ความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเด็กระหว่าง กรรวี และ อคิน เป็นอันต้องจบลง เมื่อเธอดันเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาและลูกของเขาต้องตาย แม้เธอจะทำดีสักแค่ไหน ก็ไม่อาจลบล้างความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอได้... “ทำไมต้องปิดบังเกรซด้วย ฮื้อ ๆ” “หึ! คงรู้แล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฮึก ฮื้อ เกรซขอโทษ” “มันสายไปแล้ว!! ต่อให้เธอขอโทษสักหมื่นครั้ง แอนนี่คงไม่มีทางฟื้นขึ้นมา” เขายิ่งเพิ่มแรงบีบใบหน้างาม “แล้วจะให้เกรซทำอย่างไร ถ้าจะแค้นเกรซขนาดนี้ ฆ่าให้ตายเถอะ” “ความตายสำหรับเธอมันง่ายเกินไป!!” อคินยอมปล่อยมือออกจากใบหน้างาม ลุกขึ้นหันหลังออกจากห้องไม่อยากจะมองคราบน้ำตาบนใบหน้าหญิงสาว กลัวจะใจอ่อน “เกรซต้องทำอย่างไรพี่คินถึงจะยอมให้อภัย” เธอวิ่งไปกอดเขาจากด้านหลัง ใบหน้าแนบชิดหลังแกร่ง ความอบอุ่นจากการโดนคนตัวเล็กกอด แทบจะทำให้เขาใจอ่อน มือหนาแกะแขนเรียวออกจากร่างกายตนเอง หันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว พร้อมจับไหล่มนทั้งสองข้างของเธอ “เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันจะทรมานให้เธอเจ็บปวดจนทนไม่ไหว อีกอย่างฉันบอกหลายรอบแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกเหมือนสนิทกัน จำใส่สมอง!!” มือหนาผลักกรรวีอย่างแรงจนล้มลง ศีรษะกระแทกกับพื้นห้อง
ร่างอรชรก้าวเท้าลงจากรถตู้คันหรู เดินตรงเข้าไปข้างในสนามบิน ใบหน้าหวานหันมองซ้ายขวาเพื่อมองหาใครคนหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงเรียก
“ยายเกรซ”
“พี่ดล” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมเดินไปยังต้นเสียง
“คิดถึงจังเลยยายเกรซ โตขึ้นเป็นสาวแล้ว สวยขึ้นนะเนี่ย” ภูวดลดึงน้องสาวเข้ามากอดด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันนานนับหลายปี
“ทักทายแต่ไอ้ดลนั่นแหละ แล้วพี่ล่ะ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น
เธอผละออกจากอ้อมกอดพี่ชาย มองไปยังต้นเสียงของชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย ซึ่งเขากำลังเดินมาหาตนเองกับพี่ชาย
“เหอะ!! เกรซไม่ได้อยากจะเจอพี่คินสักหน่อย”
“ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะยายเด็กนี่!!” ชายหนุ่มว่าพลางดึงแก้มคนตัวเล็ก
“โอ๊ย! เจ็บนะพี่คิน” เสียงหวานประท้วง เมื่อถูกคนตัวโตรังแก
“เอาล่ะ ๆ พอก่อนเลยสองคนนี้ เจอหน้ากันทีไรทะเลาะกันตลอด” คนกลางอย่างภูวดลจำเป็นต้องร้องห้ามคนทั้งสอง
“ก็พี่คินนะสิ ชอบรังแกแต่เกรซ พี่ดลต้องจัดการให้เกรซเลยนะคะ” เธอเดินเข้าไปกอดแขนพี่ชาย ทำเสียงออดอ้อน ฟ้องพี่ชายที่โดนคนตัวโตอย่างอคินรังแก
ภูวดลส่ายศีรษะเล็กน้อยกับน้องสาว ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี นิสัยขี้อ้อนก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ไอ้คิน มึงก็เลิกแกล้งยายเกรซสักวันได้ไหม!! ตั้งแต่เล็กจนโต กูฟังยายเกรซมาฟ้องเรื่องมึงแทบทุกวัน” ขณะที่ภูวดลกำลังต่อว่าอคิน กรรวีก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ยใส่ชายหนุ่ม
“เออๆ กูจะเบาๆลงก็ได้”
“คินขา…” เสียงหวานของใครคนหนึ่งดังขึ้น กลางวงสนทนา เรียกความสนใจคนทั้งสามหันไปมองตามเสียง
“แอนนี่” อคินกล่าวพร้อมเดินไปประคองร่างหญิงสาว ซึ่งกำลังเดินมาอย่างไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน จึงมีหน้าท้องที่นูน
“สะ หวัด ดี ค่ะ ” แอนนี่พยายามทักทายเป็นภาษาไทยกับกรรวี
หญิงสาวเงียบไม่ตอบรับการทักทายของคนตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่ ดวงตากลมโตมองไปยังร่างของแอนนี่ซึ่งมีอคินประคองอย่างหวงแหน
“เกรซ...แอนนี่ครับ เป็นเมียพี่” อคินเป็นคนแนะนำหญิงสาวข้างกายให้กับกรรวี
กรรวียังคงเงียบเหมือนเดิม ตอนนี้สมองกำลังประมวลผล แม้ปากบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ทว่าลึก ๆ ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวด เหมือนจะร้องไห้เมื่อได้ยินเขาแนะนำผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นเมีย ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคู่หมั้นของตนเอง
ภูวดลมองหน้าน้องสาวบัดนี้เริ่มจะซีดเผือด ก่อนเขาจะพูดทำลายบรรยากาศตึงเครียด
“หิวจังเลย กลับบ้านกันเถอะยายเกรซ”
“งั้นกลับกันเถอะ รถจอดข้างนอก” กรรวีพูดเสร็จก็เดินนำหน้าคนทั้งสามออกไปก่อน เพราะไม่อาจมองภาพคนทั้งสองแสดงความรักกัน
ภูวดลเข้าใจทุกอย่างที่น้องสาวเป็น จริง ๆแแล้วกรรวีรักอคินเพียงแค่เธอยังไม่ยอมรับก็เท่านั้น
“ไปเถอะไอ้คิน”
“อืม...ไปครับแอนนี่” อคินตอบเพื่อนรักก่อนจะหันไปพูดกับแฟนสาวและประคองไปยังรถ
ภายในรถตู้คันหรู กรรวียังคงเงียบไม่พูดสิ่งใดอีกเลย หลังจากได้รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างอคินกับแอนนี่
“ทำไมเงียบจังครับยายเด็กแสบ” มือหนาเอื้อมหมายจะไปลูบศีรษะกรรวี หญิงสาวจึงหลบมือหนาไม่อยากให้เขามาโดนตัวเอง
“เกรซง่วงค่ะ ของีบสักครู่ก่อนนะคะ” หญิงสาวหลับตาลง ไม่อยากเห็นหรือได้ยินเสียงพวกเขาทั้งสอง
“สงสัยยายเกรซคงเหนื่อยแหละ” ภูวดลตอบเพื่อนรักที่มองน้องสาวตนเองอย่างไม่เข้าใจ
“อืม”
ในที่สุดรถตู้คันหรูก็มาจอดลงหน้าคฤหาสน์ของตระกูลเทพไพรศาล
“คินค่ะ แอนนี่ไม่กล้าลงไป กลัวพ่อแม่คุณจะรังเกียจ” ขณะที่ทุกคนก้าวเท้าลงจากรถกันหมด เตรียมจะเข้าไปข้างในต้องหยุดชะงักหันมามอง
“ไม่เป็นไรครับ มีผมทั้งคน” อคินส่งมือหนาให้แฟนสาว
“งั้นเกรซขอเข้าไปข้างในก่อนนะคะ” กรรวีเอ่ยขึ้น เธอไม่รอให้ใครตอบก็รีบสาวเท้าไป
“ไอ้คิน กูเข้าข้างในก่อนล่ะ เกรซรอพี่ด้วย” ภูวดลพูดขึ้น ตะโกนไล่หลังน้องสาว และรีบก้าวเท้าเคียงคู่กรรวี
“เกรซ ดล ไหนคินล่ะลูก” เสียงเกศรินทร์เอ่ยกับลูกทั้งสองคน
ครอบครัวของกรรวีกับอคิน บิดาของคนทั้งสองเป็นเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เช่นเดียวกับภูวดลกับอคิน
บิดาและมารดามักจะพาเธอกับพี่ชายมายังคฤหาสน์เทพไพรศาล ตั้งแต่จำความได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญหรืองานสร้างสรรค์ พวกเขาจะมารวมตัวกันที่นี่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันมีการจัดงานต้อนรับการกลับมาของอคินกับภูวดล
“ผมอยู่นี่ครับ” เสียงของอคินตะโกนดังมาแต่ไกลพร้อมร่างสาวสวยหน้าตาฝรั่งคนหนึ่ง
ทุกคนหันไปมองตามเสียงของอคิน และที่น่าตกใจมากที่สุดคือ ผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งครรภ์
“คินพาใครมาลูก” แพรวาเอ่ยถามลูกชาย เมื่ออคินและแอนนี่นั่งลง
“เมียผมครับหม่ามี้”
“แกว่าไงนะไอ้คิน!!!” เสียงมหาอำนาจดังขึ้นพร้อมลุกขึ้นมองจ้องเขม็งไปยังร่างลูกชาย
“แอนนี่เป็นเมียผมครับ เธอกำลังตั้งท้อง” อคินยืนยันให้คนเป็นบิดาฟังอีกครั้ง
“หมายความว่าไงคิน” เสียงคเกศรินทร์เอ่ยขึ้น เธอตกใจในคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ผมขอโทษครับคุณป้า ผมคงไม่สามารถแต่งงานกับเกรซได้ ผมขอถอนหมั้น” ชายหนุ่มพนมมือขอโทษผู้อาวุโสกว่า
เกศรินทร์หน้าซีดเผือด มองไปยังร่างลูกสาวตนเอง ซึ่งตอนนี้ใบหน้างามไร้ความรู้สึกใด ๆ โดยที่คาดเดาไม่ได้เลย
“ฉันไม่ยอมให้แกถอนหมั้นกับหนูเกรซ”
“แต่ป๋าครับ แอนนี่ท้องอยู่นะครับ ผมจำเป็นต้องรับผิดชอบ”
“ฉันไม่ยอมรับเธอมาเป็นลูกสะใภ้ นอกจากหนูเกรซเท่านั้น” เสียงมหาอำนาจยังคงดังขึ้น ส่งผลทำให้แอนนี่ตัวสั่น รู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ตรงหน้า แม้จะฟังภาษาไทยไม่ได้ แต่เธอรับรู้ถึงได้
“พี่นนท์ใจเย็นๆค่ะ หนูแอนนี่กลัวแล้วนะคะ” แพรวาพูดขึ้นพร้อมประคองให้สามีนั่งลง
“แพรแต่ว่า...”
“เกรซขอขัดค่ะ” เสียงของกรรวีแทรกขึ้นในสถานการณ์ตึงเครียด
“ว่าไงเหรอหนูเกรซ” แพรวาถามขึ้น
“ในฐานะที่เกรซเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ เกรซคิดว่าควรถอนหมั้นถึงอย่างไรเกรซกับพี่คินเราทั้งคู่ต่างไม่ได้รักกันอยู่แล้ว” เกศรินทร์จับมือลูกสาว กรรวียิ้มอ่อนส่งให้มารดา
“ว่าไงไอ้นนท์” เสียงบิดาของกรรวีเอ่ยขึ้น หันไปถามเพื่อนรัก
“แต่ลุงก็อยากได้หนูเกรซมาเป็นลูกสะใภ้นะ”
“ระหว่างเกรซกับพี่คิน เราไม่ได้รักกัน ถอนหมั้นดีที่สุดค่ะ อีกอย่างคุณแอนนี่ก็กำลังท้อง”
“เอาเป็นว่าตามใจยายเกรซเถอะค่ะ เพราะตอนนั้นลูกเกดเป็นคนขอหมั้นคินกับยายเกรซเอง” เกศรินทร์เสริมขึ้น
“ถ้ามีอะไรแล้ว เกรซขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” กรรวีลุกเตรียมจะหันหลัง แต่ต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยวสิหนูเกรซ ไม่อยู่ฉลองปาร์ตี้กันเหรอ” แพรวาเอ่ยขึ้น
“ไม่ดีกว่าค่ะ เกรซรู้สึกเพลียนิดหน่อย อยากกลับไปพักผ่อน”
“อ้าวยายเกรซ ไม่สบายหรือเปล่า ให้แม่กลับไปกับลูกเถอะ”
“อย่าดีกว่าค่ะคุณแม่ เกรซกลับคนเดียวได้ คุณแม่อยู่พูดคุยกับพี่ดลเถอะค่ะ”
“เอางั้นเหรอลูก ถ้าเป็นอะไรมากโทรมาหาแม่นะ”
“ค่ะ”
ภูวดลมองตามหลังร่างกรรวี เขารับรู้ถึงความรู้สึกน้องสาวดีที่สุด
'แก้วลดา' สาวการตลาดที่พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ 'อนาวิล' ประธานหนุ่ม ในคืนงานเลี้ยงบริษัทโดยไม่ตั้งใจแต่มันไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เมื่อเธอดันไปหลอกเขาเรื่องลูกก่อนจะถูกลงทัณฑ์อย่างไม่ไยดีจากผู้ชายไร้หัวใจ “ระหว่างแก้วกับคุณรดา คุณธันย์เลือกใคร” เจ็บแต่จบดีกว่าปล่อยให้คาราคาซัง ที่ผ่านมาเธอทนให้เขาย่ำยีมากพอถึงคราวต้องปกป้องตัวเองบ้าง “เธอถามอะไรของเธอ แก้วลดา” “รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ ระหว่างแก้วกับคุณรดา คุณเลือกใคร” “รำคาญจริงอยากไปไหนก็ไปสิวะ ฉันก็ไม่อยากรั้งแล้วเหมือนกัน นับวันยิ่งทำตัวน่ารำคาญมากขึ้น ผู้หญิงแบบเธอ ฉันจะหาใหม่กี่คนก็ได้ อยากไปก็ไปเลย แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”
ความรักระหว่าง นายหัวอานนท์ และ แพรวา เป็นอันต้องจบสิ้น หลังจากที่เขารู้ว่าคนที่ทำให้น้องสาวเขาต้องตายคือพี่ชายของเธอ ไฟแค้นที่เกิดขึ้นในใจเขา หนทางเดียวจะกำจัดพ้น คือการเหยียบย่ำน้องสาวของมันให้เจ็บช้ำมากที่สุด “ที่ผ่านมา พี่นนท์รักแพรจริงหรือเปล่า หรือรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแพรเป็นน้องสาวของพี่ชัช เลยตั้งใจจะหลอก” ดวงตากลมโตมองริมฝีปากหยักได้รูปอย่างลุ้นคำตอบ “ฉันไม่เคยรักเธอ ได้ยินแล้วเชิญออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้” เขาพูดน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าหล่อเหลาไม่เผยความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น “แพรเข้าใจแล้วค่ะ” เสียงหวานตอบรับอย่างแผ่วเบา หัวใจบัดนี้แหลกสลายไม่มีชิ้นดี “เข้าใจแล้วก็ออกไปซะ!! ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน คำยืนยันจากริมฝีปากหยักได้รูป ทำให้แพรวาปล่อยน้ำตาให้ไหลทะลักเหมือนทำนบแตกอย่างอดกลั้นไม่ไหว ก่อนพยายามพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงย่างกรายออกจากห้องด้วยจิตใจบอบช้ำ
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี