรงแรมนั้นฝนตก
สายลมเย็นพัดพาสายฝนมากระทบร่างกายของกู้เหวยอี ภายในพริบตา ลมแรงก็โหมกระหน่ำมา เสียงฝนตกก็แรงขึ้น
กู้เหวยอีมองฝนตรงหน้าอย่างงุนงง
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมฟู่จิ่งเฉินถึงเรียกเธอมา
หรือว่าเขาอยากให้เธอเห็นภาพพวกเขาสวีทกัน จากนั้นก็สละตำแหน่งคุณนายฟู่ให้หลินลี่ลี่ ผู้หญิงที่เขารักอย่างรู้การรู้งานงั้นเหรอ?
ลมหายใจของกู้เหวยอีค่อย ๆ หนักขึ้น เธอยกเท้าขึ้นด้วยความแข็งทื่อ ก่อนจะเดินตากฝนกลับบ้าน
เธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยความสิ้นหวัง พลางมองบ้านที่คุ้นเคยตรงหน้าอย่างว่างเปล่าพลางคิดอย่างเหม่อลอย
สองปีก่อน ตระกูลกู้กำลังจะล้มละลายและพยายามจะแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลฟู่เพื่อจะได้กอบกู้สถานการณ์ที่แย่ลงของตระกูลเอาไว้
ตอนแรกฟู่จิ่งเฉินไม่ยอม แต่คุณนายใหญ่ฟู่ที่ป่วยหนักนั้นบีบบังคับให้เขาแต่งงาน เขาเลยต้องยอมแต่งงานกับเธอ
ตอนนี้อาการป่วยของคุณนายใหญ่ฟู่ดีขึ้นแล้ว หลินลี่ลี่ก็กลับมาจากต่างประเทศแล้วด้วย
ดูเหมือนจะถึงเวลาของเธอซึ่งเป็นคนนอกโดยแท้จริงที่ต้องไปจากฟู่จิ่งเฉินแล้วสินะ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ด้านนอกก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมา
จากนั้นเสียงมีเสน่ห์ของผู้ชายคนนึงก็ดังขึ้นมาข้างหูเธอ
“กู้เหวยอี ทำไมเธอถึงมายืนตัวเปียกชุ่มอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"