เจียงหยุนถังที่กำลังสติฟั่นเฟือนพยายามโน้มน้าวตัวเอง แต่เสียงร้องครวญครางของผู้ชายที่ลอยเข้าหูมาเป็นครั้งคราว กลับทำให้เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า การปลอบใจตัวเองของเธอมันน่าตลกสิ้นดี
เธอคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก
น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เจียงหยุนถังเอามือปิดปากแน่น พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
เมื่อสามปีก่อน กู้สิงยวนต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอที่ไม่สนใจการเยาะเย้ยจากคนข้างกาย และยังคงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเข้ามาในตระกูลกู้ แล้วก็คอยดูแลรับใช้กู้สิงยวนมาเป็นเวลาสองปีเต็มโดยไม่บ่นเลยสักคำ เหตุผลแค่เพราะกู้สิงยวนเคยช่วยเหลือเธอเอาไว้ครั้งหนึ่งตอนที่เธอกำลังประสบปัญหา
ต่อมาเมื่อกู้สิงยวนฟื้นขึ้นมาจากการแอบรักษาในที่ลับของเธอ เขาก็จับมือเธอและบอกว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ แล้วก็จะทำดีกับเธอไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่
จวบจนตอนนี้ เจียงหยุนถังก็ยังคงลืมวันนั้นไม่ได้ เธอไม่อาจลืมแววตาที่จริงใจของกู้สิงยวนตอนที่พูดประโยคนี้ออกมาได้เลย
เธอละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขา ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อจะเป็นคุณนายกู้ที่ดี แต่แล้วสุดท้ายสิ่งที่เธอได้รับกลับมามันคืออะไร?
เจียงหยุนถังรู้สึกหัวใจสลาย จิตใต้สำนึกอยากจะให้เธอหนีออกไปจากที่แห่งนี้
ทว่าบทสนทนาที่ดังขึ้นมาในห้องอีกครั้งกลับทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักไป
“พี่ยวน วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพี่กับเจียงหยุนถัง เธอจะต้องไปรอพี่อย่างโง่ๆ อยู่ที่บ้านแน่ๆ เลย พี่ไม่ต้องกลับไปอยู่กับเธอ แต่มามีความสุขกับฉันอยู่ที่นี่ มันจะไม่ค่อยดีหรือเปล่าคะ? ถ้าหากเธอเกิดรู้ขึ้นมา……”
“กลัวอะไรล่ะ? เยว่เยว่ ผมเคยบอกไปแล้วไงว่า ในใจของผมมีที่สำหรับคุณคนเดียวเท่านั้น ส่วนเจียงหยุนถัง มีเธอไว้แค่สร้างภาพเท่านั้นแหละ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอเลยสักครั้ง!”
น้ำเสียงของกู้สิงยวนอ่อนโยนมาก แต่คำพูดของเขากลับฟังดูเย็นชาจนเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
เจียงหยุนถังกำหมัดแน่น เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว เธอจึงผลักประตูออกอย่างแรงและบุกเข้าไปทันที
“กู้สิงยวน สรุปแล้วฉันทำอะไรผิดเหรอ ทำไมคุณถึงต้องโกหกฉันด้วย!”
คำถามที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้กู้สิงยวนถึงกับสตั๊นไปเลย
เขารีบดึงเสื้อคลุมมาคลุมตัวเองและตัวของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้อย่างลนลาน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเจียงหยุนถัง แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณมาที่นี่ได้ยังไง? ผมบอกให้คุณรออยู่ที่บ้านเก่าไม่ใช่เหรอ? ”
ร่างกายของเจียงหยุนถังสั่นไหวไปมา เธอไม่คาดคิดเลยว่ากู้สิงยวนจะมีท่าทีเช่นนี้
เหอะ คงไม่อยากจะเสแสร้งแล้วล่ะสิท่า?
เธอกระตุกมุมปากขึ้นเยาะเย้ยตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว “ถ้าฉันไม่มา คุณจะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน? ”
กู้สิงยวนเงียบไป สีหน้าดูหงุดหงิดอย่างเปิดเผย
ในทางกลับกัน ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขากลับพูดกับเจียงหยุนถังขึ้นมาอย่างกลัวๆ ว่า “คุณอย่าไปโทษพี่ยวนเลยนะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าจะโทษก็โทษฉันเถอะ”
เจียงหยุนถังเหลือบตาไปมองเธอแวบหนึ่ง
ใบหน้าของเธอดูค่อนข้างคุ้นตา
เธอคือหนิงซินเยว่ คนรักในวัยเด็กของกู้สิงยวนนั่นเอง
ตอนแรกที่เธอเข้ามาในตระกูลกู้ บนโต๊ะทำงานของกู้สิงยวนมีรูปถ่ายของหนิงซินเยว่วางเอาไว้อยู่
หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน รูปถ่ายนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เจียงหยุนถังคิดว่ากู้สิงยวนคงจะปล่อยวางได้แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะโง่เอามากๆ เลยสินะ
เธอไม่ได้ตอบอะไรหนิงซินเยว่ แต่เพียงจ้องเขม็งไปที่กู้สิงยวน แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “ถ้าคุณไม่อยากใช้ชีวิตกับฉันแล้ว คุณก็แค่พูดออกมาตรงๆ เลยก็ได้นี่ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ในวันครบรอบแต่งงานของเราด้วย? ”
“เหอะ ได้!” กู้สิงยวนหัวเราะเยาะออกมาก่อนจะพูดว่า “งั้นตอนนี้พวกเราก็มาพูดกันตรงๆ ไปเลยก็แล้วกัน ผมต้องการหย่ากับคุณ เดิมทีตำแหน่งของคุณนายกู้ ควรจะต้องเป็นของเยว่เยว่เท่านั้น”
เจียงหยุนถังสบตากับสายตาที่เย็นชาของเขา เธอเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก แต่น้ำเสียงกลับยังคงสงบอย่างน่าประหลาดใจ “ได้ หย่าก็หย่า แต่ฉันต้องได้สินสมรสครึ่งหนึ่ง ห้ามขาดไปแม้แต่แดงเดียว”
กู้สิงยวนและหนิงซินเยว่มองหน้ากัน พวกเขาเห็นถึงความตกตะลึงในแววตาของกันและกันได้
เจียงหยุนถังเป็นเด็กกำพร้า แต่เธอกล้าที่จะขอส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของตระกูลกู้เนี่ยนะ?
น่าตลกสิ้นดี!
หนิงซินเยว่ก้มหน้าลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นพูดโน้มน้าวขึ้นมาด้วยความหวังดีว่า “เจียงหยุนถัง คุณนี่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลยนะ หลังแต่งงานพี่ยวนเป็นคนที่หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวมาโดยตลอด คุณมันก็แค่ภรรยาฟูลไทม์เท่านั้น ตระกูลกู้ไม่เคยเอาเปรียบอะไรคุณเลย คุณต้องให้ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันไม่ติดใช่ไหมถึงจะยอมได้น่ะ?”
“ก็แค่มือที่สาม ก็ช่างกล้าเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นอีกเนอะ?” เจียงหยุนถังพูดเย้ยหยันขึ้นมาว่า “จำเอาไว้นะว่า ฉันไม่ได้ขอความเห็นของจากพวกคุณ ฉันแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น เพราะหากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คนที่จะขายหน้ามันไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว!”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังและเดินออกไปโดยไม่ได้มองไปที่ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นอีกเลย
พอออกจากวิลล่าไปแล้ว เจียงหยุนถังก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กดเบอร์โทรของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้โทรมานานมากแล้ว
อีกฝ่ายแทบจะรับสายในทันทีเลยก็ว่าได้ อีกทั้งน้ำเสียงยังฟังดูตื่นเต้นมากจนยากที่จะเก็บอาการ “ฮัลโหล พี่ถังเหรอ? ในที่สุดพี่ก็นึกถึงผมสักทีนะ!”
“อื้ม ตอนนี้ฉันอยู่นอกวิลล่าส่วนตัวของกู้สิงยวน นายช่วยมารับฉันหน่อยสิ”
“ได้เลย ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
เพียงสิบนาทีหลังจากวางสายไป รถหรูหลายคันก็แล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง แล้วคันที่นำหน้าสุดก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเจียงหยุนถัง
เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยลงจากรถ เจียงหยุนถังก็ยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมาในทันที
เพื่อผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง เธอยอมที่จะปกปิดความสามารถของตัวเองเอาไว้ แล้วก็ใช้ชีวิตโดยรับบทเป็นผู้ที่ต้องพึ่งพาคนอื่นแทน
มันน่าตลกมาก!
แต่มาคิดได้เอาตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปหรอก!
“พี่ พี่เป็นอะไรไปเนี่ย? ร้องไห้ทำไม?”
เซี่ยหลิงซิงวิ่งเข้าไป พอเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของเจียงหยุนถังก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
พี่ถังเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ทำไมเธอถึงร้องไห้ออกมาได้ล่ะเนี่ย?
เจียงหยุนถังมีสีหน้าเรียบเฉย เธอยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าและพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันหย่ากับไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นแล้วนะ”
“หย่างั้นเหรอ?” เซี่ยหลิงซิงรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าลงมาอย่างไรอย่างนั้น ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะดึงสติกลับมาได้ หลังจากนั้นก็ยิ้มกว้างและพูดว่า “เยี่ยมไปเลย พี่ถัง ในที่สุดพี่ก็ตาสว่างสักทีนะ! ยินดีต้อนรับการกลับมาครับ ลูกพี่!”