ฉันหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อังกฤษ ส่วนพุฒิที่เพิ่งตาสว่างและรู้ความจริงว่าลลิตาเป็นคนวางระเบิด ได้กลับไปลงโทษหญิงชั่วอย่างสาสม ก่อนจะตามมาคุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดีกับฉัน
เขาร้องไห้แทบขาดใจ ท่ามกลางดอกไม้ไฟที่เขาจุดเพื่อง้อฉัน แต่ฉันกลับยืนกอดกับผู้ชายคนใหม่ แล้วมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
"เราหย่ากันตั้งแต่วินาทีที่คุณทิ้งฉันไว้ในกองไฟแล้วค่ะ คุณพุฒิ"
บทที่ 1
ปาริชาติ POV:
ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำสั่งเฉียบขาดของพุฒิจะทำให้ฉันยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้น
"ปาริชาติ กำไลหยกของเธอ ฉันจะขอมอบให้ลลิตา" เสียงของพุฒิเย็นชาเหมือนน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนยอดเขา "เธอจะได้ใส่มันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ"
ลมหายใจของฉันสะดุดกึกกลางอก กำไลหยกที่เขากล่าวถึงนั้นมันไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับ แต่มันคือสิ่งเดียวที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉันก่อนจากไป มันเป็นตัวแทนของความรัก ความหวัง และความทรงจำทั้งหมดที่ฉันมีเกี่ยวกับแม่
กำไลหยกสีเขียวมรกตเม็ดงามสลักลายโบราณ เป็นของดูต่างหน้าชิ้นเดียวที่แม่มอบให้ฉันในวันที่ท่านจากไป ท่านบอกว่ากำไลวงนี้เป็นของประจำตระกูลที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันและคำอวยพรให้ฉันอยู่รอดปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ขอให้ฉันเก็บมันไว้ให้ดีที่สุด มันจึงเป็นของล้ำค่าที่สุดในชีวิตที่ฉันไม่เคยคิดจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด
กำไลวงนี้ยังเตือนฉันถึงความฝันในวัยเด็ก วันที่แม่พาฉันไปวัด ทำบุญ และเล่าเรื่องตำนานของกำไลหยกแต่ละชิ้นที่เคยเป็นของบรรพบุรุษของเรา เสียงหัวเราะของแม่ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ ภาพมือเรียวสวยของแม่ที่เคยลูบไล้กำไลวงนี้ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตท่าน ภาพเหล่านั้นชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
แต่วันนี้ พุฒิกำลังขอให้ฉันมอบมันให้กับลลิตา อดีตคนรักของเขา ซึ่งตอนนี้กลับมาพร้อมกับท้องแก่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวขจรเดชต้องล้มละลาย ฉันรู้ดีว่าลลิตากลับมาทวงทุกอย่างที่เป็นของเธอคืน และพุฒิก็พร้อมที่จะมอบทุกอย่างให้เธอ แม้กระทั่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน
เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันช้าๆ ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่กำไลหยกบนข้อมือของฉัน ราวกับว่ามันเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่ไร้คุณค่า "ลลิตาต้องการมัน เธอท้องอยู่ ฉันไม่อยากให้เธอคิดมาก" น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่กลับไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ
ฉันยืนนิ่ง พยายามดึงสติกลับมา ภาพของลลิตาที่ยืนอยู่ข้างพุฒิเมื่อครู่ยังคงติดตา ท้องที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความอ่อนหวานที่แสร้งทำ และสายตาที่จ้องมองมาที่ฉันอย่างมีชัยชนะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ แต่กลับถูกแช่แข็งจากภายใน
พุฒิเห็นว่าฉันยังไม่ยอมถอดกำไลออก เขากระชากข้อมือฉันอย่างแรงจนฉันเซถลา "หรือเธอต้องการเงินเท่าไหร่ ปาริชาติ? บอกมาสิ!"
ร่างกายของฉันชาไปทั้งตัว ความเจ็บปวดจากการกระชากข้อมือนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจที่กำลังฉีกขาดออกเป็นเสี่ยงๆ นี่คือผู้ชายที่ฉันรักหมดใจ แต่เขากลับปฏิบัติกับฉันราวกับฉันเป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่ง ที่มีราคาและสามารถแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ฉันเคยพยายามอ้อนวอนขอให้เขารักฉัน ขอให้เขาจดจำความดีงามที่ฉันเคยทำ ขอให้เขามองว่ากำไลหยกของแม่คือสิ่งสำคัญสำหรับฉันมากแค่ไหน แต่เขากลับตอบด้วยความเย็นชาเสมอว่า "เธอเป็นแค่เมียที่ถูกซื้อมา อย่าคิดว่าจะได้อะไรไปมากกว่านี้"
ฉันตัดสินใจที่จะไม่ต่อสู้ ไม่นับอะไรอีกแล้ว ฉันเหนื่อยเกินไปที่จะต่อรองกับความรู้สึกของเขา ฉันเคยปฏิเสธเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว และผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม ฉันไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก
ในวันนั้น ฉันถูกเขาบังคับให้ทำอะไรหลายอย่างที่น่าอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากเพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาเหนือฉัน
ฉันขยับริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนคำอวยพร แต่กลับแฝงด้วยความเจ็บปวด "ขอให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่ได้ไปนะลลิตา"
พุฒิยิ้มเย็นเมื่อเห็นฉันยอมทำตามที่เขาต้องการ เขาเอื้อมมือมาลูบแก้มฉันเบาๆ "ดีมาก ปาริชาติ เธอเป็นคนฉลาด" คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง
แต่จังหวะที่กำไลหยกกำลังถูกถอดออก พลันมีเสียง "เพล้ง!" กำไลหยกหลุดจากข้อมือของฉัน และกระแทกกับพื้นหินอ่อนอย่างแรง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชิ้นส่วนเล็กๆ กระเด็นไปบาดขาของลลิตา
"กรี๊ดดดดด!" ลลิตากรีดร้องเสียงหลง ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความตกใจและเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากรอยแผลเล็กๆ บนขาเรียวของเธอ
พุฒิรีบเข้าไปประคองลลิตาทันที เขาไม่ได้มองมาที่ฉันเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขามีแต่ความกังวลและความห่วงใยที่มีต่อลลิตาเท่านั้น "ลลิตา เธอเป็นอะไรมากไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?"
จากนั้น เขาก็หันมามองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับจะแผดเผาฉันให้มอดไหม้ "ปาริชาติ! เธอจงใจใช่ไหม!"
ฉันยืนนิ่งราวกับถูกตรึงอยู่กับที่ ภาพในอดีตฉายชัดขึ้นมาในสมอง วันที่เขามองฉันด้วยความรัก ความอ่อนโยนที่เคยมีให้ฉันมันหายไปไหนหมดแล้ว? ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงมีแต่ความเกลียดชัง?
ฉันกวาดตามองไปรอบๆ ผู้คนในห้องต่างมองมาที่ฉันด้วยสายตาตำหนิและสมเพช ไม่เหลือแล้ว ผู้หญิงที่เคยเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัทผู้มั่งคั่ง ตอนนี้ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ไร้ค่าในสายตาของทุกคน
ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า ฉันอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ แต่พุฒิกลับคว้าแขนฉันไว้แน่น แรงบีบของเขาทำให้ฉันเจ็บจนต้องนิ่วหน้า
"เธอจะไปไหน! เธอต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป!" เสียงของเขาดุดันและเต็มไปด้วยอำนาจ
ความเจ็บปวดที่ข้อมือมันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจที่กำลังโดนบดขยี้อย่างโหดร้าย
"ขอโทษลลิตาเดี๋ยวนี้!" พุฒิออกคำสั่ง เขาบีบแขนฉันแน่นก่อนจะออกแรงผลักฉันลงไปคุกเข่าตรงหน้าลลิตาอย่างแรง
หัวเข่าของฉันกระแทกกับพื้นอย่างจังจนรู้สึกชาไปทั้งตัว ความเจ็บปวดแล่นแปลบขึ้นมา เลือดสีแดงซิบๆ เริ่มไหลซึมจากรอยถลอกบนหัวเข่า
พุฒิเห็นเลือดที่หัวเข่าของฉัน เขายอมปล่อยมือจากแขนฉันชั่วขณะหนึ่ง
จากนั้น เขาก็กลับมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่เย็นชา "ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องขอโทษลลิตา"
ฉันกัดริมฝีปากจนได้กลิ่นคาวเลือดเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ทั้งหมด ฉันเคยต้องคุกเข่าขอโทษเขามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันเจ็บปวดที่สุด
ฉันก้มหน้าลงต่ำ น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ "ฉันขอโทษค่ะลลิตา"
ฉันเงยหน้าขึ้นมองพุฒิด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับไร้ชีวิต "แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหมคะคุณพุฒิ"
พุฒิเห็นบาดแผลที่หัวเข่าของฉัน เขาก้มลงมาเช็ดเลือดให้ฉันอย่างแรง ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่บาดลึกในใจว่า "อย่าคิดว่าไม่มีปาริชาติแล้วฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้"
หมอและพยาบาลรีบเข้ามาในห้องทันที พุฒิรีบอุ้มลลิตาไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ชายตามองมาที่ฉันเลยแม้แต่น้อย
ฉันลุกขึ้นยืนช้าๆ ร่างกายของฉันมันชาไปหมด ฉันก้มลงเก็บกำไลหยกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ของแม่ขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่ถังขยะและทิ้งมันลงไปอย่างไม่ลังเล
"จากนี้ไป ปาริชาติคนเก่าได้ตายจากไปแล้ว" ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในใจ "ฉันจะไม่รักผู้ชายคนนี้อีกแล้ว"