เขาเป็นชินอ๋องปีศาจ เข็นฆ่าผู้คนมานับแสน มองสตรีเป็นเพียงเหยื่อ หิวกระหายกลืนกินตลอดเวลา ส่วนนางชาติก่อนถูกฮ่องเต้มอบผ้าขาว มาชาตินี้กลับกลายเป็นของเล่นของชินอ๋องปีศาจชีวิตบัดสบให้ข้าเกิดใหม่ทำไม!! เสียงฝีเท้าหนักก้าวเข้ามาใกล้ราวกับปีศาจ... เสียงนั้นก้องกังวาน...ขณะที่ร่างบนเตียงทำได้เพียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาอันแสนอ่อนล้าเลื่อนมองไปยังปลายเท้าของตนเอง ...มองดูบุรุษผู้นั้นก้าวขึ้นมายังตั่งเตียงอีกครั้ง... นางที่หมดเรี่ยวแรงแลอ่อนล้าเอ่ยวาจาประชดประชัน “ท่านคงเป็นปีศาจที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย... ...หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงสิ้นลมคาอกท่านเป็นแน่” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังหยัน “หากเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะฉุดเจ้าลงสู่นรกเอง” ฝ่ามือหนาเข้าบีบปลายคางของนางให้มองสบกับใบหน้าของอีกฝ่าย นัยน์ตาแดงก่ำประดุจปีศาจมองจ้องมายังนาง จากนั้นก็ดึงรั้งนางให้ลงสู่ห้วงอเวจีอีกครั้ง!!!
เสียงฝีเท้าหนักก้าวเข้ามาใกล้ราวกับปีศาจ...
เสียงนั้นก้องกังวาน...ขณะที่ร่างบนเตียงทำได้เพียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง
ดวงตาอันแสนอ่อนล้าเลื่อนมองไปยังปลายเท้าของตนเอง
...มองดูบุรุษผู้นั้นก้าวขึ้นมายังตั่งเตียงอีกครั้ง...
นางที่หมดเรี่ยวแรงแลอ่อนล้าเอ่ยวาจาประชดประชัน
“ท่านคงเป็นปีศาจที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...
...หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงสิ้นลมคาอกท่านเป็นแน่”
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังหยัน
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะฉุดเจ้าลงสู่นรกเอง”
ฝ่ามือหนาเข้าบีบปลายคางของนางให้มองสบกับใบหน้าของอีกฝ่าย
นัยน์ตาแดงก่ำประดุจปีศาจมองจ้องมายังนาง
จากนั้นก็ดึงรั้งนางให้ลงสู่ห้วงอเวจีอีกครั้ง!!!
ผ้าขาวและราชโองการที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าถูกพระราชทานมาจากคนที่นางมอบชีวิตและหัวใจให้ไปจนหมดสิ้น หลิวกงกงผู้นำราชโองการมองนางด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลนเอ่ยให้นางเร่งรับผ้าขาว
ในมือของตนไป ดวงตาคู่นั้นมองกุ้ยเฟยผู้แสนน่าสงสาร สตรีที่เคยได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาท ทว่าบัดนี้กลับถูกส่งมองความตายมาให้ถึงตรงหน้า
ใครใช้ให้นางเกิดมาเป็นบุตรเสนาบดีฝ่ายซ้าย เผยเหนียงหยางแห่งแคว้นเฉินตี้กันเล่า...?
“กุ้ยเฟย พระองค์จะเลือกรับราชโองการ รับหน้าที่เป็นบรรณาการแก่ชินอ๋องแห่งแคว้นหลวนหลี หรือจะเลือกผ้าขาวปลิดชีวิตตนเองเล่า”
ใบหน้างดงามของเหนียงกุ้ยเฟยเงยมองหลิวกงกง การแต่งกับชินอ๋องนั้นก็ไม่ต่างจากการตกนรกทั้งเป็น หากให้เลือกมีชีวิตให้ผู้อื่นย่ำยีเช่นนั้น นางก็ไม่ขออยู่เป็นคน ฝ่ามืองามเลื่อนไปรับผ้าขาวตรงหน้ามาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ทว่าหลิวกงกงกลับเอ่ยขึ้นมาราวกับลองใจ “พระองค์แน่ใจแล้วหรือ?”
นางแน่ใจ...แน่ใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชื่อเสียงชินอ๋องหาได้ผิดแปลกไปจากปีศาจนรกไม่ ต่อให้ต้องตกตายแล้วเกิดใหม่ นางก็ไม่ขอร่วมเตียงกับเขา
นางกำนัลชิวอิ้งก้มหน้าสะอื้นไห้ มองขันทีรับผ้าขาวขึ้นแขวนยังคานด้านบน ในใจคิด หากกุ้ยเฟยจากไปแล้ว นางเองก็จะติดตามพระองค์ไปเช่นกัน
ทว่า ฝ่ามืองามของเหนียงกุ้ยเฟยกลับเอื้อมมาจับมือของนางเอาไว้ “เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่าได้คิดสั้นเป็นอันขาด”
“พระสนม แต่หม่อมฉันไม่อาจอยู่ต่อหากสิ้นพระองค์”
“เจ้าต้องอยู่ นี่คือคำสั่ง” เสียงของเหนียงกุ้ยเฟยดุดันยามเปล่งวาจาเพียงเพื่อให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป
ดวงตางามของกุ้ยเฟยมองไปยังผ้าขาวตรงหน้า หากนางกลับมาได้...หากนางสามารถกลับมาแก้ไขอดีตได้ นางจะไม่ขอมอบชีวิต ใจรักและภัคดีให้กับบุรุษผุ้นั้นอีก นางจะทำให้เขามาอยู่แทบเท้า ทำให้แผ่นดินเฉินตี้
ล่มสลาย ให้สตรีร้ายกาจที่อยู่บนบัลลังก์ผู้นั้นถูกไฟโลกันต์เผาไหม้ทรมานไม่รู้จบสิ้น!
ฮ่องเต้เฉินตี ฮองเฮาเหมยฟาง ชื่อท่านทั้งสองจะถูกสลักลึกอยู่ในวิญญาณของข้า จดจำไปอีกหลายสิบชาติภพ หากวันใดที่พวกเราได้พบกัน ข้าจะตอบแทนพวกท่านกับสิ่งที่มอบให้ข้าเป็นอย่างดี!
ลำคอระหงส์ของนางพาดอยู่บนผ้าขาว เสียงนางกำนัลร่ำไห้ พยายามรั้งนาง ทว่าก็กลับถูกกดลงกับพื้น ขณะที่ดวงตาคู่งามทำได้เพียงมองสาวใช้ที่ติดตามนางมาแต่เยาว์ คนที่อยู่เคียงข้างนางมาโดยตลอด
เสียงนางพยายามเอ่ย “อยู่ ต่อ ไป” ชิวอิ้งร่ำไห้ปานจะขาดใจ
มองพระสนมดิ้นทุรนทุรายขณะที่ลำคอพาดอยู่บนผ้าขาว ร่างงดงามสั่นเทา ดวงตาเหลือกลืมขึ้นมองท้องฟ้า
นางหายใจไม่ออก ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน ความทรมานที่นางได้รับนี้ นางอยากจะให้คนพวกนั้นได้รับรู้ ความเจ็บปวดที่นางมีนี้ พวกเขาสมควรได้รับเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นแล้วหากนางตายไปแล้วคนเหล่านั้นจะได้รับผลสนองคืนได้เช่นไร นางจะเห็นได้เช่นไรกัน
เมื่อคิดว่าไม่อยากตาย นางก็พยายามดิ้นรน ชิวอิ้งเห็นก็พยายามดิ้นจนหลุดจากขันที รีบวิ่งเข้ามาอุ้มขานางออกแรงยกร่างของนางขึ้น ทว่าอยู่ๆ นางกำนัลอีกคนก็กลับเข้ามาแล้วถีบนางเสียกระเด็น
ผ้าขาวบางที่รัดคอของนางอยู่ขาดออก ทำให้ร่างทั้งร่างที่คอพาดอยู่บนนั้นร่วงตกลงสู่พื้น เหนียงกุ้ยเฟยพยายามดึงผ้าออกเพื่อรับอากาศหายใจ
“ฮองเฮา!” ชิวอิ้งมองไปยังสตรีด้านหลัง เช่นเดียวกับกุ้ยเฟยที่
เงยหน้าขึ้นมองสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้น
ฮองเฮาเหมยฟางมองนางด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนหันไปพูดกับหลิวกงกง “จัดการสตรีบอบบางเพียงเท่านี้เหตุใดจึงได้ชักช้านัก”
“เป็นเพราะนางกำนัลผู้นั้นและกุ้ยเฟยเกิดลังเลไม่อยากตายขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮามองไปยังนางกำนัลข้างตัว “ลากไปเฆี่ยนยี่สิบไม้อย่าให้มันตายแล้วส่งไปทำงานโรงมูลขับถ่ายที่ท้ายวัง”
“ไม่!” กุ้ยเฟยพยายามดึงตัวชิวอิ้งไว้ แต่กลับไม่เป็นผล สุดท้าย
พวกนางก็ถูกจับแยกกันอยู่ดี
ฮองเฮาเหมยฟางมองไปยังผ้าขาวที่ตกกองอยู่บนพื้น ฝ่ามืองามหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็รัดคอคนที่อยู่บนพื้น “เจ้า!”
“น่าเบื่อหน่ายนัก! พวกเจ้าต้องถูกลงโทษ!!” ต้องให้นางลงมือด้วยตนเองเช่นนี้ช่างเสียมือนัก! คนที่ใช้เข่ากดแผ่นหลังมองกุ้ยเฟยที่เงยหน้ามองมาด้วยสายตาแค้นเคือง
“เจ้าจะโกรธไปไย ถึงอย่างไรในชาตินี้พวกเราก็ไม่ต้องพบกัน
อีกแล้ว”
นางใกล้หมดลมหายใจเต็มที ดวงตาเลื่อนลอยมองเห็นเงาดำยืนอยู่เบื้องหน้า นางไม่รู้ว่าคืออะไร ทว่าดวงตาคู่งามของนางก็กลับเลือกที่จะปิดลง ในใจอธิษฐานต่อเงาดำนั้น
“ข้าไม่ขอภพชาติใหม่ ขอเพียงกลับมาแก้ไขทุกอย่างในภพนี้ได้
แม้แลกด้วยความเจ็บปวดทรมานอีกเท่าใดข้าก็ยอม”
เงาสีดำมองไปยังสตรีงดงามตรงหน้า ชีวิตนี้นางชะตาอาภัพนัก
ถูกคนรักหักหลัง ถูกบิดามารดาทิ้งขว้างไร้การเหลียวแลเมื่อไร้ประโยชน์
ดวงตาในเงามืดทำเพียงหลับตาลง นึกชังโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสและตันหา มือยกขึ้นมาคำนวณชะตาของหญิงชะตาอาภัพตรงหน้าก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“เจ้าบอกว่าขอกลับมาแก้ไขทุกอย่าง แม้แลกด้วยความเจ็บปวดทรมานอีกครั้งใช่หรือไม่”
“ใช่” นางตอบคนตรงหน้าด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
“ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดเช่นไร เจ้าก็จะไม่เกี่ยงรึ?”
“ไม่เกี่ยง”
“ดี ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะทำตามที่เจ้าปรารถนา” สิ้นเสียงเงาดำนั้นนางก็รู้สึกราวกับหมดสติไป ทุกอย่างมีเพียงสีขาวและหมอกควันที่อยู่รอบกาย
ดวงวิญญาณของกุ้ยเฟยในชุดขาวมองไปรอบกาย สายตากวาดมองหวังหาทางออกแต่ก็กลับพบแต่เพียงสีขาวและหมอกควัน มีเพียงแสงสีแดงที่ลอยอยู่ตรงหน้า
เป็นไข่มุกมังกรสีแดงเพลิงเม็ดหนึ่ง นางยกมือขึ้นไปแตะมันจากนั้นภาพ
ทุกอย่างก็ดับมืดลง
“เหนียงเหนียงเจ้าฟื้นแล้ว” ทันทีที่นางลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นกลับเป็นคนคนหนึ่ง นางเป็นสตรีวัยกลางคน ทว่า...นางเป็นใครกัน?
“พวกเราไม่มีเวลาแล้ว ต้องหนีเดี๋ยวนี้ไม่เช่นนั้นชินอ๋องจะตาม
มาทัน”
ชินอ๋อง! ชินอ๋องไหน แล้วทำไมต้องหนี “ฮูหยินรีบหนีเถอะ”
นางลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ นางมองเห็นด้านนอกถูกไฟเผาไหม้เป็นจุณและเริ่มลุกลามเข้ามา ไอร้อนผ่าวกระทบกายมาเป็นระรอกขณะที่กำลังถูกพาออกไปทางด้านหลัง เสียงดังระงมจากประตูหน้าดังพอให้นางจับใจความได้ว่ามีคนกำลังพยายามกั้นเหล่าทหารที่ต้องการจะเข้ามา
ช่างน่าเศร้าที่ตัวนางไร้เรี่ยวแรงที่จะวิ่งด้วยตนเองได้ เกิดอะไรขึ้นกัน? ร่างนี้เป็นอะไรไป?
“ลูกรัก อดทนอีกหน่อย พ้นประตูจวนไปพวกเราก็จะมีรถม้า
มารับแล้ว”
นางได้แต่นึกในใจ จะหนีได้จริง ๆ หรือ แค่แรงที่จะก้าวนางก็ยังไม่มี แล้วจะประสาอะไรกับการหนีเสียงม้าเร็วที่ด้านหลังกัน?
ดวงตาของนางมองไปทางด้านหลัง พบบุรุษบนหลังม้าสวมหน้ากากสีเงินตรงเข้ามา หรือนั่นจะเป็นชินอ๋อง...ราชาปีศาจ!
ฝีเท้าคนที่หิ้วนางเร่งเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ฝีเท้ามนุษย์คิดหรือว่าจะสู้ฝีเท้าม้า ไม่นานตัวของนางก็ลอย ถูกหิ้วขึ้นม้าพร้อมเสียงบุรุษปีศาจที่เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังด้วยเสียงแหบหยาบคาย
“ขอบใจสำหรับของบรรณาการ หากเปิ่นหวางใช้เสร็จแล้วจะส่งคืน”
นางย้อนเวลามาช่วงไหนไม่มา กลับมาตอนพบชินอ๋องพอดี ทั้งยังไม่พ้นคำว่าบรรณาการ ชีวิตช่างบัดซบสิ้นดี เขาผู้นี้เคยปล่อยให้ศัตรูมีชีวิตรอดที่ไหนกัน
เสียงหัวเราะบนฟ้าดังขึ้น “เจ้ายอมรับเองนะเหนียงไป๋”
ยอมรับบ้าบอน่ะสิ นางจะไม่ยอมให้เขาลากขึ้นเตียงเด็ดขาด!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"