ฉันจึงวางแผนแก้แค้นอย่างเลือดเย็นที่สุด ฉันจะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอนาคต เหมือนที่เขาเคยทำลายชีวิตของฉัน
บทที่ 1
เปมิกา POV:
"คุณเปมิกาคะ คุณแน่ใจนะคะว่าอยากทำแบบนี้" เสียงเลขาของฉัน เอมอร ถามมาตามสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเจือด้วยความกังวล
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างออฟฟิศ ภาพตึกระฟ้าเบื้องล่างดูเลือนรางราวกับไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว
ความรู้สึกที่ปวดร้าวอยู่ในอกมันจุกเสียดจนพูดไม่ออก ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
"เอมอร เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม" ฉันพยายามบังคับเสียงตัวเองให้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ฉันต้องการให้เธอทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง"
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ความเย็นเฉียบแล่นไปตามสันหลัง มันไม่ใช่ความหนาวจากแอร์ แต่เป็นความหนาวจากข้างใน
"เตรียมเอกสารทั้งหมดที่ฉันบอกไว้ ทุกอย่างต้องเรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด"
ฉันบอกเธอไปอย่างใจเย็น แต่ภายในใจฉันกำลังลุกเป็นไฟด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง
เอมอรเงียบไปครู่หนึ่ง คงจะประหลาดใจกับความเด็ดขาดของฉัน ปกติแล้วฉันไม่ใช่คนแบบนี้
"ค่ะ คุณเปมิกา ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างค่ะ" เธอตอบรับอย่างหวั่นๆ ก่อนจะวางสายไป
ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน มันเป็นโทรศัพท์เครื่องเดียวกับที่ฉันเคยใช้คุยกับเจษฎากรหลายร้อยครั้ง
คุยกันถึงเรื่องอนาคตของเราสองคน
ฉันหลับตาลง ภาพของเจษฎากรก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที
"เปมิกา นี่เธอจะทำอะไรของเธอ!" เสียงหงุดหงิดของเขาดังขึ้นเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ตอนที่เราทะเลาะกัน
เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นฉันกำลังจัดเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเดินทาง
ฉันจำได้ดีว่าวันนั้นหัวใจฉันเต้นระรัวด้วยความเจ็บปวด เหมือนมีมีดนับร้อยเล่มกรีดลงไป
ฉันพยายามซ่อนความเจ็บปวดนั้นไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย
เขาสบตาฉัน สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความรัก ตอนนี้กลับมีแต่ความหงุดหงิดและไม่เข้าใจ
"ฉันแค่อยากจะพักผ่อนบ้าง เจษฎากร" ฉันตอบไปอย่างเหนื่อยอ่อน
ฉันยังจำได้ดีว่าตอนนั้น น้ำเสียงของฉันมันสั่นเครือแค่ไหน แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นเลย
เขามองกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ตรงหน้า เหมือนมันเป็นของแปลกปลอม
"พักผ่อน? ตอนนี้เนี่ยนะ? เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังยุ่งแค่ไหน!" เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉันเองก็เหนื่อยและเจ็บปวดมากพอแล้ว
"ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันมีบางอย่างจะบอกเธอ" เขาพูดต่อ ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าเรื่องที่เขาจะบอกมันคืออะไร
ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่ฉันก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เขาเดินเข้ามาใกล้ จ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
"ฉันคบกับดุจดาวมาหลายปีแล้ว เปมิกา"
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ฉันยืนนิ่ง ตัวชาไปทั้งตัว
ความจริงที่ฉันพยายามปฏิเสธมาตลอด ตอนนี้มันถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของเขาเอง
ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า
"ฉันรักเธอ เปมิกา แต่ดุจดาว...เธออ่อนโยน เธอเข้าใจฉันมากกว่า"
เขาพูดออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าฉันเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่ง
"ฉันรู้สึกผิดนะ แต่ฉันก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของดุจดาวด้วย"
ความผิดชอบต่อผู้หญิงคนอื่น ที่ไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง เสียงนั้นมันบาดลึกเข้าไปในใจของฉัน
ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันพยายามตอบอะไรบางอย่าง แต่เสียงมันติดอยู่ตรงลำคอ
ฉันเคยเป็นคนแบบไหนนะ? เปมิกาคนเก่าคงจะกรีดร้อง ร้องไห้
คงจะอาละวาดใส่เขาแล้ว แต่เปมิกาคนนี้กลับนิ่งเฉย
ฉันแค่มองหน้าเขา แล้วพยักหน้าช้าๆ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจษฎากร เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกขื่นขม
เขาโล่งใจที่ฉันไม่โวยวาย เขายิ้มราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งได้หลุดพ้นไปแล้ว
"ฉันรู้ว่าเธอต้องเข้าใจ เปมิกา" เขากล่าว
"ดุจดาว เธอใสซื่อ เธอไม่เหมือนเธอเลยนะเปมิกา"
คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงไปซ้ำๆ บนบาดแผลที่ยังสดใหม่
"เธอควรจะเรียนรู้จากดุจดาวบ้างนะ" เขายังคงพูดต่อโดยไม่สนใจความรู้สึกของฉัน
"เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน เปมิกา เธอต้องคอยสนับสนุนฉัน"
โทรศัพท์ของเจษฎากรดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเดินออกไปคุยที่ระเบียง ทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเรา
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ภาพสะท้อนของฉันในกระจกดูแตกต่างจากเมื่อสิบปีก่อนมาก
สิบปีที่แล้ว ฉันคือเปมิกา ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความฝัน
ผู้หญิงที่ตกหลุมรักเจษฎากร นักแสดงข้างถนนที่ไม่มีใครรู้จัก
ฉันเห็นแววตาของเขา แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความฝัน
ฉันเชื่อในตัวเขา เชื่อว่าเขาสามารถเป็นซูเปอร์สตาร์ได้
ฉันทุ่มเททุกอย่าง ทั้งเวลา สุขภาพ และเงินส่วนตัว
เราสองคนช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา
ฉันจำได้ว่าตอนนั้น เราเคยนั่งกินข้าวด้วยกันบนพื้นออฟฟิศเล็กๆ
เราเคยหัวเราะด้วยกัน เคยร้องไห้ด้วยกัน
เขาเคยบอกฉันว่า "เปมิกา เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน"
หลังจากที่เขามีชื่อเสียงโด่งดัง เขาก็ยังคงแสดงความรักกับฉันอย่างเปิดเผย
ในงานประกาศรางวัลใหญ่ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าผู้คนนับร้อย
แล้วพูดว่า "เปมิกา ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด ผมรักคุณ"
ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก
แต่แล้วความจริงก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
ฉันเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ
เขาเริ่มกลับบ้านดึกขึ้น อ้างว่าติดงาน
ฉันเริ่มเห็นรูปของดุจดาวในโทรศัพท์ของเขา
รูปที่ดูสนิทสนมเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน
ดุจดาว นักแสดงสาวดาวรุ่งที่ฉันเป็นคนเลือกมาให้เขาร่วมงานด้วย
เธออ่อนหวาน น่ารัก ใครๆ ก็ชอบเธอ
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นคนที่มาแย่งทุกอย่างไปจากฉัน
ฉันจำได้ว่าตอนนั้น เจษฎากรเริ่มมอบบทบาทสำคัญที่ฉันหามาให้เขา ไปให้ดุจดาวแทน
เขาบอกว่าดุจดาวเหมาะกับบทนี้มากกว่า ฉันเริ่มสงสัย แต่ก็พยายามไม่คิดมาก
ความเจ็บปวดที่ถูกทรยศมันยากที่จะรับไหว
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือตอนที่ฉันเห็นรูปของดุจดาวบนอินสตาแกรมของเธอ
รูปที่เธอกำลังสวมแหวนคู่กับเจษฎากร
พร้อมแคปชั่นว่า "ของขวัญครบรอบของเรา"
ฉันกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่ฉันทุ่มเทให้ทั้งหมดจะจบลงแบบนี้
จบลงด้วยการทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น
"เปมิกา! เธออยู่ไหน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย!" เสียงของเจษฎากรดังขึ้นจากชั้นล่าง
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ
ได้เวลาเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว ไม่ใช่เปมิกาคนเก่าที่เคยอ่อนแอและร้องไห้
แต่เป็นเปมิกาคนใหม่
คนที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง
ฉันเดินลงไปชั้นล่าง รอยยิ้มเจื่อนๆ ปรากฏบนใบหน้า
เจษฎากรกำลังยืนรอฉันอยู่ตรงบันได ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจ
"เธอไปทำอะไรมา ทำไมฉันถึงถามแล้วเธอไม่ตอบ" เขากล่าว
"ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ" ฉันตอบไปอย่างเฉยชา
ฉันรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
และฉันจะไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่ๆ
ฉันจะเอาทุกอย่างของฉันคืนมา
ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม