ฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้นในวันที่ฉันไปโรงพยาบาลและพบว่าตัวเองตั้งท้อง ฉันโทรหาเขาด้วยความดีใจ แต่เขากลับตวาดใส่และบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการดูแลอิสรีย์ที่แค่ "ข้อเท้าแพลง"
วินาทีนั้นฉันตาสว่าง ความรักที่ฉันมีให้เขามันตายไปพร้อมกับความหวัง ฉันวางแผนอย่างใจเย็น สอดไส้ใบหย่าไว้ใต้กองเอกสารวิจัยที่ให้เขาเซ็น
เขาเซ็นมันอย่างรวดเร็วเพื่อจะรีบไปหาชู้รัก โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือการเซ็นยกเลิกสิทธิ์ความเป็นพ่อและสามีของตัวเอง
ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นเครื่องไปสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกในท้อง
ส่วนภราดร... รอให้เขารู้ตัวตอนที่หิมะถล่มลงมาทับความรู้สึกผิดของเขาเถอะ ว่าเขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปตลอดกาลแล้ว
บทที่ 1
รุ่งนภา POV:
กว่าสี่ปีที่ฉันใช้ชีวิตอยู่กับภราดร ฉันพยายามทำให้ทุกวันของการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ให้มันมีความหมาย แต่ไม่เลย สุดท้ายฉันก็เป็นแค่อากาศธาตุในบ้านหลังใหญ่หลังนี้
ฉันหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างใจเย็น
มันหนักอึ้งในมือฉัน ไม่ใช่เพราะน้ำหนักของกระดาษ แต่เพราะน้ำหนักของการตัดสินใจ
มันคือเอกสารที่จะยุติทุกสิ่งทุกอย่าง
ใบหย่า
ฉันหันไปมองทนายความผู้ชำนาญการที่นั่งอยู่ตรงหน้า ฉายาของเขาคือ "ทนายผีดิบ" เพราะใบหน้าของเขาไม่เคยแสดงความรู้สึกใด ๆ
"คุณมั่นใจแล้วใช่ไหมครับ คุณรุ่งนภา" เสียงของเขาราบเรียบ
ฉันพยักหน้าช้า ๆ
"ฉันคิดเรื่องนี้มานานพอแล้วค่ะ"
จริง ๆ แล้วมันนานเกินไป
นานเกินกว่าที่คนคนหนึ่งควรจะเสียเวลาให้กับการแต่งงานที่ว่างเปล่าเช่นนี้
ทนายผีดิบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
ฉันรู้ดีว่าในสายตาเขา ฉันคงเป็นแค่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงที่ตาบอดเพราะความรัก
ผู้หญิงที่คิดว่าเงินทองและอำนาจจะซื้อความสุขที่แท้จริงได้
"คุณดูผอมลงไปมาก" เขาพูดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเบา ๆ
ฉันรู้ว่าตัวเองผอมลง
นอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้ว
แต่ฉันก็ไม่อยากได้ความเห็นอกเห็นใจจากเขา
หรือจากใครก็ตาม
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันตอบสั้น ๆ "ฉันดูแลตัวเองได้"
ทนายผีดิบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"คุณแน่ใจนะครับว่าคุณไม่ต้องการส่วนแบ่งในทรัพย์สิน"
"ฉันไม่ต้องการอะไรเลยค่ะ" ฉันตอบทันที น้ำเสียงของฉันหนักแน่น "แค่เพียงอิสรภาพของฉัน"
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง
"คุณภราดรคงไม่ยอมง่าย ๆ หรอกนะครับ"
"เขาจะยอมค่ะ" ฉันพูดอย่างมั่นใจ
ฉันรู้ว่าภราดรจะเซ็นมัน
เพราะเขาไม่เคยใส่ใจในสิ่งที่ฉันทำ
เขาไม่เคยมองเห็นฉันเลยด้วยซ้ำ
ฉันวางซองเอกสารลงบนโต๊ะของทนายผีดิบ
"ฉันจะให้เขาเซ็นเอง"
"คุณจะทำแบบนั้นเหรอครับ"
"ฉันมีวิธีของฉันค่ะ"
ฉันยิ้มอย่างเย็นชา
"พรุ่งนี้เช้าฉันจะนำเอกสารที่เซ็นแล้วมาให้คุณ"
ฉันไม่ต้องการให้เขาสงสัย
ไม่ต้องการให้เขารู้ถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของฉัน
ฉันลุกขึ้นยืน
ความรู้สึกหนักอึ้งในอกเริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว
ฉันกำลังจะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์จันทร์งาม อันโอ่อ่าแต่ว่างเปล่า ฉันเดินผ่านโถงทางเดินกว้างขวาง
ไม่มีใครทักทายฉัน
ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมอง
เหมือนฉันเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่เคลื่อนที่ได้
ฉันเคยรู้สึกเหมือนเป็นแค่วัตถุ สิ่งของ
ไม่มีชีวิตจิตใจ
ไม่มีความรู้สึก
แต่ตอนนี้ฉันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
ฉันเดินตรงไปยังห้องทำงานของภราดร เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมา
เสียงหัวเราะของอิสรีย์
กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกของเธอฟุ้งกระจายไปทั่วคฤหาสน์
ฉันจำได้ว่าภราดรเกลียดกลิ่นน้ำหอมแรง ๆ
แต่ตอนนี้เขากลับปล่อยให้มันอบอวลไปทั่วบ้านของเขา
บ้านของเรา
ฉันผลักบานประตูห้องทำงานเข้าไป
ภาพที่เห็นทำให้หัวใจฉันบีบรัด
ภราดรกำลังโอบอิสรีย์ไว้ในอ้อมแขน
อิสรีย์หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
พวกเขาดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ
ต่างจากเวลาที่อยู่กับฉันโดยสิ้นเชิง
รอยยิ้มบนใบหน้าของภราดรหายไปทันทีเมื่อเขาเห็นฉัน
ใบหน้าของเขาแข็งกระด้างขึ้น
อิสรีย์หันมามองฉันอย่างไม่พอใจ
"อ้าว รุ่งนภา มาได้ยังไงเนี่ย" อิสรีย์พูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นเป็นมิตร แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววเย้ยหยัน
ภราดรขยับตัวเล็กน้อย ปล่อยอิสรีย์ออกจากอ้อมแขนอย่างช้า ๆ
"รุ่ง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้อารมณ์
ไม่มีคำว่า "ที่รัก" หรือ "ภรรยา"
มีแค่ "รุ่ง" เท่านั้น
ฉันพยักหน้าเบา ๆ
"ฉันมาเอาเอกสารให้คุณเซ็นค่ะ"
อิสรีย์หัวเราะคิกคัก
"โอ๊ย รุ่งนภา เธอทำตัวเหมือนเมียหลวงในละครเลยนะเนี่ย ดร. เขากำลังยุ่งอยู่"
"ไม่เป็นไรหรอกอิส" ภราดรพูด "เอกสารอะไร"
ฉันเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงาน วางซองเอกสารสีน้ำตาลลงตรงหน้าเขา
เสียงของกระดาษกระทบกับไม้ดังชัดเจนในความเงียบที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ภราดรเหลือบมองซองเอกสารเพียงแวบเดียว
เขากำลังยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แต่เมื่อเห็นซองเอกสาร มือของเขาก็ชะงักกลางอากาศ
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
"เอกสารอะไร" เขาทวนคำ
ฉันวางเอกสารวิจัยที่ฉันต้องเซ็นกำกับในแต่ละหน้าทับลงไป
"เอกสารวิจัยค่ะ ที่ฉันจะต้องใช้ในการยื่นขอทุนการศึกษา" ฉันโกหก "ฉันต้องการให้คุณเซ็นกำกับในหน้าสุดท้าย เพื่อยืนยันว่าคุณรับทราบเรื่องที่ฉันจะไปศึกษาต่อต่างประเทศค่ะ"
คำโกหกนั้นเจ็บปวดกว่าที่ฉันคิด
มันเจ็บปวดที่ต้องโกหกคนที่ฉันเคยรักมากที่สุด
แต่ฉันไม่มีทางเลือก
ครอบครัวของฉันเป็นหนี้บุญคุณตระกูลของภราดร
เขาช่วยปลดหนี้ให้พ่อแม่ของฉัน
ฉันจึงต้องแต่งงานกับเขา
เพื่อชดใช้หนี้
ฉันกลัวว่าเขาจะปฏิเสธที่จะเซ็น
ฉันกลัวว่าเขาจะกักขังฉันไว้ในกรงทองแห่งนี้ตลอดไป
ภราดรลังเลเล็กน้อย
อิสรีย์เห็นท่าทีของเขา จึงรีบเข้ามาแทรกแซง
เธอวางมือลงบนแขนของภราดรเบา ๆ อย่างเอาใจ
"ดร. คะ เซ็น ๆ ไปเถอะค่ะ" เธอบอก "เอกสารแค่นี้เอง ดร. ก็เซ็นมาตั้งเยอะแล้วนี่นา"
ภราดรมองอิสรีย์
จากนั้นเขาก็หยิบปากกาขึ้นมาเซ็นอย่างรวดเร็ว
หัวใจฉันเต้นระรัว
ฉันรีบดึงเอกสารกลับมาทันที
"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเสียงเรียบ
อิสรีย์หัวเราะเยาะ
"รีบไปไหนเนี่ย หรือว่ากลัวว่าใครจะเห็นว่าเธอกับดร. ยังอยู่ด้วยกัน"
ฉันไม่ตอบ
ฉันหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของภราดรไปอย่างช้า ๆ
มือของฉันเย็นเฉียบและสั่นเทา
ฉันกำเอกสารแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือไป
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เสียงหัวเราะของอิสรีย์ก็ดังขึ้น
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยชัยชนะ
แต่เธอไม่รู้หรอกว่าคืนนี้ใครคือผู้ชนะที่แท้จริง
ฉันก้าวเดินออกไปจากห้องนั้น
ไปจากชีวิตที่ว่างเปล่านี้
คำว่า "อิสรภาพ" มันช่างหอมหวานเหลือเกิน