เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
“เสิ่นชิง ตระกูลเสิ่นของพวกเราเลี้ยงดูแกมาตั้งยี่สิบสามปี ไม่คิดเลยว่าจะเลี้ยงคนเนรคุณแบบแก วันนี้แกไสหัวกลับไปที่บ้านนอก ไปหาพ่อแม่แท้ๆ ของแกซะ!”
ตรงหน้าของเสิ่นชิงมีคุณนายผู้ร่ำรวยในชุดกี่เพ้า สองมือซ้ายขวาข้างหนึ่งสวมกำไลทองข้างหนึ่งสวมกำไลหยก กำลังจ้องมองเธอด้วยความรังเกียจ
คุณนายคนนี้เป็นแม่ที่เสิ่นชิงเรียกมายี่สิบสามปี ส่วนในอ้อมแขนของคุณนายคนนี้ก็กำลังโอบกอดสาวน้อยที่มีหน้าตาคล้ายกันกับเธอ
“แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่คงจะไม่ได้ตั้งใจ เธอเพียงแค่รับไม่ได้ที่ฉันแย่งความรักของพ่อแม่ไปถึงได้ทำแบบนี้ แม่อย่าไปโทษพี่เลยนะ...”
แม่เสิ่นมองลูกสาวที่น่าสงสารในอ้อมกอดของตัวเอง ก่อนจะชำเลืองตามองไปยังเสิ่นชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นด้วยความรังเกียจ “เธอมันเป็นหัวขโมย เธอเป็นคนแย่งความรักตลอดยี่สามปีของลูกไปต่างหากล่ะ” นังชั้นต่ำที่เกิดในบ้านนอกแบบเธอ แต่กลับมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ในตระกูลเสิ่น ส่วนลูกสาวสุดที่รักของฉันกลับเผชิญกับความทุกข์ทรมานมาตั้งมากมายขนาดนั้น คนที่สมควรตายคือเธอนั่นแหละ!”
ความสะใจแวบผ่านเข้ามาในแววตาของเสิ่นซินโหรว ก่อนจะปิดซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี เผยให้เห็นถึงความน้อยใจที่พอเหมาะพอควร
เมื่อตะกี้นี้เธอจงใจปาแก้วแตกที่ชั้นล่าง เศษแก้วบาดหน้าด้านข้างของเธอจนเป็นแผล ยัดเยียดความผิดให้กับเสิ่นชิง พ่อแม่แท้ๆ ของเธอก็ตัดสินแล้วว่า เสิ่นชิงเป็นคนรังแกเธอโดยที่ไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เปิดโอกาสให้เสิ่นชิงได้โต้แย้งอะไรเลยสักนิด
เธอจะขับไล่เสิ่นชิงออกไปซะ
เสิ่นชิงเข้ามาบุกรุกครอบครัวของคนอื่นแบบนี้ แถมยังไม่ใช่ลูกสาวในสายเลือดที่แสร้งทำตัวเป็นสูงส่งอีก เธอเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยงอยู่ไม่น้อย
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นซินโหรวก็มองใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ของเสิ่นชิง เริ่มรู้สึกมั่นใจในการกระทำของตัวเองมากขึ้น
พ่อเสิ่นเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน สีหน้ารังเกียจ “คิดไม่ถึงว่าความคิดของแกจะชั่วร้ายถึงขนาดที่คิดจะทำให้น้องสาวต้องเสียโฉมขนาดนี้! คนนิสัยแบบแกไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่เมืองหรงอีกต่อไป เมื่อตะกี้นี้ฉันแจ้งพ่อแม่แท้ๆ ของแกแล้วว่าให้มารับตัวแกไป ตอนนี้แกรีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวกลับหมู่บ้านหยุนซีไปซะ”
เดิมทีพ่อเสิ่นคิดที่จะให้เสิ่นชิงอยู่ต่อ ถึงยังไงก็เลี้ยงดูมาตั้งยี่สิบสามปี แต่งงานกับหยุนถิงไม่ได้ ก็ยังแต่งงานกับผู้ชายที่เคยหย่ามาก่อนได้อยู่ เพื่อที่ตระกูลเสิ่นจะได้ดึงพันธมิตรมาทำความร่วมมือด้วยกันได้
เพียงแต่ช่วงนี้เสิ่นชิงเอาแต่ทำร้ายเสิ่นซินโหรวอยู่ตลอดเวลา
เขาพาเธอออกไปนัดเดท ก็ถูกเธอทำพังทุกครั้ง ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง
ในเมื่อเสิ่นชิงไม่มีประโยชน์แล้ว พ่อเสิ่นก็จะไม่เลี้ยงดูเธอให้สิ้นเปลืองอีกต่อไป
เสิ่นชิงก้มหน้าลง แววตาเยาะเย้ย
ช่วงนี้เธอเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนตระกูลเสิ่นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
เมื่อหลายปีก่อนตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองหรง
สองปีก่อน พ่อเสิ่นเกิดป่วยขึ้นมา จำเป็นต้องให้เสิ่นชิงบริจาคเลือด แล้วก็เป็นครั้งนั้นเองที่ตระกูลเสิ่นพบว่ากรุ๊ปเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปเลือดRHที่หาได้ยาก ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเสิ่น
ตระกูลเสิ่นรีบใช้เส้นสายความสัมพันธ์ทั้งหมดตามหาเสิ่นซินโหรวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเสิ่นจนเจอ
โรงพยาบาลที่แม่เสิ่นคลอดในตอนนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เพื่อที่จะช่วยเหลือชีวิตคน นางพยาบาลจึงนำเด็กทารกทั้งหมดออกจากตู้อบเด็กทารกแรกเกิด เนื่องจากความประมาทเลินเล่อ ทำให้เด็กหลายคนต้องปะปนกันไป
แม่เสิ่นอุ้มเสิ่นชิงกลับไป ส่วนเสิ่นซินโหรวกลับถูกสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ทำงานโรงงานรับไป
หลังจากที่สูญเสียและได้กลับมาอีกครั้ง คนตระกูลเสิ่นก็เลี้ยงดูและประคบประหงมเสิ่นซินโหรวอย่างดีที่สุด
โดยเฉพาะแม่เสิ่น รู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่เสิ่นซินโหรวต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ข้างนอกมาเป็นเวลาหลายปี ถึงขนาดเอาความทุกข์ยากที่เสิ่นซินโหรวต้องเผชิญตลอดหลายปีมานี้นั้น โทษที่เสิ่นชิงไปทั้งหมดด้วย
ส่วนลูกสาวตัวปลอมคนนี้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว จึงถูกไล่ออกไปจากตระกูลทันที
ว่ากันว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเป็นเกษตรกรในหมู่บ้านหยุนซี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดของเมืองหรง
เสิ่นซินโหรวจ้องมองเสิ่นชิงอย่างใสซื่อไร้เดียงสา “พี่ไม่อยากกลับบ้านนอกใช่ไหม แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ คนเราต่างก็มุ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตรายกันทั้งนั้น ถึงยังไงตระกูลเสิ่นก็เป็นตระกูลร่ำรวยของเมืองหรง พี่อยู่อย่างสุขสบายที่ตระกูลเสิ่น แต่พ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองกลับเป็นชาวนายากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินด้วยซ้ำ มันเหลื่อมล้ำกันมากจริงๆ ”
ภายในใจของเสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทของตระกูลเสิ่นก็คงจะไม่มีวันนี้ได้
“เหอะ...”
เสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อตระกูลนี้เลย เธอหันหลังเดินขึ้นไปข้างบน และเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองบางส่วน
ตอนที่ลงมาชั้นล่างอีกครั้ง รอยแผลขนาดใหญ่ที่นิ้วของเสิ่นซินโหรวก็ได้รับการพันแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย อาจจะหายดีแล้วก็ได้
“พี่” เสิ่นซินโหรวแสร้งทำเป็นพูดขึ้นด้วยความรู้สึกของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “เดือนหน้าเป็นงานหมั้นของฉันกับพี่หยุนถิง ถึงแม้ว่าพี่จะกลับไปบ้านนอกแล้ว แต่ฉันก็หวังว่าพี่จะมาร่วมงานได้นะ”
หยุนถิงเป็นคนรักตั้งแต่สมัยเด็กของเสิ่นชิง ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังได้หมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว ทว่าตั้งแต่ที่เสิ่นซินโหรวถูกพากลับมา หยุนถิงก็เปลี่ยนท่าทีในวันนั้นไปทันที เขาหันไปปฏิบัติตัวและพูดจาอ่อนโยนกับเสิ่นซินโหรวแทน
ขยะที่ทำตัวไม่เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ เสิ่นชิงไม่แม้แต่จะชายตามองเลยสักนิด
แต่เสิ่นซินโหรวยังคงพูดบีบเสียงขึ้นต่อ “แต่ว่าพี่หยุนถิงกับพี่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขากลับมาหมั้นกับฉัน พี่คงจะไม่เสียใจใช่ไหม?”
เสิ่นชิงหันหลังให้กับเสิ่นซินโหรว รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาบ้างแล้ว
เสิ่นชิงหันหลังไปมองเธออย่างดูถูกดูแคลน “ทุกวันนี้ยังมีคนคิดจะแย่งขยะแบบนี้อยู่อีกเหรอ ถ้าเธอชอบก็เอาไปเลย ฉันไม่มีนิสัยชอบเก็บขยะอยู่แล้ว เธอมารีไซเคิลให้ถึงที่แบบนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงคัดแยกขยะ”
“นี่แก...” เสิ่นซินโหรวกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห ก่อนจะหวนนึกถึงเรื่องที่จะลงมือทำ “แม่คะ พี่พูดออกมาด้วยความโกรธแบบนี้ เธอยังอยากจะอยู่ด้วยกันกับพี่หยุนถิงอยู่ใช่ไหม”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่