ชายที่อยู่บนร่างเธอชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่การกระทำกลับหยาบกระด้างและไร้ความรู้สึกมากขึ้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทุกอย่างถึงได้จบลง
หลินซีถูกดูดกลืนเรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้วเธอก็ผล็อยหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นห้องสวีทก็ว่างเปล่า มีเพียงเตียงนอนที่ยับยู่ยี่และร่างกายที่ปวดเมื่อยเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้คือเรื่องจริง
งานสังสรรค์ที่ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า เธอถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าจนแทบจะหมดสติ ก่อนจะถูกส่งมาที่นี่เพื่อให้ชายแปลกหน้าย่ำยี
ในช่วงเวลาคับขัน เธอไร้หนทางขอความช่วยเหลือ นึกถึงมู่จิ่วเซียว สามีของเธอที่กลับมาจากต่างจังหวัดในวันนั้น เธอส่งข้อความขอความช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า โทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดสายสุดท้ายเขาก็ตอบรับ แต่กลับพูดออกมาเพียงประโยคเดียวว่า “ผมยุ่งมาก คุณแจ้งตำรวจเถอะ”
จนถึงตอนนี้ คำพูดที่ไร้หัวใจและเย็นชาของเขายังคงก้องอยู่ในใจของหลินซี
มันช่างบาดลึก เจ็บปวดถึงขั้วหัวใจ เขาย่ำยีความรักและศักดิ์ศรีที่เธอมีมานานหลายปีจนยับเยินไม่เหลือชิ้นดี
เธอฝืนยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย ความเศร้าหมองในดวงตาค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความชาชิน ก่อนจะเลิกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นจากเตียง
นามบัตรใบหนึ่งร่วงลงบนพื้น
หลินซีชะงัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา และเมื่อเห็นตัวอักษรพิเศษบนนั้น เธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
——มู่ซือ กรุ๊ป
เมื่อคืนมืดสนิท เธอมองเห็นหน้าตาของคนคนนั้นได้ไม่ชัดเจน แต่คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะเป็นคนของมู่จิ่วเซียว
ถ้าอย่างนั้น แผนการในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับมู่จิ่วเซียวด้วยหรือเปล่า?
……
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ที่เย็นยะเยือก หลินซีเห็นรองเท้าและเสื้อโค้ทแสนคุ้นตาที่หน้าประตู ก็รู้ว่ามู่จิ่วเซียวกลับมาแล้ว เธอตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้า
มู่จิ่วเซียวเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมา ชุดคลุมอาบน้ำที่สวมเรียบร้อยไม่อาจบดบังออร่าอันสูงศักดิ์ของเขาได้ ใบหน้าเปียกชื้นดูเย็นชาและสุขุม เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์
เมื่อเห็นหลินซี มู่จิ่วเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาที่ลุ่มลึกคู่นั้นไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นความเย็นชาหรือความรังเกียจ “มีอะไร?”
หลินซีจ้องมองเขา
ฐานะของพวกเขานั้นแตกต่างกันมาก ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ สามปีที่แล้วพ่อมู่ป่วยหนัก ตอนที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลินซีได้บริจาคไขกระดูกให้พ่อมู่ เมื่อท่านหายป่วยก็ตกลงให้เธอขออะไรก็ได้หนึ่งอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของเธอ
หลินซีใช้บุญคุณจากการช่วยชีวิต แลกกับการแต่งงานกับมู่จิ่วเซียว
ตอนนั้นเธอยังเด็ก เพื่อความปรารถนาส่วนตัวของตัวเอง เธอจึงทุ่มเทหมดใจ คิดว่าแม้เขาจะเป็นภูเขาน้ำแข็ง เธอก็สามารถละลายเขาได้
ทว่ามู่จิ่วเซียวกลับรังเกียจความรีบร้อนที่จะทำให้สำเร็จให้จงได้ของเธอ
เขาเกลียดเล่ห์เหลี่ยมของเธอ ดังนั้นตลอดสามปีของการแต่งงาน เขาจึงทำเหมือนว่าเรือนหอหลังนี้เป็นเพียงโรงแรมชั่วคราว เขารับการดูแลเอาใจใส่ทุกอย่างจากเธอ แต่กลับไม่เคยมองเธอเป็นภรรยาเลย
ก่อนหน้านี้หลินซีไม่เคยสนใจ
เธอต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมายจากการเปลี่ยนแปลงทางครอบครัว นอกจากการพึ่งพิงเขาแล้ว เธอก็ยังต้องการความรักจากเขาด้วย ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับความเย็นชาของมู่จิ่วเซียว เธอก็จะปลอบใจตัวเอง
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนวานนี้มา หลินซีก็รักต่อไปไม่ไหวแล้ว
เธอไม่รู้ว่ามู่จิ่วเซียวมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่อย่างแน่นอน เดิมทีเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและตั้งใจจะไปเค้นหาความจริงจากเขา แต่คำตอบที่ได้ก็เห็นได้ชัดว่าจะนำความอัปยศมาสู่ตัวเอง
เธอเม้มริมฝีปากแน่น เสียงของเธอยังคงแหบพร่า “มู่จิ่วเซียว……”
มู่จิ่วเซียวไม่สนใจเธอ เขาเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
หยิบเสื้อผ้าที่หลินซีจัดเตรียมไว้ให้เขาด้วยความพิถีพิถันออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
แผ่นหลังของเขาดูเย็นชา แม้แต่เสียงก็ยังไร้ความรู้สึก “อย่ามายืนเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ลงไปทำอาหารเช้าซะ ผมจะออกไปข้างนอกในอีกครึ่งชั่วโมง”
หลินซียังคงนิ่งเฉย พลางพูดอย่างใจเย็น “มู่จิ่วเซียว เราหย่ากันเถอะ”