หนึ่งคนที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟบนเวทีห้อมล้อมไปด้วยแฟนคลับ หนึ่งคนผู้อยู่เบื้องหลังโชว์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ใครจะรู้ว่าหลังเวทีนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง > เรื่องราวของคีย์ หนุ่มโปรดิวเซอร์มือทองที่ต้องการจะไปยืนบนเวทีในฐานะศิลปินสักครั้ง กับ เนย์ น้องชายคนสนิทในวัยเด็กที่กำลังทำตามความฝันของตัวเองด้วยการเป็นสเตจเมเนเจอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังคอนเสิร์ตของศิลปินมากหน้าหลายตา เมื่อทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันและได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ก็เกิดเป็นความรัก แล้วทั้งสองคนจะทำยังไงในเมื่อคีย์คือศิลปินอยู่ในแสงไฟส่วนเนย์อยู่ในเงามืดคอยซัพพอร์ตคนรัก แฟนคลับและสังคมจะยอมรับความรักของศิลปินได้หรือไม่ ต้องติดตาม ! -------- ในเล่มมีตอนพิเศษทั้งหมด 5 ตอน 1. รางวัลของหยาดเหงื่อ 2. สัมภาษณ์คู่รัก 3. งานแต่งของเรา 4. ฮันนีมูน 5. อัปเดตชีวิต
Intro
คอนโดหรูใจกลางเมือง
“วันนี้ผมไปทำงานนะครับ พี่ไม่ต้องรอนะ” เนย์หันมาบอกคู่หมั้นหนุ่มของตนก่อนจะออกจากห้อง วันนี้เขาต้องเข้าดูซ้อมละครเวทีและคงต้องอยู่ดูเซทอัพฉากต่อเลย
“อืม ดูแลตัวเองถ้าพี่ซ้อมเสร็จเร็วอาจจะไปหา” ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนบอก
“ไม่ต้องแวะเข้าไปหรอกครับ กว่าพี่จะซ้อมเสร็จก็ดึกแล้วรีบกลับมานอนเถอะ” เนย์บอก เขารู้ว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้เลิกซ้อมเร็ว เพราะใกล้ที่จะได้เดบิวต์แล้วทำให้ยิ่งต้องซ้อมหนักมากขึ้น ยังดีที่ช่วงนี้บริษัทอนุญาตให้กลับมาพักที่บ้านได้หนึ่งสัปดาห์ ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้เจอหน้ากัน
“แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพี่จะต้องไปอยู่ที่หอแล้วนะ”
“พี่ไปอยู่หอ ผมก็เข้าเทคฯวีค (Technical Week) พอดีครับ ถึงพี่อยู่ผมก็ไม่ได้อยู่ จุ๊ฟ ไม่ต้องหน้างอเลยครับ เราแค่มีหน้าที่ต้องทำ เดี๋ยวเสร็จงานก็ได้เจอแล้ว ซ้อมวันนี้สู้ ๆ นะครับ”
“ถ้าจะกลับก็บอกพี่สิทธิให้เข้าไปรับนะ ห้ามกลับเอง” คีย์มอง คนตรงหน้ามากกว่าที่เลิกดึก
“ไปแล้วนะครับ” เนย์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบเป้สีดำขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกจากห้องไป
“เฮ้อ ยังไม่หายคิดถึงเลย”
คีย์ถอนหายใจก่อนจะเดินกลับเข้าห้องเพื่อเตรียมของและออกไปบ้าง
เขาเป็นเด็กฝึกของค่ายเพลงที่กำลังจะได้เดบิวต์ จริง ๆ แล้วเขากับคนอื่น ๆ ในวงจะต้องพักที่หอของบริษัทแต่ช่วงนี้ช่างเข้ามาจัดการซ่อมและปรับปรุงอะไรหลายอย่าง เลยได้กลับบ้านกันหลายวัน ส่วนน้อง ๆ คนอื่นในวงที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดทางบริษัทก็จัดหาโรงแรมให้อยู่ชั่วคราว
“เนย์! มาพอดีเลย ช่วยดูตรงนี้หน่อยค่ะ เหมือนว่าทรานสิชันจะแปลก ๆ” เนย์เดินเข้ามาภายในห้องซ้อมขนาดใหญ่ที่ด้านหลังโรงละคร
“สวัสดีทุกคนครับ” เนย์โค้งให้กับทีมงานและนักแสดงที่มาถึงก่อนแล้วอย่างอ่อนน้อม
“อ๋อ ตรงนี้เมื่อวานมีปรับนิดหน่อยครับ จากเดิมที่ต้องเข้าออกจากฝั่ง SL (Stage Left) มาเป็น SR (Stage Right) เพราะว่าซีนถัดไปจะได้ออกพร้อมกับฉากเลย ผมมาช้าเลยยังไม่ทันได้บอกขอโทษด้วยครับ”
“เอ้ย ขอโทษพี่ทำไม พี่สิต้องขอโทษเรา เพราะเมื่อวานพี่ลาเราเลยต้องเข้ามาจดคิวแทนแล้วคืนนี้ยังต้องอยู่ดูเซตอัพอีก”
“สบายครับ” ผมยิ้มให้พี่หวานก่อนจะอัปเดตคิวและบล็อกกิ้งที่มีการเปลี่ยนแปลงให้ เมื่อแน่ใจว่าครบหมดแล้วก็หยิบแฟ้มพร้อมกับอุปกรณ์เซฟตี้ในกระเป๋าออกมาใส่
“จะไปดูเวทีแล้วใช่มั้ย กินข้าวมายัง ข้าวกองมาแล้วนะ พี่ให้เขาสั่งเผื่อทีมเซตอัพด้วย มื้อดึกจะมาอีกทีตอนสี่ทุ่ม”
“ขอบคุณครับ ผมทานมาแล้ว ถ้ามีอะไรโทรเรียกได้เลยนะครับ ผมเดินอยู่แถว ๆ นี้”
เขาเดินออกจากห้องซ้อมพร้อมกับหยิบหมวกนิรภัยและเสื้อเรืองแสงขึ้นมาใส่ก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนเวทีที่มีการเซตอัพอยู่
“เนย์ มาแล้วหรอ ทำไมมาเร็วล่ะ ยังไม่สี่โมงเลย” เนย์เดินเข้ามาตอนที่บาร์แขวนฉากกำลังถูกดึงขึ้นไป เจ้าตัวรอจนทีมให้สัญญาณว่าปลอดภัยจึงเดินเข้ามา
“เมื่อวานมาจดคิวแทนน่ะพี่พจน์ วันนี้เลยต้องเอาคิวมาให้เขาซ้อมต่อ ทางนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“สบาย นี่เหลือแค่แขวนฉากให้เสร็จ ไม่เกินเที่ยงคืนก็ให้ทีมไฟเข้าได้แล้ว เหลือฉากใหญ่ไม่กี่ฉากที่ยังต้องทำสี แต่เสร็จทันให้ทีมไฟเซตแสงก่อนนักแสดงเข้ามาแน่นอน”
“โอเคครับ แต่ทีมไฟคงเข้ามาดูกับเอาของมาลงไว้ก่อน น่าจะเข้ามาแขวนไฟพรุ่งนี้”
“เออดีแล้ว จะได้กลับไปพักผ่อนกัน นี่ดีนะได้เนย์มาคุมถ้าเป็นทีมอื่นนะ ตาย มีเวลาให้เซ็ตอัพสามวันรวมหมด ฉากไฟเสียง แล้วจะขอเข้ามารันกับฉากเลย พี่จะบ้า เจอแบบนั้นนะไม่อยากรับงาน ทีมเหนื่อยตาย”
“เราก็ต้องพยายามทำให้วงการมันเปลี่ยนพี่ ขืนยอมแบบนั้นตลอดมาตรฐานยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ อีกอย่างถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ไม่รับแน่ ๆ แค่เซตอัพก็เหนื่อยแล้วจะเอาแรงที่ไหนมารันคิวอีก”
“นี่ดีนะ ผู้กำกับ อาร์ตได (Art Drirector) กับทีมรู้จักกันหมด เลยทำงานง่าย คุยสบาย”
เนย์พยักหน้า ประชุมทีมครั้งแรกนี่ยิ้มหวานเลย คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ทำงานด้วยกันมาหลายครั้งรู้ใจกันหมด
“พี่คีย์! มาแล้วหรอครับ ผมกับพี่ไทกำลังวอร์มพอดีเลย” เสียงทักดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องซ้อมเต้นขนาดเล็กหากเทียบกับบริษัทค่ายเพลงและวงอื่น ๆ แน่ล่ะพวกเขายังเป็นแค่เด็กฝึกนี่นะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทางค่ายจะปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ต้องบอกว่าค่ายค่อนข้างให้ความเท่าเทียมกับทุก ๆ วงเท่ากัน พวกเขาเองหากเดบิวต์เมื่อไหร่ก็จะได้ห้องซ้อมส่วนตัวที่ไม่ต้องแย่งกับเด็กฝึกชุดอื่น ๆ
“ไง มากันเร็วนะ กินข้าวกันหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ พวกผมไปกินที่ร้านข้างตึกมา”
“อืมงั้นเดี๋ยวพี่กินข้าวก่อน” คีย์หยิบกล่องข้าวในกระเป๋าออกมาเปิดแล้วนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่มุมของห้อง
“โห ที่บ้านทำข้าวกล่องมาให้ด้วยหรอครับน่ากินสุด ๆ”
คีย์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ จะให้บอกว่าอะไร คู่หมั้นเป็นคนทำหรอ สองคนนี้ได้ตกใจตาย
หลังจัดการอาหารเสร็จสมาชิกคนอื่น ๆ ในวงก็ค่อย ๆ ทยอยกันมาจนครบ
วงมีกัน 7 คน ตัวเขาเป็นพี่โตสุด ส่วนสมาชิกในวงก็จะมี ไท ปิ่น เอ เจค กล้า และ วิน ไล่ตามอายุ พวกเขาเป็นเด็กฝึกของค่ายที่ผ่านด่านทดสอบสุดหินของกรรมการจนได้รวมวงเพื่อทำเพลงและกำลังจะได้เดบิวต์
เมื่อสมาชิกในวงมากันพร้อมคีย์ก็เริ่มการซ้อมทันที บรรยากาศการซ้อมไม่ได้มีเสียงหัวเราะเพราะแต่ละคนต่างก็ต้องใช้สมาธิไปกับการเต้นและทรานสิชันต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาให้เป๊ะและต้องดูดีที่สุด นี่ยังไม่รวมว่าการแสดงจริงต้องร้องสดด้วยนะ
แฮ่ก แฮ่ก
หลังเพลงจบลงทั้งห้องมีแต่เสียงหอบหายใจของทุกคน
“ดีมาก วันนี้พอแค่นี้ทุกคนกลับไปก็อย่าลืมนวดคลายเส้นกันด้วยนะ แล้วก็ให้จำความรู้สึกวันนี้เอาไว้ เพราะพรุ่งนี้ต้องดีขึ้นกว่าเดิม” โครีโอที่เข้ามาดูการซ้อมในช่วงท้ายของวันเอ่ยชมและปล่อยให้ทุกคนได้กลับไปพัก ซึ่งตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าวันใหม่มาได้สองชั่วโมงแล้ว
คีย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความหาอีกคนทันที
‘พี่เพิ่งเลิก เรากลับไปหรือยัง’
รอไม่นานโทรศัพท์ก็สั่น
‘กำลังออกจากโรงละครครับ ให้พี่สิทธิวนรถไปรับมั้ย’
‘ได้เดี๋ยวพี่ออกไปรอที่หน้ามินิมาร์ทที่เดิมนะ’
หลังนัดแนะกันเสร็จคียก็หันไปถามน้อง ๆ ในวงว่าจะกลับกันยังไง
“เดี๋ยวพวกผมให้พี่บอลไปส่งที่โรงแรมครับ” ไท ปิ่น วินและเจคพยักหน้า สำหรับใครที่เป็นเด็กต่างจังหวัดไม่มีบ้านอยู่ที่เมืองหลวงทางค่ายก็จะเช่าโรงแรมให้พักก่อนในช่วงนี้ที่ทางหอมีการปรับปรุงและรีโนเวท ส่วนเจคนั้นหอของเจ้าตัวที่เช่าไว้เป็นทางผ่านไปบ้านของพี่บอลพอดี
“แล้วนายสองคนล่ะกลับยังไงให้พี่ไปส่งมั้ย” คีย์หันไปถามกล้าและเอ กล้าเป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่น้องเช่าหอเอาไว้ตอนก่อนจะรู้ว่าผ่านออดิชัน ถ้ามีวันหยุดน้องก็จะกลับไปทำความสะอาดห้องตัวเอง
“ผมขับมอเตอร์ไซด์มาครับ” เอตอบก่อนจะชูหมวกกันน็อคให้พี่คนโตของวงดู
“ขับกลับดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วย นายล่ะกล้า”
กล้ามีท่าทางลังเลตอนแรกเขาตั้งใจจะให้พี่บอลผู้จัดการวงไปส่ง แต่ว่าเส้นทางกลับหอของเขาและโรงแรมนั้นอยู่กันคนละทางเลย ตอนนี้เขาก็ง่วงและเหนื่อยมาก
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน ไม่ต้องห่วงที่บ้านพี่ขับรถมารับ” คีย์ตัดสินใจก่อนจะบอกลาพี่บอลและทีมงานที่อยู่เฝ้าพวกเขาซ้อมอีกสองสามคนแล้วเดินออกจากห้อง
“เอ่อ ไม่รบกวนพี่แน่นะครับ” กล้าเอ่ยถามขณะที่กำลังรอรถ
“รบกวนอะไรกัน ไม่ต้องคิดมากน่า นายก็เหมือนน้องชายพี่” เพราะต้องฝึกและอยู่ด้วยกันเกือบจะตลอดทำให้คีย์สนิทใจกับน้อง ๆ ในวงมาก แม้ว่าน้อง ๆ ในวงจะค่อนข้างเกรงใจเขาที่เป็นพี่โตก็ตาม
“มาแล้วล่ะ” คีย์หันไปเจอกับรถยนต์ซีดานสีดำคันหรูมาจอดด้านหน้าก่อนที่จะเปิดประตูรถ
“นายนั่งด้านหลังไปเลยเดี๋ยวพี่นั่งหน้าเอง” กล้าที่แม้จะงงแต่ก็เปิดประตูขึ้นรถไป
“สวัสดี”
“สะ สวัสดีครับ ต้องรบกวนด้วยนะครับ” กล้าขึ้นมาเจอกับวัยรุ่นอายุน่าจะใกล้เคียงกับเขากำลังนั่งขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนแท็ปเล็ต
“กล้า นั่นคู่หมั้นพี่ชื่อเนย์ เนย์นี่กล้าน้องในวง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“พะ พี่คีย์หมายความว่ายังไงครับ” กล้ายื่นมือออกไปจับงง ๆ
“นายเป็นคนแรกเลยที่รู้ความลับช่วยพี่หน่อยนะ” คีย์หันมาเอานิ้วชี้จรดที่ปากเพื่อบอกให้รับรู้ ก่อนจะยิ้มอย่างไม่คิดอะไรมาก เขาไม่ได้ทำผิดกฎของค่ายนี่ ตัวสัญญาเองก็ไม่ได้มีระบุไว้ว่าห้ามมีแฟนเสียหน่อย จะมีก็แต่การที่ค่ายขอไม่ให้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่จะส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัท อีกอย่างเขากับเนย์ก็หมั้นกันมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าเป็นเด็กฝึกอีก บางทีเขายังเห็นเลยว่าบริษัทเองนั่นแหละเป็นคนปั่นกระแสระหว่างศิลปินกับบรรดาคู่จิ้น
“ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาส่ง” กล้าชอบคุณทุกคนอย่างเกรงใจก่อนจะเดินลงจากรถไป คีย์จึงเปิดประตูมานั่งด้านหลังกับเนย์
“เหนื่อยมั้ยครับ แล้วพรุ่งนี้ต้องออกไปซ้อมกี่โมงเดี๋ยวผมตื่นมาทำข้าวกล่องให้”
“พรุ่งนี้เข้าบ่ายเหมือนเดิมนั่นแหละ ตอนเช้าน้อง ๆ คนอื่นต้องไปเคลียร์งานที่คณะ”
นั่งรถมาไม่นานก็ถึงคอนโด
“อาบน้ำกันครับจะได้รีบมานอน พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปดูไฟเซตอัพแต่เช้า”
ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าพี่คีย์รีบโยนกระเป๋าและหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาทันที
อยากรู้มั้ยครับว่ากว่าพี่คีย์จะได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกและคบกับผมต้องผ่านต้องเจออะไรบ้าง มาครับผมจะเล่าให้ฟังว่ารักของเราเริ่มต้นได้ยังไง
เพราะความโลภของแม่เลี้ยงสามี เธอกับคนรักต้องตายโดยที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูกในท้อง เมื่อได้กลับมาอีกครั้งเธอจะพาเขาไปให้ไกล จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเธอได้อีก แนวรักโรแมนติค ย้อนอดีตแก้ไขชีวิต (จีนปัจจุบัน) หลิวซือเย่ และ เกาฉิงหมิง แต่งงานกันโดยมีเงื่อนไขจากตระกูลเกาว่าทั้งคู่จะต้องย้ายออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งและจะไม่เข้ามายุ่งกับสมบัติตระกูลเกาอีก เพราะ ครอบครัวของเกาฉิงหมิงมองว่าหลิวซือเย่เป็นผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าตั้งใจจับลูกชายคนโดเพื่อหวังสมบัติ เมื่อทั้งคู่แต่งงานและย้ายออกมาได้ไม่นานวันหนึ่งที่หลิวซือเย่ออกไปทำธุระก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เธอกลับเข้ามาในบ้านและเห็นร่างของสามีนอนอาบเลือดอยู่บนพื้น และคนที่เหนี่ยวไกสังหารทั้งเธอและสามีคือแม่เลี้ยงของเขาเอง!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา