ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“หยูเจ๋อ งานแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้ว คุณจะไปไม่ได้นะ!”
เฉียวซิงเฉินที่สวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์รีบคว้าแขนเฉินหยูเจ๋อเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเฉียวซิงเฉินกับเฉินหยูเจ๋อ
ตอนที่งานแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ ๆ เฉินหยูเจ๋อก็ได้รับข้อความของใครบางคน แล้วประกาศยกเลิกงานแต่งงานต่อหน้าผู้คน
เฉินหยูเจ๋อขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจ “อย่ามาขวางผม เหมิงเหมิงได้รับบาดเจ็บ ถ้าทิ้งเธอไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว เธอจะต้องกลัวแน่ ๆ ผมต้องรีบไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของเฉียวซิงเฉินก็ซีดเผือด
เยว่เหมิงซินคือคนรักในวัยเด็กของเฉินหยูเจ๋อ
เฉียวซิงเฉินและเฉินหยูเจ๋อคบหากันมาห้าปีแล้ว ทุกครั้งที่เป็นช่วงเวลาสำคัญของพวกเขา หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเยว่เหมิงซินเพียงนิดเดียว เฉินหยูเจ๋อก็จะยอมทิ้งเธอ เพื่อไปหาเยว่เหมิงซินในทันที.....
เฉินหยูเจ๋อบอกว่า เขามองว่าเยว่เหมิงซินเป็นเหมือนน้องสาว เขาอยากให้เธอหัดเข้าอกเข้าใจบ้าง
เพื่อให้ความสัมพันธ์ห้าปีระหว่างเธอกับเขาได้ลงเอยด้วยดี เธอจึงเลือกที่จะยอมถอยให้ทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ มันเป็นวันแต่งงานของเธอกับเขา
เยว่เหมิงซินต้องการให้เฉินหยูเจ๋อไปอยู่เป็นเพื่อน แล้วเธอจะต้องยอมถูกว่าที่สามีทิ้งไปโดยไม่สนใจใยดีอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?!
เสียงของเฉียวซิงเฉินมีความสั่นเครือ เธอพูดขอร้องขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ไม่ได้ งานแต่งงานจะไม่มีคุณไม่ได้ ไม่ว่ายังไง วันนี้คุณก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น ฉันขอร้องล่ะนะ!”
สีหน้าของเฉินหยูเจ๋อเริ่มที่จะหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ “พอได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวนะ! ก็แค่งานแต่งงานเอง จะจัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้เหมิงเหมิงได้รับบาดเจ็บอยู่ หากล่าช้าไปมากกว่านี้ คุณรับผิดชอบได้ไหม หลบไปซะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ผลักเฉียวซิงเฉินออกไป
เฉียวซิงเฉินที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าเวทนา เธอได้แต่มองตามแผ่นหลังของเฉินหยูเจ๋อที่ค่อย ๆ หายลับตาไป
วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของเฉียวซิงเฉินก็ดังขึ้น
เฉียวซิงเฉินกดปุ่มรับสายโดยสัญชาตญาณ พลันได้ยินเสียงอันเย่อหยิ่งของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาตามปลายสายอย่างสะใจ
“เฉียวซิงเฉิน ฉันได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันที่เธอกับหยูเจ๋อจะแต่งงานกัน เธอชอบของขวัญที่ฉันให้รึเปล่า?”
เฉียวซิงเฉินสั่นไปทั้งตัว เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เธอกัดฟันพูดว่า “เยว่เหมิงซิน เธอจงใจเรียกหยูเจ๋อไปใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันจงใจ แล้วไงเหรอ? ฉันก็แค่อยากให้เธอได้รู้ว่า ในใจของหยูเจ๋อ ฉันสำคัญกว่าเธอเสมอ!”
น้ำเสียงของเยว่เหมิงซินมีความโอ้อวดอย่างเต็มเปี่ยม “เธอคงจะทุ่มเทให้กับการเตรียมงานแต่งงานนี้มากเลยสิท่า? น่าเสียดายเนอะที่ความพยายามทั้งหมดของเธอต้องสูญเปล่า ฉันล่ะสงสารเธอจริง ๆ!”
เฉียวซิงเฉินมองดูชุดแต่งงานสีขาวที่ตัวเองสวมใส่อยู่ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าความพากเพียรของเธอในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มันดูไร้สาระสิ้นดี
เพราะเธอเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอก็คือการได้มีครอบครัวที่มีความสุขเป็นของตัวเอง
แต่สุดท้ายเธอกลับพบว่า เฉินหยูเจ๋อไม่สามารถให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเธอก็ควรที่จะปล่อยเขาไป
เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะออกมาก่อนจะพูดว่า “เกรงว่าเธอคงจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ เพราะ งานแต่งงานจะยังดำเนินต่อไปตามปกติ!”
น้ำเสียงของเยว่เหมิงซินเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “เฉียวซิงเฉิน ฉันว่าเธอต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ? ถ้าไม่มีหยูเจ๋อ แล้วงานแต่งงานของเธอจะดำเนินต่อไปได้ยังไง?”
มุมปากของเฉียวซิงเฉินโค้งขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
ใครบอกล่ะว่า เจ้าบ่าวของเธอจะต้องเป็นเฉินหยูเจ๋อเท่านั้น?
ในเมื่อเขาทิ้งเธอไปอย่างไม่สนใจใยดี งั้นเธอก็จะไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วก็แสวงหาความสุขที่เป็นของเธอจริง ๆ แทน!
“ยังไงฉันก็ฝากเธอบอกเฉินหยูเจ๋อด้วยนะว่า ฉันไม่ต้องการเขาแล้ว! เขาคือผู้ชายที่ฉันไม่ต้องการแล้ว ถ้าเธอจะชอบเขาขนาดนั้น งั้นฉันยกให้เธอก็แล้วกัน ชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเธอ ขอให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ล่ะ!”
น้ำเสียงของเยว่เหมิงซินเปลี่ยนไปทันที “เฉียวซิงเฉิน อย่าให้มันมากนักนะ……”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เฉียวซิงเฉินก็ตัดสายไปแล้ว
งานแต่งงานจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมง เธอจะต้องหาเจ้าบ่าวมาแทนที่เฉินหยูเจ๋อให้ได้โดยเร็วที่สุด!
เธอยกชายกระโปรงขึ้นและเดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน แต่แล้วกลับพบว่าข้างนอกโบสถ์มีบอดี้การ์ดสวมชุดอยู่เป็นจำนวนมาก ดูยิ่งใหญ่อลังการ ราวกับพวกเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
แล้วก็มีชายคนหนึ่งที่สวมชุดเจ้าบ่าวกำลังนั่งอยู่บนวีลแชร์ ที่ตัวเขามีออร่าที่เย็นชาแผ่ออกมา
เขาถามลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าว่า “งานแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้ว เจอตัวรึยัง?”
บอดี้การ์ดที่สวมชุดสีดำพูดด้วยความลำบากใจว่า “คุณลู่ พวกเราหากันทั่วบริเวณโบสถ์แล้วครับ แต่ไม่เห็นวี่แววของคุณจางเลยครับ ดูเหมือนว่าเธอจะหนีไปแล้ว......”
“หนีงั้นเหรอ?” เสียงของผู้ชายคนนั้นทุ้มต่ำฟังดูไพเราะ แต่สายตาของเขากลับดูดุร้ายไร้ความปราณีเหมือนสัตว์ร้ายไม่มีผิด “ถ้าการแต่งงานไม่สามารถดำเนินต่อไปตามกำหนด นายรู้ใช่ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง!”
เฉียวซิงเฉินได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทุกอย่าง ไม่คาดคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะถูกคู่รักทิ้งในวันแต่งงานเหมือนกันกับเธอเลย
เธอรีบยกชายกระโปรงขึ้น และเดินไปหาเขาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
บอดี้การ์ดชุดดำเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ตั้งท่าระวัง แล้วก็ยื่นมือออกมากันเธอไว้ตามสัญชาตญาณ
“คุณผู้หญิงจะทำอะไรครับ?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์มองมาที่เธอ สายตาที่ทอดมองมาทำให้คนรู้สึกกดดัน
แต่เฉียวซิงเฉินกลับไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาของชายคนนั้นและพูดขึ้นว่า
“คุณคะ ฉันได้ยินมาว่าเจ้าสาวของคุณหนีไป งั้นสู้ให้ฉันไปเป็นเจ้าสาวของคุณดีไหมคะ?”
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ