แม่เสิ่นมองลูกสาวที่น่าสงสารในอ้อมกอดของตัวเอง ก่อนจะชำเลืองตามองไปยังเสิ่นชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นด้วยความรังเกียจ “เธอมันเป็นหัวขโมย เธอเป็นคนแย่งความรักตลอดยี่สามปีของลูกไปต่างหากล่ะ” นังชั้นต่ำที่เกิดในบ้านนอกแบบเธอ แต่กลับมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ในตระกูลเสิ่น ส่วนลูกสาวสุดที่รักของฉันกลับเผชิญกับความทุกข์ทรมานมาตั้งมากมายขนาดนั้น คนที่สมควรตายคือเธอนั่นแหละ!”
ความสะใจแวบผ่านเข้ามาในแววตาของเสิ่นซินโหรว ก่อนจะปิดซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี เผยให้เห็นถึงความน้อยใจที่พอเหมาะพอควร
เมื่อตะกี้นี้เธอจงใจปาแก้วแตกที่ชั้นล่าง เศษแก้วบาดหน้าด้านข้างของเธอจนเป็นแผล ยัดเยียดความผิดให้กับเสิ่นชิง พ่อแม่แท้ๆ ของเธอก็ตัดสินแล้วว่า เสิ่นชิงเป็นคนรังแกเธอโดยที่ไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เปิดโอกาสให้เสิ่นชิงได้โต้แย้งอะไรเลยสักนิด
เธอจะขับไล่เสิ่นชิงออกไปซะ
เสิ่นชิงเข้ามาบุกรุกครอบครัวของคนอื่นแบบนี้ แถมยังไม่ใช่ลูกสาวในสายเลือดที่แสร้งทำตัวเป็นสูงส่งอีก เธอเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยงอยู่ไม่น้อย
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นซินโหรวก็มองใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ของเสิ่นชิง เริ่มรู้สึกมั่นใจในการกระทำของตัวเองมากขึ้น
พ่อเสิ่นเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน สีหน้ารังเกียจ “คิดไม่ถึงว่าความคิดของแกจะชั่วร้ายถึงขนาดที่คิดจะทำให้น้องสาวต้องเสียโฉมขนาดนี้! คนนิสัยแบบแกไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่เมืองหรงอีกต่อไป เมื่อตะกี้นี้ฉันแจ้งพ่อแม่แท้ๆ ของแกแล้วว่าให้มารับตัวแกไป ตอนนี้แกรีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวกลับหมู่บ้านหยุนซีไปซะ”
เดิมทีพ่อเสิ่นคิดที่จะให้เสิ่นชิงอยู่ต่อ ถึงยังไงก็เลี้ยงดูมาตั้งยี่สิบสามปี แต่งงานกับหยุนถิงไม่ได้ ก็ยังแต่งงานกับผู้ชายที่เคยหย่ามาก่อนได้อยู่ เพื่อที่ตระกูลเสิ่นจะได้ดึงพันธมิตรมาทำความร่วมมือด้วยกันได้
เพียงแต่ช่วงนี้เสิ่นชิงเอาแต่ทำร้ายเสิ่นซินโหรวอยู่ตลอดเวลา
เขาพาเธอออกไปนัดเดท ก็ถูกเธอทำพังทุกครั้ง ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง
ในเมื่อเสิ่นชิงไม่มีประโยชน์แล้ว พ่อเสิ่นก็จะไม่เลี้ยงดูเธอให้สิ้นเปลืองอีกต่อไป
เสิ่นชิงก้มหน้าลง แววตาเยาะเย้ย
ช่วงนี้เธอเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนตระกูลเสิ่นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
เมื่อหลายปีก่อนตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองหรง
สองปีก่อน พ่อเสิ่นเกิดป่วยขึ้นมา จำเป็นต้องให้เสิ่นชิงบริจาคเลือด แล้วก็เป็นครั้งนั้นเองที่ตระกูลเสิ่นพบว่ากรุ๊ปเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปเลือดRHที่หาได้ยาก ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเสิ่น
ตระกูลเสิ่นรีบใช้เส้นสายความสัมพันธ์ทั้งหมดตามหาเสิ่นซินโหรวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเสิ่นจนเจอ
โรงพยาบาลที่แม่เสิ่นคลอดในตอนนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เพื่อที่จะช่วยเหลือชีวิตคน นางพยาบาลจึงนำเด็กทารกทั้งหมดออกจากตู้อบเด็กทารกแรกเกิด เนื่องจากความประมาทเลินเล่อ ทำให้เด็กหลายคนต้องปะปนกันไป
แม่เสิ่นอุ้มเสิ่นชิงกลับไป ส่วนเสิ่นซินโหรวกลับถูกสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ทำงานโรงงานรับไป
หลังจากที่สูญเสียและได้กลับมาอีกครั้ง คนตระกูลเสิ่นก็เลี้ยงดูและประคบประหงมเสิ่นซินโหรวอย่างดีที่สุด
โดยเฉพาะแม่เสิ่น รู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่เสิ่นซินโหรวต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ข้างนอกมาเป็นเวลาหลายปี ถึงขนาดเอาความทุกข์ยากที่เสิ่นซินโหรวต้องเผชิญตลอดหลายปีมานี้นั้น โทษที่เสิ่นชิงไปทั้งหมดด้วย
ส่วนลูกสาวตัวปลอมคนนี้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว จึงถูกไล่ออกไปจากตระกูลทันที
ว่ากันว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเป็นเกษตรกรในหมู่บ้านหยุนซี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดของเมืองหรง
เสิ่นซินโหรวจ้องมองเสิ่นชิงอย่างใสซื่อไร้เดียงสา “พี่ไม่อยากกลับบ้านนอกใช่ไหม แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ คนเราต่างก็มุ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตรายกันทั้งนั้น ถึงยังไงตระกูลเสิ่นก็เป็นตระกูลร่ำรวยของเมืองหรง พี่อยู่อย่างสุขสบายที่ตระกูลเสิ่น แต่พ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองกลับเป็นชาวนายากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินด้วยซ้ำ มันเหลื่อมล้ำกันมากจริงๆ ”
ภายในใจของเสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทของตระกูลเสิ่นก็คงจะไม่มีวันนี้ได้
“เหอะ...”
เสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อตระกูลนี้เลย เธอหันหลังเดินขึ้นไปข้างบน และเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองบางส่วน
ตอนที่ลงมาชั้นล่างอีกครั้ง รอยแผลขนาดใหญ่ที่นิ้วของเสิ่นซินโหรวก็ได้รับการพันแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย อาจจะหายดีแล้วก็ได้
“พี่” เสิ่นซินโหรวแสร้งทำเป็นพูดขึ้นด้วยความรู้สึกของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “เดือนหน้าเป็นงานหมั้นของฉันกับพี่หยุนถิง ถึงแม้ว่าพี่จะกลับไปบ้านนอกแล้ว แต่ฉันก็หวังว่าพี่จะมาร่วมงานได้นะ”
หยุนถิงเป็นคนรักตั้งแต่สมัยเด็กของเสิ่นชิง ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังได้หมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว ทว่าตั้งแต่ที่เสิ่นซินโหรวถูกพากลับมา หยุนถิงก็เปลี่ยนท่าทีในวันนั้นไปทันที เขาหันไปปฏิบัติตัวและพูดจาอ่อนโยนกับเสิ่นซินโหรวแทน
ขยะที่ทำตัวไม่เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ เสิ่นชิงไม่แม้แต่จะชายตามองเลยสักนิด
แต่เสิ่นซินโหรวยังคงพูดบีบเสียงขึ้นต่อ “แต่ว่าพี่หยุนถิงกับพี่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขากลับมาหมั้นกับฉัน พี่คงจะไม่เสียใจใช่ไหม?”
เสิ่นชิงหันหลังให้กับเสิ่นซินโหรว รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาบ้างแล้ว
เสิ่นชิงหันหลังไปมองเธออย่างดูถูกดูแคลน “ทุกวันนี้ยังมีคนคิดจะแย่งขยะแบบนี้อยู่อีกเหรอ ถ้าเธอชอบก็เอาไปเลย ฉันไม่มีนิสัยชอบเก็บขยะอยู่แล้ว เธอมารีไซเคิลให้ถึงที่แบบนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงคัดแยกขยะ”
“นี่แก...” เสิ่นซินโหรวกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห ก่อนจะหวนนึกถึงเรื่องที่จะลงมือทำ “แม่คะ พี่พูดออกมาด้วยความโกรธแบบนี้ เธอยังอยากจะอยู่ด้วยกันกับพี่หยุนถิงอยู่ใช่ไหม”