สิ่งที่ได้ยินจากปลายสายคือเสียงผู้หญิงที่เธอรู้จักดี
“พี่หนานอิง พี่หยานอันกำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ ตอนนี้ยังรับสายไม่ได้ ถ้ามีอะไรบอกฉันแทนได้นะคะ!”
ชั่ววินาทีนั้น เซิงหนานอิงรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองแตกสลาย
ฟู่เสวี่ยเว่ย!
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ!
คนที่ทำให้ฟู่หยานอันทิ้งเธอ ทั้งที่กำลังจะคลอด ถึงขั้นบล็อกการติดต่อของเธอนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นน้องสาวบุญธรรมที่เติบโตมาด้วยกัน และได้รับความรักจากฟู่หยานอันราวกับสมบัติอันล้ำค่า
เซิงหนานอิงหลับตาลง ความร้อนที่ทะลักออกมาจากร่างกายคอยย้ำเตือนถึงชีวิตเล็ก ๆ ที่มีค่ามาก กำลังจะหลุดลอยไปจากเธอ เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดและเอ่ยปากอ้อนวอน
“ช่วยฉันด้วย…… ทางหลวง 257…… ช่วยลูกฉันด้วย……”
เสียงของเธอถูกตัดเป็นช่วง ๆ ด้วยเลือดที่ทะลักออกมาไม่หยุด แต่เธอยังคงพยายามเปล่งเสียงออกไป
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้รั้วกั้นด้านข้างล้มลงและกีดขวางทางหลวงทั้งสองฝั่ง รถด้านหลังไม่สามารถขับผ่านได้ ส่วนรถด้านหน้าก็ไม่สามารถเข้ามาได้ รถกู้ภัยเองก็ต้องจอดรออยู่ด้านนอก
การอนุมัติให้ใช้เฮลิคอปเตอร์นั้นยุ่งยากเกินไป แต่เซิงหนานอิงรู้ดีว่า ตระกูลฟู่มีเครื่องบินส่วนตัว หากฟู่หยานอันรีบส่งคนมาช่วยในตอนนี้ ทุกอย่างก็ยังพอมีโอกาส……
“ขอโทษนะคะพี่หนานอิง แต่วันนี้พี่หยานอันเขายุ่งอยู่กับการเตรียมงานวันเกิดให้ฉัน เขาไม่มีเวลามาจัดการเรื่องของพี่หรอกค่ะ”
เสียงของหญิงสาวดังมาตามสาย ฟังดูไร้เดียงสาแต่แฝงด้วยความโหดร้าย
“ตู๊ด ๆ ——”
แล้วสายก็ถูกตัดไปอย่างไร้ความปรานี
เซิงหนานอิงหมดแรงทรุดตัวลงกับพื้น กลิ่นน้ำมันเบนซินที่ลอยมาตามอากาศเตือนให้เธอรีบหนีโดยด่วน มิเช่นนั้นคงไม่พ้นถูกแรงระเบิดของรถยนต์เผาทั้งเป็นในไม่ช้า
ทว่าจู่ ๆ กลับกลายเป็นเธอยอมจำนนต่อโชคชะตาเสียแล้ว
ในห้วงสุดท้ายของชีวิต เธอมองย้อนกลับไปยังชีวิตวัยยี่สิบห้าปีอันแสนสั้น เธอตระหนักได้ว่าตัวเองเสียเวลาไปครึ่งหนึ่งกับการทุ่มเทให้กับผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอ
จากหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในตระกูลใหญ่ กลับกลายเป็นผู้หญิงถูกทิ้งที่ต้องคอยวิ่งไล่หาความรักอย่างไร้ค่า
เธอทุ่มทั้งกายและใจให้กับฟู่หยานอันจนทำลายตระกูลเซิงที่เคยรุ่งเรือง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาแทบไม่มีค่าอะไรเลย
เธอเหนื่อยแล้ว ไม่อยากรักใครอีกแล้ว
ชีวิตนี้นับว่าเธอมองคนผิด สุดท้ายก็ถือว่าสาสมแล้ว หากชาติหน้ามีจริง เธอจะไม่มีวันย่ำรอยเดิมเป็นแน่!
……
“คุณผู้หญิงคะ คืนนี้เป็นงานการกุศล คุณจะใส่ชุดสีชมพูนี้จริง ๆ เหรอคะ ถึงแม้ว่าคุณผู้ชาย……”
น้าจางกลืนคำพูดที่เกือบหลุดจากปากกลับไป ก่อนจะค่อย ๆ แนะนำอย่างสุภาพ “แต่ชุดนี้ค่อนข้างสั้น และดูไม่เหมาะสม ลองเลือกชุดอื่นดีไหมคะ?”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็ร้อนใจจนต้องลอบสังเกตสีหน้าของหญิงสาวที่อยู่หน้ากระจกอย่างเงียบ ๆ
จากการทำงานในตระกูลฟู่มาหลายปี น้าจางรู้ดีว่าคุณผู้หญิงของเธอรักคุณผู้ชายมาก เพื่อทำให้เขาพอใจ เธอยอมปรับทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่คุณผู้ชายชอบ ไม่ว่าจะอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ หรือรถราก็เปลี่ยนหมด
หัวใจของเซิงหนานอิงเต้นรัวเมื่อเธอมองไปยังฉากที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ
เธอไม่ได้ตายไปแล้วหรอกหรือ?
งานประมูลการกุศลที่ว่าผ่านมาตั้งสามปีแล้วไม่ใช่หรือ?
แล้วนี่มันอะไร…… หรือว่าเธอได้เกิดใหม่?!
“คุณผู้หญิง… คุณผู้หญิงคะ? !”
เสียงเรียกจากน้าจางฟังดูร้อนใจ
ดึงสติของเซิงหนานอิงกลับมาได้ทันที
“อีกแค่หนึ่งชั่วโมงคุณผู้ชายก็จะมารับแล้ว คุณผู้หญิงต้องรีบหน่อยนะคะ! ไม่อย่างงั้น ลองเป็นชุดเดรสยาวสีขาวดีไหมคะ จะได้ดูสุภาพขึ้นหน่อย……”
มุมปากของเซิงหนานอิงค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบาง พร้อมแววตาที่แน่วแน่
งานประมูลในครั้งนี้จัดขึ้นโดยตระกูลเผย ซึ่งเป็นตระกูลที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองจาวิลล์ ภายนอกเหมือนเป็นงานประมูลธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วคือโอกาสสำหรับครอบครัวชั้นสูงในการสร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลเผย
ตระกูลเผยให้ความสำคัญกับความสามัคคีในครอบครัว ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ฟู่หยานอันต้องจำใจพาเธอไปงานนี้ด้วย
ในอดีตเธอเคยอิจฉาฟู่เสวี่ยเว่ยที่ได้รับความสนใจจากฟู่หยานอันแบบหมดหัวใจ เธอจึงพยายามเลียนแบบฟู่เสวี่ยเว่ยเพื่อให้ฟู่หยานอันหันมามองบ้าง
แต่ความพยายามนั้นไม่เพียงไม่สามารถชนะใจฟู่หยานอันได้ กลับทำให้เขายิ่งรังเกียจเธอมากขึ้น
งานประมูลครั้งนั้น ฟู่หยานอันถึงกับเอาสร้อยมรกตที่เป็นสมบัติของเธอไปให้ฟู่เสวี่ยเว่ยโดยไม่บอกกล่าว ทำให้ฟู่เสวี่ยเว่ยกลายเป็นดาวเด่นของงาน
ทั้งที่เธอเป็นเจ้าของสร้อยนั่น เธอกลับกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกฟู่หยานอันตราหน้าว่าขี้อิจฉา และกลายเป็นที่หัวเราะเยาะในสังคมชั้นสูง
แต่ในชีวิตใหม่นี้ เธอจะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอกลับคืนมา!
เซิงหนานอิงคิดทบทวนความทรงจำในช่วงนี้เมื่อครั้งก่อน และพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“เปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าสีเขียวอมเทาที่สั่งตัดเมื่อครั้งก่อน เข้ากับสร้อยมรกตของฉันพอดี”
เธอเลียนแบบฟู่เสวี่ยเว่ยมานานจนเกือบลืมไปว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่เจ้าหญิงที่เอาแต่ใจสักนิด แต่คือคุณหนูจากตระกูลเซิงที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การอบรมอย่างเคร่งครัดต่างหาก
เธอเองก็น่ามืดตามัวไป ถึงได้ไปทำตัวแข่งกับเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงให้เป็นแค่เครื่องประดับของพวกเศรษฐีใหม่
น้าจางแอบกังวล “แต่ว่า คุณผู้ชายไม่ชอบให้ใส่กี่เพ้าที่ดูเป็นทางการแบบนี้นะคะ อีกทั้งสร้อยมรกตนั่น…ไม่ใช่ของขวัญแต่งงานที่คุณย่าของคุณให้หรอกเหรอคะ? งานแต่งงานคุณเองคุณยังทำใจที่จะเอามาใส่ไม่ได้อยู่เลย งานประมูลนี้จะไม่เยอะไปหน่อยเหรอคะ?”
“ฉันจะไปหยิบสร้อยเอง น้าช่วยเตรียมกี่เพ้าให้ฉันด้วยนะคะ”
เซิงหนานอิงลุกขึ้นยืน พลางสั่งราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“แล้วก็ ชุดเดรสทั้งหมดในตู้ ทิ้งไปให้หมด แล้วหาเซ็ตใหม่มาแทนด้วยนะคะ”
น้าจางได้แต่มองตามหลังเซิงหนานอิงที่เดินไปยังห้องข้างในด้วยความตกตะลึง แม้เธอจะลังเล แต่สุดท้ายก็ทำตามคำสั่ง
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ เซิงหนานอิงไม่ได้รอให้ฟู่หยานอันมารับที่หน้าบ้าน เธอขับแลมโบร์กีนีจากโรงรถตรงไปยังงานประมูลเอง
งานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นในสวนส่วนตัวริมแม่น้ำ
เซิงหนานอิงสวมกี่เพ้าสีเขียวอมเทา แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องยิ่งทำให้เธอดูงดงามดุจนางพญา
ชุดตัดพอดีตัวนั้นเสริมรูปร่างเพรียวบางของเธอได้เป็นอย่างดี เพียงมวยผมอย่างเรียบ ๆ แบบจีน และแต่งหน้าอย่างละมุนก็ทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับภาพฝันได้แล้ว
ทันทีที่เธอส่งกุญแจรถให้พนักงานรับรถ มือถือของเธอก็เริ่มส่งเสียงดัง พร้อมกับชื่อของ “ฟู่หยานอัน” ที่กระพริบอยู่บนหน้าจอ
เซิงหนานอิงแสยะยิ้มขณะกดปุ่มรับสาย ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายเกรี้ยวกราดขึ้นมา
“ใครให้เธอเอาสร้อยมรกตของคุณย่าไปใส่?”