เธอแต่งงานกับเขามา2ปี วันนี้เธอท้องแล้ว ตั้งใจจะบอกข่าวดีกับเขา แต่รักแรกของเขากลับมาและเขาก็ขอหย่ากับเธอทันที " 2ปีที่อยู่ด้วยกันมา คุณไม่เคยรักฉันสักนิดเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้น ลูกในท้องของฉันคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก "
เธอแต่งงานกับเขามา2ปี วันนี้เธอท้องแล้ว ตั้งใจจะบอกข่าวดีกับเขา แต่รักแรกของเขากลับมาและเขาก็ขอหย่ากับเธอทันที " 2ปีที่อยู่ด้วยกันมา คุณไม่เคยรักฉันสักนิดเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้น ลูกในท้องของฉันคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก "
"ยินดีด้วยค่ะคุณตั้งครรภ์ได้8สัปดาห์แล้วจะฝากท้องเลยไหมค่ะ"
คุณหมอบอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มาณวิกาดีใจเธอแต่งงานมา2ปี ไม่คิดว่าวันนี้จะท้องแล้ว ที่ผ่านมาเธอกินยาคุมมาตลอดเลยไม่ท้อง แต่พักหลังๆงานยุ่งก็เลยลืมกินบ้างอะไรบ้าง เธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปกติแปลกๆ เวียนหัวบ่อย ง่วงนอนอยากจะนอนตลอดเวลา อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆ เดือนที่แล้วประจำเดือนของเธอก็ไม่มา แต่เธอคิดว่าคงเพราะเครียดและพักผ่อนน้อย พอเดือนนี้ไม่มาอีก ชักจะแปลกๆแล้วหล่ะ จึงได้ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ผลปรากฎว่าขึ้น2ขีด แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ
"ค่ะฝากเลย"
เมื่อหมอยืนยันว่าเธอท้องก็ฝากท้องทันที เสร็จเรื่องแล้วก็แวะซื้อของบำรุงลูกน้อย ทั้งขนม นม ของกินที่เธอชอบ และซื้อพวกของสดอีกหลายอย่าง ตั้งใจจะทำอาหารที่อัครพลชอบให้เขากิน ก่อนกลับบ้าน มาณวิกาส่งข้อความทางไลน์ไปบอกอัครพล
"เย็นนี้คุณกลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม ฉันจะทำอาหารไว้รอคุณ แล้วก็มีเรื่องจะบอกคุณด้วย"
ผ่านไปสักพักข้อความก็ขึ้นว่า อ่านแล้วเขาตอบกลับมาสั้นๆว่า
"อืม"
ช่วงเย็นอัครพลกลับมาบ้าน มาณวิกากำลังจัดอาหารอยู่บนโต๊ะ มีป้าแมวแม่บ้านคอยช่วยเมื่อจัดจานเสร็จ ก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน มาณวิกาตักอาหารใส่จาน ให้อัครพลอย่างเอาใจ
"ผัดเปรี้ยวหวาน ของโปรดของคุณ กินเยอะๆนะคะ"
อัครพลตักเข้าเข้าปากกินไป1คำ แล้วหยิบน้ำมาดื่ม ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของมาณวิกามันเจ็บจนชาไปหมด เธอรู้ว่าสักวันต้องมีวันนี้ทั้งที่เธอเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับเจ็บจนพูดไม่ออก
"คุณก็รู้ว่าที่เราแต่งงานกันเพราะอะไร ผมไม่อยากไห้คุณต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ จริงอยู่ที่เราต่างก็ให้สัญญากับคุณปู่ ว่าจะอยู่ด้วยกันจนครบ3ปีก่อน แล้วค่อยหย่า ถึงจะหย่าตอนนี้ หรือรออีกจนครบ3ปี ก็ต้องหย่าอยู่ดี ผม "
"เข้าใจแล้วเอาตามที่คุณว่านั่นแหละ คุณว่างวันไหนก็นัดวันมาเลย"
อัครพลสบตาของมาณวิกา ดวงตาของเธอคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแลดูน่าสงสาร อกข้างซ้ายของเขาก็เกิดบีบรัดขึ้นมา เขาลังเลสับสน แต่เมื่อคิดอีกที ในเมื่อเราไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไป ก็มีแต่จะทำไห้เธอเสียเวลา เขาไม่อยากจะเห็นแก่ตัวรั้งเธอเอาไว้ เขาหวังว่าเธอ จะได้เจอคนดีๆที่รักเธอ สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน
" อืม ผมจะนัดวันอีกที ผมจะไห้เงินคุณ50ล้าน กับพูลวิลลาที่หัวหิน "
เขารู้ว่าเธอชอบทะเล ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอเคยขอไห้เขาพาไปเที่ยวทะเล แต่เขาก็ยังไม่ว่าง ยังไม่มีโอกาสได้พาไปสักที พูลวิลลาหลังนั้น หวังว่าเธอคงจะชอบ
หลายเดือนก่อนเขาได้ไห้ลูกน้อง หาซื้อที่ติดทะเลและสร้างพูลวิลล่าหลังนั้น เพื่อไห้เป็นของขวัญกับเธอโดยเฉพาะ ทีแรกตั้งใจจะไห้เป็นของขวัญวันเกิด โดยเขาจะพาเธอไปพักสัก2-3คืน เพื่อฉลองวันเกิดไห้เธอด้วย แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นของขวัญวันหย่าแทน ไม่เป็นไรถือว่าเป็นของขวัญเหมือนกัน
"ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น"
ทั้งคู่เงียบอยู่นานไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
"ไหนคุณบอกว่า มีเรื่องจะบอกกับผม"
" ไม่มีอะไร มันไม่สำคัญหรอก "
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา อัครพลกดรับสาย
"ฮัลโหล อืม ผมรู้แล้ว กำลังจะไป"
"ผมมีธุระต้องรีบไป คุณกินต่อเถอะ ผมอาจจะกลับดึกๆหน่อย เรื่องข้อตกลงการหย่า คุณก็คิดดูอีกทีแล้วกัน ถ้าอยากจะได้อะไรเพิ่มคุณก็เขียนเอาไว้เลย เดียวผมจะไห้ทนายจัดการไห้"
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป อัครพลไปนานแล้ว แต่มาณวิกายังคงนั่งอยู่ที่เดิม คิดทบทวนถึงเรื่องของเขากับเธอ
เธอแต่งงานกับเขามา2ปีกว่า ตามคำขอร้องของคุณปู่ ปู่ของเขากับปู่ของเธอเป็นเพื่อนรักกัน คุณปู่ธนาเป็นโรคหัวใจ ก่อนปู่ของเธอตายได้มอบหัวใจไห้กับปู่ธนา พร้อมทั้งฝากฝังเธอด้วย มาณวิกาไม่มีใครเหลือตัวคนเดียว อุบัติเหตุในครั้งนั้นนอกจากปู่ของเธอแล้ว พ่อของเธอที่อยู่ในรถคันเดียวกัน ก็เสียชีวิตพร้อมคุณปู่ด้วย ก่อนปู่จะตายได้เคยพูดกับปู่ธนาว่าถ้าท่านตาย จะมอบหัวใจไห้กับคุณปู่ธนาเพื่อนรัก ทั้งยังทำหนังสือมอบหัวใจ ไห้เป็นลายลักษณ์อักษรอีก
ปู่ธนาช่วยจัดการงานศพ และรับเธอมาอยู่ด้วย ตอนนั้นเธอเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย เธอปฏิเสธที่จะมาอยู่ด้วยที่คฤหาสถ์ของคุณปู่ ทรัพย์สมบัติที่ปู่กับพ่อของเธอทิ้งเอาไว้ ก็มากพอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ปู่ธนาไม่เห็นด้วยอ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอันตราย อีกทั้งรับปากปู่ของเธอเอาไว้ ว่าจะดูแลเธออย่างดี
ที่คฤหาสถ์เธอได้พบกับอัครพลครั้งแรก หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ ยิ่งได้เห็นหน้าเขาทุกวันก็ยิ่งหวั่นไหว นานวันเข้าเธอก็รู้ตัวว่าหลงรักเขาเข้าไห้แล้ว อัครพลอายุมากกว่าเธอ3ปี เขาทำงานในบริษัทของตระกูล นั่งในตำแหน่งท่านประธาน หล่อ สูงโปร่ง สุขุม สีหน้ามีแต่ความเย็นชาราวกับเจ้าชายน้ำแข็ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำไห้ความหล่อของเขาลดลงแม้แต่น้อย
หลังจากที่คุณปู่ทำการผ่าตัดหัวใจเสร็จ คุณปู่ได้เรียกไห้เธอกับอัครพลเข้าไปคุยและขอไห้ทั้ง2แต่งงานกัน เพื่อที่อัครพลจะได้ดูแลมาณวิกา เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอเป็นเธอที่รักเขาข้างเดียว และเธอก็รู้ว่าในใจของเขามีใคร ผู้หญิงคนนั้น รักเดียวในใจของเขา
เธอรู้มาว่าเขา2คนคบกันตอนเรียนมหาลัย พอเรียนจบอัครพลขอเธอแต่งงาน แต่ถูกปฏิเสธผู้หญิงไปเรียนต่อต่างประเทศและได้เป็นนางแบบ แถมยังมีข่าวว่าคบหากับผู้กำกับชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งผลักดันไห้เธอเข้าสู่วงการ เขาเสียใจมากเสียศูนย์ไปพักใหญ่
ด้วยเหตุนี้ด้วยแหละมั้ง คุณปู่ถึงได้ขอไห้เขาแต่งงานกับเธอ เพราะหวังว่าเขา จะกลับมาเป็นคนเดิม ตั้งใจทำงาน
"ปู่รู้ว่าหนูรักตาอัค ถึงตอนนี้มันยังไม่ได้รักหนู แต่ปู่เชื่อว่าความน่ารักของหนู จะทำไห้ตาอัครรักหนูได้ในสักวัน "
มาณวิกาคิดถึงคำพูดของคุณปู่แล้วเกิดขมขื่นในใจ ทีแรกเธอก็เข้าข้างตัวเองคิดอย่างนั้น แต่เธอต้องยอมรับความจริง ว่าเธอไม่มีความสามารถ เปลี่ยนใจให้เขามารักเธอได้ ในใจของเขาไม่มีที่ว่างให้เธอ เธอไม่มีวันเอาชนะคนในใจของเขาได้
เธอเก็บเขามาจากข้างทาง เขาทั้งตาบอดและความจำเสื่อม เธอดูแลเขาอย่างดี ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาให้เขา ในที่สุดเขาก็หายดี ตาก็ไม่บอดแล้ว เขาบอกรักเธอ สัญญาว่าจะอยู่กับเธอตลอดไป แต่เมื่อความทรงจำกลับมาเขาก็ทิ้งเธอไป วันหนึ่งเธอจากไปด้วยโรคมะเร็ง พอลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองย้อนเวลามาวันแรกที่เจอเขา ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสเธอ งั้นเกิดใหม่ครั้งนี้จะไม่ขอมีผัวคนเดิม
เธอตกน้ำเขาเมินเฉยแต่รีบกระโดดลงไปช่วยแฟนเก่า เธอทำอาหารรอเขาอยู่ที่บ้านเขาไม่สนใจแต่พาแฟนเก่าไปกินที่ร้าน ถูกคนร้ายจับตัวพร้อมกันกับแฟนเก่าเขาก็ทิ้งเธอเพื่อช่วยผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นภรรยาเขานะแต่เขาไม่เคยเลือกเธอเลยสักครั้ง เธอยอมแล้ว มีผัวแบบนี้ขอหย่าเลยแล้วกัน
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด