เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
“เสิ่นชิง ตระกูลเสิ่นของพวกเราเลี้ยงดูแกมาตั้งยี่สิบสามปี ไม่คิดเลยว่าจะเลี้ยงคนเนรคุณแบบแก วันนี้แกไสหัวกลับไปที่บ้านนอก ไปหาพ่อแม่แท้ๆ ของแกซะ!”
ตรงหน้าของเสิ่นชิงมีคุณนายผู้ร่ำรวยในชุดกี่เพ้า สองมือซ้ายขวาข้างหนึ่งสวมกำไลทองข้างหนึ่งสวมกำไลหยก กำลังจ้องมองเธอด้วยความรังเกียจ
คุณนายคนนี้เป็นแม่ที่เสิ่นชิงเรียกมายี่สิบสามปี ส่วนในอ้อมแขนของคุณนายคนนี้ก็กำลังโอบกอดสาวน้อยที่มีหน้าตาคล้ายกันกับเธอ
“แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่คงจะไม่ได้ตั้งใจ เธอเพียงแค่รับไม่ได้ที่ฉันแย่งความรักของพ่อแม่ไปถึงได้ทำแบบนี้ แม่อย่าไปโทษพี่เลยนะ...”
แม่เสิ่นมองลูกสาวที่น่าสงสารในอ้อมกอดของตัวเอง ก่อนจะชำเลืองตามองไปยังเสิ่นชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นด้วยความรังเกียจ “เธอมันเป็นหัวขโมย เธอเป็นคนแย่งความรักตลอดยี่สามปีของลูกไปต่างหากล่ะ” นังชั้นต่ำที่เกิดในบ้านนอกแบบเธอ แต่กลับมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ในตระกูลเสิ่น ส่วนลูกสาวสุดที่รักของฉันกลับเผชิญกับความทุกข์ทรมานมาตั้งมากมายขนาดนั้น คนที่สมควรตายคือเธอนั่นแหละ!”
ความสะใจแวบผ่านเข้ามาในแววตาของเสิ่นซินโหรว ก่อนจะปิดซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี เผยให้เห็นถึงความน้อยใจที่พอเหมาะพอควร
เมื่อตะกี้นี้เธอจงใจปาแก้วแตกที่ชั้นล่าง เศษแก้วบาดหน้าด้านข้างของเธอจนเป็นแผล ยัดเยียดความผิดให้กับเสิ่นชิง พ่อแม่แท้ๆ ของเธอก็ตัดสินแล้วว่า เสิ่นชิงเป็นคนรังแกเธอโดยที่ไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เปิดโอกาสให้เสิ่นชิงได้โต้แย้งอะไรเลยสักนิด
เธอจะขับไล่เสิ่นชิงออกไปซะ
เสิ่นชิงเข้ามาบุกรุกครอบครัวของคนอื่นแบบนี้ แถมยังไม่ใช่ลูกสาวในสายเลือดที่แสร้งทำตัวเป็นสูงส่งอีก เธอเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยงอยู่ไม่น้อย
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นซินโหรวก็มองใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ของเสิ่นชิง เริ่มรู้สึกมั่นใจในการกระทำของตัวเองมากขึ้น
พ่อเสิ่นเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน สีหน้ารังเกียจ “คิดไม่ถึงว่าความคิดของแกจะชั่วร้ายถึงขนาดที่คิดจะทำให้น้องสาวต้องเสียโฉมขนาดนี้! คนนิสัยแบบแกไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่เมืองหรงอีกต่อไป เมื่อตะกี้นี้ฉันแจ้งพ่อแม่แท้ๆ ของแกแล้วว่าให้มารับตัวแกไป ตอนนี้แกรีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวกลับหมู่บ้านหยุนซีไปซะ”
เดิมทีพ่อเสิ่นคิดที่จะให้เสิ่นชิงอยู่ต่อ ถึงยังไงก็เลี้ยงดูมาตั้งยี่สิบสามปี แต่งงานกับหยุนถิงไม่ได้ ก็ยังแต่งงานกับผู้ชายที่เคยหย่ามาก่อนได้อยู่ เพื่อที่ตระกูลเสิ่นจะได้ดึงพันธมิตรมาทำความร่วมมือด้วยกันได้
เพียงแต่ช่วงนี้เสิ่นชิงเอาแต่ทำร้ายเสิ่นซินโหรวอยู่ตลอดเวลา
เขาพาเธอออกไปนัดเดท ก็ถูกเธอทำพังทุกครั้ง ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง
ในเมื่อเสิ่นชิงไม่มีประโยชน์แล้ว พ่อเสิ่นก็จะไม่เลี้ยงดูเธอให้สิ้นเปลืองอีกต่อไป
เสิ่นชิงก้มหน้าลง แววตาเยาะเย้ย
ช่วงนี้เธอเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนตระกูลเสิ่นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
เมื่อหลายปีก่อนตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองหรง
สองปีก่อน พ่อเสิ่นเกิดป่วยขึ้นมา จำเป็นต้องให้เสิ่นชิงบริจาคเลือด แล้วก็เป็นครั้งนั้นเองที่ตระกูลเสิ่นพบว่ากรุ๊ปเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปเลือดRHที่หาได้ยาก ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเสิ่น
ตระกูลเสิ่นรีบใช้เส้นสายความสัมพันธ์ทั้งหมดตามหาเสิ่นซินโหรวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเสิ่นจนเจอ
โรงพยาบาลที่แม่เสิ่นคลอดในตอนนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เพื่อที่จะช่วยเหลือชีวิตคน นางพยาบาลจึงนำเด็กทารกทั้งหมดออกจากตู้อบเด็กทารกแรกเกิด เนื่องจากความประมาทเลินเล่อ ทำให้เด็กหลายคนต้องปะปนกันไป
แม่เสิ่นอุ้มเสิ่นชิงกลับไป ส่วนเสิ่นซินโหรวกลับถูกสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ทำงานโรงงานรับไป
หลังจากที่สูญเสียและได้กลับมาอีกครั้ง คนตระกูลเสิ่นก็เลี้ยงดูและประคบประหงมเสิ่นซินโหรวอย่างดีที่สุด
โดยเฉพาะแม่เสิ่น รู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่เสิ่นซินโหรวต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ข้างนอกมาเป็นเวลาหลายปี ถึงขนาดเอาความทุกข์ยากที่เสิ่นซินโหรวต้องเผชิญตลอดหลายปีมานี้นั้น โทษที่เสิ่นชิงไปทั้งหมดด้วย
ส่วนลูกสาวตัวปลอมคนนี้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว จึงถูกไล่ออกไปจากตระกูลทันที
ว่ากันว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเป็นเกษตรกรในหมู่บ้านหยุนซี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดของเมืองหรง
เสิ่นซินโหรวจ้องมองเสิ่นชิงอย่างใสซื่อไร้เดียงสา “พี่ไม่อยากกลับบ้านนอกใช่ไหม แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ คนเราต่างก็มุ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตรายกันทั้งนั้น ถึงยังไงตระกูลเสิ่นก็เป็นตระกูลร่ำรวยของเมืองหรง พี่อยู่อย่างสุขสบายที่ตระกูลเสิ่น แต่พ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองกลับเป็นชาวนายากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินด้วยซ้ำ มันเหลื่อมล้ำกันมากจริงๆ ”
ภายในใจของเสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทของตระกูลเสิ่นก็คงจะไม่มีวันนี้ได้
“เหอะ...”
เสิ่นชิงไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อตระกูลนี้เลย เธอหันหลังเดินขึ้นไปข้างบน และเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองบางส่วน
ตอนที่ลงมาชั้นล่างอีกครั้ง รอยแผลขนาดใหญ่ที่นิ้วของเสิ่นซินโหรวก็ได้รับการพันแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย อาจจะหายดีแล้วก็ได้
“พี่” เสิ่นซินโหรวแสร้งทำเป็นพูดขึ้นด้วยความรู้สึกของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “เดือนหน้าเป็นงานหมั้นของฉันกับพี่หยุนถิง ถึงแม้ว่าพี่จะกลับไปบ้านนอกแล้ว แต่ฉันก็หวังว่าพี่จะมาร่วมงานได้นะ”
หยุนถิงเป็นคนรักตั้งแต่สมัยเด็กของเสิ่นชิง ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังได้หมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว ทว่าตั้งแต่ที่เสิ่นซินโหรวถูกพากลับมา หยุนถิงก็เปลี่ยนท่าทีในวันนั้นไปทันที เขาหันไปปฏิบัติตัวและพูดจาอ่อนโยนกับเสิ่นซินโหรวแทน
ขยะที่ทำตัวไม่เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ เสิ่นชิงไม่แม้แต่จะชายตามองเลยสักนิด
แต่เสิ่นซินโหรวยังคงพูดบีบเสียงขึ้นต่อ “แต่ว่าพี่หยุนถิงกับพี่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขากลับมาหมั้นกับฉัน พี่คงจะไม่เสียใจใช่ไหม?”
เสิ่นชิงหันหลังให้กับเสิ่นซินโหรว รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาบ้างแล้ว
เสิ่นชิงหันหลังไปมองเธออย่างดูถูกดูแคลน “ทุกวันนี้ยังมีคนคิดจะแย่งขยะแบบนี้อยู่อีกเหรอ ถ้าเธอชอบก็เอาไปเลย ฉันไม่มีนิสัยชอบเก็บขยะอยู่แล้ว เธอมารีไซเคิลให้ถึงที่แบบนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงคัดแยกขยะ”
“นี่แก...” เสิ่นซินโหรวกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห ก่อนจะหวนนึกถึงเรื่องที่จะลงมือทำ “แม่คะ พี่พูดออกมาด้วยความโกรธแบบนี้ เธอยังอยากจะอยู่ด้วยกันกับพี่หยุนถิงอยู่ใช่ไหม”
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ