วินาทีที่ฉันกำใบตรวจครรภ์ด้วยมือที่สั่นเทา ฮั่วเจ๋อซูกลับวิ่งผ่านหน้าฉันไปเพื่อประคองชู้รักที่แกล้งเจ็บท้อง โดยไม่ปรายตามองภรรยาที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความแค้น ฉันตัดสินใจขีดฆ่าชื่อพ่อออกจากชีวิตลูก เผาแหวนแต่งงานทิ้ง และบินหนีไปอเมริกาโดยไม่ทิ้งร่องรอย
วันที่เขารู้ความจริงว่าฉันท้องและจากไป เขาแทบพลิกแผ่นดินหาอย่างคนบ้าคลั่ง แต่มันสายไปเสียแล้ว
สามปีต่อมา ฉันกลับมาอีกครั้งในฐานะนักวิจัยระดับโลกผู้สง่างาม พร้อมกับเด็กชายตัวน้อยที่ถอดแบบใบหน้าเขามาทุกกระเบียดนิ้ว
ฮั่วเจ๋อซูผู้ยิ่งใหญ่ยอมทิ้งศักดิ์ศรี คุกเข่าตากฝนหน้าโรงพยาบาลเพื่อขอโอกาสเป็นพ่อคน
"ชีวิตของคุณไม่มีค่าพอสำหรับฉันหรอก ฮั่วเจ๋อซู"
ฉันมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วปิดประตูรถใส่หน้าเขา ทิ้งให้เขาร่ำไห้อย่างน่าสมเพชกับบทเรียนราคาแพงที่ชื่อว่า "สายเกินไป"
บทที่ 1
Siwei Muyu POV
ฉันจรดปลายปากกาลงบนโต๊ะไม้เนื้อแข็ง เสียงกระทบแผ่วเบานั้นก้องกังวานท่ามกลางความเงียบงันของห้องทำงาน ราวกับเสียงลั่นไกปืนที่ปลิดชีพตัวตนเก่าของฉันให้ตายตกไป
เอกสารหย่าที่ลงนามเสร็จสมบูรณ์วางสงบนิ่งอยู่ที่มุมโต๊ะของฮั่วเจ๋อซู มันไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มันคือใบเสร็จชำระหนี้งวดสุดท้าย สำหรับพันธนาการที่ฉันต้องชดใช้ด้วยเวลาถึงแปดปีเต็ม
ฉันก้าวลงบันไดมายังห้องครัว กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งมาเตะจมูก กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวต้มที่ฉันตื่นมาเคี่ยวตั้งแต่ตีห้าจนเลือนหายไปจนหมดสิ้น
ภาพที่ปรากฏแก่สายตา ทำให้เลือดในกายของฉันเย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง
โจวโม่โม่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งของฮั่วเจ๋อซู ชายเสื้อยาวคลุมลงมาเพียงต้นขา เผยให้เห็นเรียวขาเปลือยเปล่า เธอเดินควงแขนเขาลงมาจากชั้นบน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองฉันที่ยืนจัดโต๊ะอาหารอยู่ ราวกับฉันเป็นเพียงอากาศธาตุหรือคนรับใช้ที่ไร้ตัวตน
ความเจ็บปวดที่เคยกรีดแทงหัวใจฉันทุกครั้งที่เห็นภาพบาดตาเช่นนี้... วันนี้มันกลับด้านชาจนไร้ความรู้สึก
ฮั่วเจ๋อซูนั่งลงที่หัวโต๊ะ เขาบรรจงแกะเปลือกกุ้งอย่างพิถีพิถันก่อนจะวางลงในจานของโจวโม่โม่ การกระทำที่แสนอ่อนโยนนั้นช่างขัดแย้งกับความเย็นชาและห่างเหินที่เขามอบให้ฉันมาตลอดแปดปี
"รายงานงบการเงินที่ฉันต้องการ เสร็จหรือยัง"
เขาเอ่ยถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ราวกับกำลังสั่งงานบริกรเพื่อขอน้ำเปล่าสักแก้ว
ฉันรู้สึกจุกแน่นที่อก แต่ร่างกายกลับตอบสนองไปตามความเคยชินที่น่าสมเพช
"วางอยู่บนโต๊ะทำงานค่ะ"
เขาพยักหน้าส่งๆ อย่างขอไปที มือยังคงยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติผู้หญิงข้างกาย
โจวโม่โม่เคี้ยวอาหารแก้มตุ่ย ก่อนจะปรายตามองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
"ท่านประธานฮั่วคะ สมัยนี้ยังมีคนทำตัวเป็นแม่บ้านก้นครัวอยู่อีกเหรอคะ ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ"
ปลายนิ้วของฉันสั่นระริก ฉันกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เพื่อเรียกสติและข่มกลั้นไม่ให้กรีดร้องออกมา
ภาพความทรงจำเมื่อแปดปีก่อนย้อนกลับมา... แม่ของฉันป่วยหนักและต้องการเงิน 25 ล้านบาทเพื่อผ่าตัดด่วน ฮั่วเจ๋อซูคือพระเจ้าที่ยื่นมือเข้ามาช่วย พร้อมกับข้อเสนอการแต่งงานตามสัญญา
ฉันเคยหลงคิดว่าความใกล้ชิดจะแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ฉันเคยหลงคิดว่าความดีจะสามารถเอาชนะใจเขาได้
แต่ฉันคิดผิด... ผิดมหันต์
สำหรับเขา ฉันเป็นเพียงตุ๊กตาประดับบ้าน เป็นเครื่องมือทางธุรกิจ และเป็นเพียงเงาของผู้หญิงที่เขารัก
โจวโม่โม่คือเงาสะท้อนของรักแรกที่ตายจากไปของเขา และเธอก็รู้ดีว่าจะใช้ความได้เปรียบนั้นทำลายฉันได้อย่างไร
เมื่อสัปดาห์ก่อน ในงานเลี้ยงครอบครัว เธอแกล้งทำไวน์หกใส่ฉัน ฮั่วเจ๋อซูไม่ถามฉันสักคำว่าเจ็บไหม หรือเลอะเทอะเพียงใด เขากลับรีบคว้ามือของเธอมาดูด้วยความเป็นห่วงว่าเปื้อนหรือเปล่า
วินาทีนั้นเอง... ความหวังสุดท้ายของฉันก็พังทลายลง
ฉันหันหลังให้ภาพบาดตานั้น เดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนอย่างเงียบเชียบ ทุกย่างก้าวหนักอึ้งแต่ทว่ามั่นคง
กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า ฉันหยิบมันออกมา พร้อมกับตั๋วเครื่องบินและเอกสารวีซ่าที่เตรียมไว้พร้อมสรรพ
ฉันทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง จินตนาการถึงห้องแล็บวิจัยในอเมริกาที่เพื่อนรักอย่างเฉินเจียหยิงเตรียมไว้ให้
ที่นั่นจะไม่มี 'คุณนายฮั่ว' ผู้ต่ำต้อยอีกต่อไป จะมีเพียง 'สือเว่ย มู่ยวี่' นักวิจัยชีวภาพผู้มีอนาคตอันสดใสรออยู่
"ฮั่วเจ๋อซู นับจากวินาทีนี้ไป ชีวิตของคุณกับฉัน... ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"
ฉันกระซิบกับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก แววตาที่เคยหม่นหมองและไร้ชีวิตชีวา วันนี้กลับมีประกายไฟแห่งอิสรภาพลุกโชนขึ้นมาอย่างเจิดจรัส