ความระมัดระวังตัวในฐานะสายลับอย่างนางทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง นางพยายามที่จะเกร็งกล้ามเนื้อทั้งหมดเอาไว้ แล้วก็ลองคว่ำบุรุษที่ทับตัวของนางอยู่ออก แต่แล้วนางกลับพบว่าตัวของนางอ่อนปวกเปียกไปหมด
นี่มันไม่ใช่ร่างกายของนางเสียหน่อย!
เห็น ๆ อยู่ว่านางเสียชีวิตจากระเบิดที่กลุ่มผู้ลี้ภัยเกิดบ้าคลั่งจุดขึ้นมา แต่แล้วตอนนี้นางกลับตื่นขึ้นมาในร่างของผู้อื่นเสียอย่างนั้น
นางครุ่นคิดอยู่แค่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เย็นชาขึ้นมา แววตาของนางแสดงเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจนมาก
ในเมื่อสู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ใช้กลวิธีสกปรกแทนก็แล้วกัน
นางอาศัยความจำของกล้ามเนื้อในการรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี แล้วก็เตะไปที่หว่างขาของบุรุษผู้นั้นที่กำลังโน้มตัวลงมาอย่างแรง
เสียงแกร๊กดังขึ้นมา
หลังจากนางออกแรงเตะไป นางก็ได้ยินเสียงบุรุษคนหนึ่งร้องโอดครวญขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
“ซี๊ด! สารเลวเอ๊ย กล้าเตะข้าเยี่ยงนั้นหรือ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายไปเลย”
เขางอตัวด้วยความเจ็บปวด ปากก็ด่าทอออกมาด้วยความโกรธแค้น
ซูชิงซวู่ฉวยโอกาสตอนที่คนอื่น ๆ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็รีบถอยออกจากการห้อมล้อมของพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
“จับนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะทำให้นางทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเลยคอยดู!”
หัวหน้าโจรเอามือกุมอวัยวะเพศของตนเองไว้ แล้วก็พูดออกมาด้วยความเคียดแค้นจนตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
ทันทีที่เขาพูดจบ โจรพวกนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาซูชิงซวู่ทันที
ฉากนี้มีใครบางคนมองอยู่ตั้งนานแล้ว
ตรงบริเวณปลายถนนของป่าแห่งหนึ่ง องครักษ์กลุ่มหนึ่งกำลังรักษาการณ์ล้อมรอบรถม้าอันโอ่อ่าคันหนึ่งเอาไว้
ม่านรถม้าถูกยกขึ้นอย่างอ่อนโยนด้วยมือที่เห็นข้อกระดูกอย่างชัดเจน
บุรุษในรถสวมเสื้อคลุมพญางูสีดำ ใบหน้าที่เหลี่ยมเป็นสันของเขาดูเย็นชาเป็นอย่างมาก ตัวของเขาราวกับมีรัศมีความน่าหวาดกลัวและความน่าเกรงขามเปล่งประกายออกมา ซึ่งมันทำให้ผู้คนต่างก็พากันหวาดกลัวเขากันไปหมด
แต่ตอนที่สายตาของเขามองไปที่สตรีผู้นั้น มันกลับแสดงความประหลาดใจบางอย่างออกมา
ท่าทางนางอาจจะดูอ่อนแอ แต่การเคลื่อนไหวของนางกลับดูช่ำชองและไร้ซึ่งความปราณี ดูไม่เหมือนกับทักษะที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้เลย
องครักษ์เสี่ยวอู๋ที่อยู่ข้างรถม้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ทักษะยอดเยี่ยมยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งนั้นมิเพียงพอ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้โจรพวกนั้นเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบไปเลยก็เป็นได้”
รถม้าจอดอยู่ในที่ลับ ทางนั้นที่กำลังไล่ล่ากันอย่างดุเดือดจึงไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นพวกเขา
พฤติกรรมของซูชิงซวู่ทำให้คนพวกนั้นโกรธแค้นกันมาก เดิมทีอีกฝ่ายแค่อยากจะทำลายความบริสุทธิ์ของสตรีผู้นี้เท่านั้น ไม่ได้หมายจะเอาชีวิตของนางแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้กลับถูกนางหลอกจนเสียสติกันไปหมดแล้ว
พวกนั้นกัดฟันและดึงมีดขนาดใหญ่ออกมาจากเอว แล้วก็วิ่งกรูกันเข้าไปหาซูชิงซวู่ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม
หัวใจของซูชิงซวู่ดำดิ่งลงในทันที นางไม่สามารถสู้กับพวกมันด้วยมือเปล่าได้ หากพวกมันมีอาวุธ นางก็จะยิ่งเสียเปรียบ
หัวสมองของนางทำงานอย่างรวดเร็ว
อาชีพสายลับที่นางทำมาหลายปีทำให้นางสามารถสงบสติอารมณ์ได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังเสี่ยงอันตรายมากก็ตาม
นางเหลือบมองไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรที่นางเพิ่งจะเตะเป้าเขาไป จากนั้นก็วางแผนจะจับเขามาเป็นตัวประกันเพื่อใช้ในการข่มขู่คนอื่นที่เหลือ
หลังจากสับขาหลอกโจรพวกนั้น นางก็วิ่งเข้าไปทางหัวหน้าโจรอย่างรวดเร็ว
ทว่านางกลับประเมินความแข็งแกร่งของร่างกายนี้สูงเกินไป
ตอนที่นางเพิ่งจะวิ่งไปได้แค่ไม่กี่เมตร จู่ ๆ ร่างกายของนางก็อ่อนปวกเปียกไป แล้วนางก็ล้มลงไปทันที
มันจบแล้ว
นี่เป็นความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของนาง
แล้วก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ นางยังไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้น มีดเล่มหนึ่งก็มาจ่ออยู่ที่คอของนางเสียแล้ว
“เฮ้อ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
เสี่ยวอู๋ที่ยืนอยู่ข้างรถม้าถอนหายใจออกมาและส่ายหน้าไปมา
สตรีผู้นี้ดูเหมือนจะฉลาดมาก แต่นางกลับดวงไม่ดีเอาเสียเลย
อีกอย่างท่านอ๋องของเขาก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่นเสียด้วย
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ มีที่ทั้งแหบทั้งสุขุมของบุรุษคนหนึ่งก็ดังมาจากในรถม้า “ไปช่วยนางเสีย”
เสี่ยวอู๋อึ้งไปชั่วขณะ แววตาของเขาแสดงอาการตกใจออกมา หลังจากนั้นเขาก็รีบตอบรับคำสั่งทันที
แต่ใครจะไปรู้เล่าหลังจากที่หันหน้าไป เขาก็ได้ยินเสียงโหยหวนอันน่าเศร้าของพวกโจรดังขึ้นมาเสียก่อน