ผมชื่อ ‘มาวิน’ แต่ชีวิตไม่เคยวินสมชื่อ ตอนเด็กเคยฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ แต่พอสิบขวบ ผมก็ได้พลังวิเศษนั่นมา ...พลังวิเศษที่ทำให้มองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ยันซอกหลืบทันทีที่สบตากับเจ้าของร่างกาย คงคิดสินะว่าผมคงจะได้เห็นร่างกายสาว ๆ จนเปรม แต่ผิด ไม่เคยได้เห็นร่างเปลือยของสาว ๆ เลย เพราะไอ้ที่ผมเห็นน่ะ...ร่างกายผู้ชายล้วน ๆ เลยเถอะ! ไอ้พลังบ้านี่ดันทำให้เห็นแต่ผู้ชายด้วยกันซะงั้น โอ้โห หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนี่แตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน แม่งเอ๊ย ตาจะบอด กลายเป็นคนเก็บตัวในพริบตา จะไม่ให้เก็บตัวได้ไง สบตาใครก็เห็นกระเปี๊ยวชาวบ้านไปทั่วแบบนี้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อผมจำเป็นต้องหารูมเมทเพื่อแชร์ค่าหอพักด้วยฐานะทางบ้านเริ่มมีปัญหา คิดหนักอยู่นานถ้าจะต้องเห็นผู้ชายด้วยกันเดินโทงเทงในห้องตัวเอง แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมขนาดนั้น ส่ง ‘คชา’ ทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมมาให้ สะ...สบตาแล้วมองทะลุเสื้อผ้าไม่ได้ เพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ กราบแล้ว!
ตอนเป็นเด็ก ผมมักจะฝันพร่ำเพ้ออยู่บ่อยๆ ว่าอยากมีพลังวิเศษจะได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่เหมือนอย่างในโทรทัศน์อะไรแบบนั้น มันเป็นความฝันที่ผมเฝ้าคะนึงหามาตลอดชีวิตวัยเด็กเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งอายุได้สิบขวบ พระเจ้าก็ดลบันดาลทำให้ความฝันของผมนั้นเป็นจริงด้วยการมอบพลังวิเศษนั้นมา
พลังวิเศษนั่น... ผมได้มายังไงน่ะเหรอ
จะอธิบายยังไงดี คือทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่ผมเกิดจากอุบัติเหตุน่ะ มันไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไรหรอก ผมก็แค่ซุกซนตามประสาเด็ก ปีนต้นไม้เล่นกับเพื่อน สมมติว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์อะไรสักอย่างที่ชื่นชอบในสมัยนั้น ก่อนที่จะพลาดพลั้งตกต้นไม้ลงมา หัวกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง หากทว่าผมกลับไม่ได้มีอาการบาดเจ็บสาหัสอะไรเลยสักกะติ๊ด จะมีก็แต่เพียงหัวแตก เย็บไปไม่กี่สิบเข็มเท่านั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติระคนโชคดีที่ผมไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ใช่ไหมล่ะ
แต่ไม่... มันไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมก็มีพลังวิเศษที่พูดไว้ในตอนแรกติดตัวมาเป็นเหาฉลามทันที
ส่วนความสามารถของไอ้พลังวิเศษนั่น มันก็คือการมองทะลุเสื้อผ้าบนร่างกายของมนุษย์ได้ทันทีที่ผมสบตากับเจ้าของร่างกายน่ะสิ
ว้าว! ฟังดูโชคดีเก๋ไก๋ยูเรก้ามากๆ ใช่ไหมล่ะ คงคิดสินะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนตัวโตขนาดหมาเลียตูดไม่ถึงขนาดนี้ ผมคงได้มองร่างกายสาวๆ จนเปรมไปเลย แต่บอกเลย ถ้าใครคิดอย่างนั้นคือคิดผิดมหันต์ เพราะเพศที่ผมสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้น่ะ ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็น...
ผู้ชาย!
แม่งเอ๊ย! ผู้ชายทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชาติเลย!
ปวดหัวหนักมาก จะออกจากบ้านไปไหนก็ต้องระวังให้ไม่ไปสบตาใคร ไม่อย่างนั้นล่ะก็ขนลุกเกรียวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ขนหัวลุกหรือไม่ ก็ลองคิดสภาพตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนชายล้วนสิ โอ้โห ดงแตงกวาชัดๆ ไอ้พวกตัวใหญ่หน่อยนี่ก็อาจจะพัฒนาจากแตงกวาที่ขายเหมาเป็นตะกร้าขึ้นมาเป็นแตงกวาที่หุ้มพลาสติกห่ออาหารวางขายตามซูเปอร์มาเก็ต มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอะไรงี้ แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ไอ้การที่ได้ไปอยู่ในดงชีเปลือย เห็นตั้งแต่ของเพื่อนยันของครู ลามไปถึงคนแปลกหน้าเดินโทงเทงผ่านหน้าตลอดเวลา มันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่บัดนั้นเนื่องจากความหลอนที่ได้เห็นของลับของผู้ชายรอบข้างตลอดเวลา ดีนะที่ครอบครัวผมมีแต่ผู้หญิง ผมเลยไม่ต้องหลอนแม้กระทั่งตอนอยู่บ้านด้วย
หลอนหรือไม่ก็ลองคิดดูเถอะ ไอ้พลังวิเศษอะไรนี่มันทำให้ผมที่เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริงเจอแตงกวาตามหลอกหลอนจนแทบจะกลายเป็นฮิคิโคโมริ1 ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไร ผมจะไม่ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ ล่วงเลยมาจนอายุได้ยี่สิบปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมืองแล้ว ผมก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่ ถึงจำเป็นต้องอยู่หอพักเพราะระยะทางจากบ้านไปยังมหาวิทยาลัยมันค่อนข้างไกล ผมก็ยังยืนยันที่จะพักคนเดียวด้วยไม่ต้องการเห็นของรูมเมตตลอดเวลา อย่างน้อยก็ให้ผมได้พักสายตาบ้างอะไรบ้างเถอะ โชคดีที่แม่กับพี่สาวผมก็เข้าใจว่าผมเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ได้ติดใจอะไร อยากอยู่คนเดียวก็อนุญาตให้อยู่ไปตามประสาลูกชายและน้องชายคนเล็กที่ใครๆ ก็ต่างมารุมเอาอกเอาใจ
ทว่าไอ้ตามประสามันก็เริ่มจะไม่ตามประสาละเมื่อจู่ๆ ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ พี่สาวผมที่คอยสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ตกงานกะทันหัน ลำพังร้านขายอาหารตามสั่งของแม่ที่มีรายได้ไม่แน่นอนก็ไม่เพียงพอต่อการส่งเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ผมทุกเดือน รวมถึงค่าหอพักที่ผมต้องแบกรับคนเดียวโดยไม่มีใครมาหารค่าใช้จ่ายด้วย ผมเลยจำเป็นต้องหารูมเมตอย่างเร่งด่วนแม้ว่าจะไม่ต้องการเลยก็ตาม ก็มันทำใจยากนี่นาไอ้การจะไปอยู่กับคนอื่นแล้วต้องเห็นร่างเปลือยของรูมเมตทุกวันอย่างนั้นน่ะ ใครมันจะไปอยู่ได้กัน
แต่อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่แล้ว ผมไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดจึงไม่มีทางเลือกมากนัก สิ่งที่ควรคิดถึงเป็นอันดับแรกในตอนนี้คือหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านก่อน อย่างน้อยการมีเงินก็ทำให้สามารถยืดเวลาในการหารูมเมตออกไปได้เพราะผมยังพอมีเงินจ่ายค่าเช่าหอด้วยตัวเอง
แต่งานพิเศษนี่... ทำไมแม่งมีแต่งานที่ต้องไปเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยวะ
ไหนจะงานเสิร์ฟ งานบริการตามร้านอาหาร หรืองานพาร์ทไทม์ที่นักศึกษาส่วนใหญ่นิยมทำล้วนเป็นงานที่ต้องไปเจอหน้ากับผู้คนทั้งสิ้น แน่นอนว่าผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผลอไปสบตาผู้ชายด้วยกันอย่างแน่นอนถ้าต้องทำงานแบบนั้น แล้วก็ต้องเจอพืชผักสวนครัวห้อยต่องแต่งให้เห็นจะๆ คาตาอีกด้วย แต่จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ สุดท้ายผมก็เลยมาลงเอยที่งาน...
“วินเอ๊ย เดี๋ยวเอาไม้ถูพื้นเข้าไปเช็ดพื้นหน่อยนะ ตรงแถวๆ โถฉี่น่ะเช็ดเยอะๆ แถวนั้นสกปรกง่าย”
“ครับป้า”
...พนักงานทำความสะอาดที่ห้องน้ำชายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย
ก็ไม่อยากจะมาทำงานแบบนี้หรอก ต้องมาเช็ดคราบปฏิกูลของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ แต่มันเป็นงานที่หลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดแล้วไงในเวลาที่ต้องหางานทำแบบกระชั้นชิดอย่างนี้น่ะ
ที่ผมว่ามันหลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดเป็นเพราะเวลาทำความสะอาด ผมสามารถปิดห้องน้ำ กันคนเข้ามาแล้วทำความสะอาดก่อนได้น่ะ จะมีก็แต่พวกป้าๆ พนักงานเหมือนกันเท่านั้นแหละที่ชอบทำความสะอาดเวลามีคนใช้งานอยู่ แต่ผมไม่ทำแบบนั้น มันยุ่งยาก ทำไปให้จบเป็นรอบๆ มันสะดวกกว่า ประเด็นหลักก็คือผมไม่อยากทำงานไป เห็นกระเปี๊ยวของคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ยิ่งในห้องน้ำชายนะคุณเอ๊ย ไม่ต้องถามเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ดงชีเปลือยแน่ๆ!
จริงๆ การทำความห้องน้ำชายมันก็ไม่ยุ่งยากเหมือนห้องน้ำหญิงนะ ไม่ต้องคอยไปตามเก็บตามกวาดบ่อยๆ ด้วย เรียกได้ว่าถึงจะเป็นงานที่ไม่น่าพิสมัย แต่ก็นับว่าสบายถ้าหากเทียบกับพวกงานเสิร์ฟแล้ว งานนี้ได้ค่าชั่วโมงเท่ากันแต่ไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องหยุมหยิม แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสำหรับผม
ผมคว้าเอาไม้ม็อบกับป้ายพลาสติกที่มีตัวหนังสือว่า ‘กำลังทำความสะอาด’ ออกมาจากห้องเก็บของ รอให้ลูกค้าของห้างที่กำลังใช้งานคนสุดท้ายออกจากห้องน้ำถึงได้เดินเอาป้ายไปตั้ง จากนั้นถึงได้ปิดประตู เตรียมตัวจะกดล็อกเพื่อกันไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่เข้ามาก่อนลงมือทำความสะอาดอย่างที่เคยทำ
หากแต่พอปลายนิ้วกำลังจะกดล็อกปุ๊บ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ก็วิ่งมาทุบประตูปั๊บ ทุบไม่พอ พยายามบิดลูกบิด ผลักบานประตูเข้ามาด้วย ผมได้สติก็รีบผลักคืนตามสัญชาตญาณทันทีเมื่อรู้ว่าถ้ามันโผล่เข้ามา ผมจะต้องเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแน่ แต่ไม่ทันละ ไอ้บ้านั่นแรงเยอะมาก ออกแรงผลักมาทีเดียว ผมก็กระเด็นไปอยู่ติดกำแพงหลังประตู ก่อนที่ร่างใหญ่ของผู้ชายคนนั้นจะวิ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำ ร้องตะโกนบอกผมเสียงหลง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ขอเข้าหน่อย!”
แล้วก็หายเข้าไปในห้องส้วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมมองตามอย่างระอา
แต่เอาเถอะ คงจะทนไม่ไหวจริงๆ แค่อย่าไปสบตาหมอนั่นก็พอแล้วล่ะ
ผมตรงเข้ามาคว้าไม้ม็อบ ตั้งท่าจะทำความสะอาดระหว่างรอผู้ชายคนนั้นทำธุระเสร็จอีกครั้ง ทว่าเรื่องมันไม่จบแค่มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาแค่นั้น มันดันมีพลพรรคเพื่อนของมันพากันกรูตามเข้ามาอีก
“ขอโทษครับ พวกผมก็ขอเข้าด้วย”
เสียงนั้นถึงกับทำให้ผมชะงักงันไปทันตา
โอ้โหพวกมึง! เข้ามากันสี่ซ้าห้าหน่อ กูจะหลบยังไงเนี่ย ห้องน้ำก็เล็กแค่นี้
ปฏิเสธก็ไม่ได้ ดันเป็นลูกค้าของห้าง เลยได้แต่ก้มหน้างุดๆ แล้วเดินหลบมุมไปจนแทบจะสิงกับผนัง ปล่อยให้พวกมันไปยืนเรียงหน้ากระดานตรงโถฉี่ คุยกันเสียงดังพลางเรียกเพื่อนที่อยู่ในห้องน้ำไปด้วย
“เร็วๆ นะเว้ยไอ้คชา หนังใกล้จะฉายแล้ว!”
“เออ รู้แล้ว รอก่อน!”
จากนั้นก็พากันล้อผู้ชายที่ชื่อคชาว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาเลยทำให้ข้าศึกบุกโจมตีกะทันหัน ผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอก ก้มหน้าก้มตาถูพื้นอย่างเดียวกระทั่งผู้ชายพวกนั้นจัดการธุระหน้าโถฉี่เสร็จและถอยออกมา ผมเลยได้โอกาสตรงเข้าไปทำความสะอาด ทว่าไอ้จังหวะที่ผมถือไม้ม็อบเปียกน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดินเข้าไปเนี่ย รองเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นขึ้นมา ทำเอาผมล้มหงายหลังไม่เป็นท่า
เสียงดังตึงเรียกให้คนพวกนั้นที่กำลังล้างมืออยู่กรูเข้ามาหาผม ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ร้องขอ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ใครสักคนช่วยดึงผมขึ้นยืน ผมคว้ามือนั้นไว้อย่างลืมตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง จังหวะนั้นเองที่ผมได้สบตากับเจ้าของคู่ข้างนั้น และว้าบบบ... ตาสบตา ใจประสานใจ เสื้อผ้าบนตัวเจ้าของมือก็อันตรธานหายไปทันที หายคนเดียวจะไม่ว่าเลย ไอ้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ช่วยดึงผมขึ้น แต่ทำหน้าที่เป็นไทยมุงจ้องมองผมอยู่ก็ดันหายไปด้วยเหมือนกัน
พะ...พวกมึงจะมาสบตากูพร้อมๆ กันทำไมวะเนี่ย! โอ้โห... หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนั่นแตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน
แม่ง กูอุตส่าห์หนีแล้วนะ ยังจะมาโดนพืชผักสวนครัวรุมอีก!
ตาจะบอดให้ได้ จะหันหนีเพราะเห็นความต่องแต่งระโยงระยางในทันทีทันใดก็แลดูมีพิรุธ ทำได้แค่หันหนีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไอ้คนที่ดึงผมขึ้นยืนก็ว่าออกมาทันที
“สีหน้าไม่ค่อยดีเลย นายโอเคไหม”
มีความเป็นห่วงเป็นไยโดยที่ผมไม่ต้องการแต่มันไม่ถามสุขภาพผมเลยสักคำ
มันจะไปโอเคอะไรเล่า มึงคิดว่าอยู่ในดงผู้ชายเปลือยเหมือนหนัง GV แนว Gang rape มันโอเคหรือไงวะ!
ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพเหมือนดารา GV เพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ หากแต่การไม่พูดอะไรก็ทำให้หมอนั่นถามขึ้นมาอีก
“ไปนั่งพักไหม เดี๋ยวช่วยพาออกไป หน้านายซีดมากเลยนะ”
เห็นว่าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้งถึงได้เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น แต่บอกแล้วไงว่าผมไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น
เท่านั้นผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธ พลันตั้งใจว่าจะหนีออกไป ทว่าประตูห้องส้วมที่ถูกไอ้เวรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็เปิดออกมาก่อน พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ปลดเปลื้องความทุกข์ทุกสรรพสิ่ง
“มีอะไรกันวะ”
ใครคนนั้นถาม ที่ถามอย่างนั้นเป็นเพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนล้อมหน้าล้อมหลังผม มะรุมมะตุ้มขายผักสดบ้างเหี่ยวบ้างกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และด้วยความที่ผมกลัวว่าจะมีหินงอกหินย้อยมาเพิ่มให้เห็น ผมเลยไม่หันไปมองหมอนั่นขณะที่ใครสักคนพูดขึ้นมา
“ไม่มีอะไร หมอนี่แค่ลื่นล้มนิดหน่อยน่ะ”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายตอบรับ ผมสบโอกาสเลยรีบตั้งท่าจะแหวกวงล้อมออกมา
“เดี๋ยวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ”
รีบพูดเร็วๆ แต่ไม่มีใครถอยให้เลยสักคน ผมเลยรีบก้มลงคว้าไม้ม็อบ ลุกขึ้นยืนแล้วแหวกกลางวงออกมาเองเสียเลย ทว่าในวินาทีที่ยืนขึ้น มือของใครบางคนก็สัมผัสเข้ามาที่บั้นท้ายผมเข้าอย่างจัง
ผมสะดุ้งสุดตัว หันไปมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเห็นว่าเป็นคนที่ชื่อคชา พอหมอนั่นเห็นผมมองอย่างตกใจ ก็รีบชูมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มีทิชชูติดก้นอยู่น่ะครับ ผมเลยเอาออกให้”
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย สำคัญที่ว่าตาสบตาอีกแล้ว แต่...
...แต่เสื้อผ้ามันไม่หายไปไหนเว้ยเฮ้ย!
ผมมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งงันราวกับถูกสต๊าฟเอาไว้
ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกเลยในช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผมสบตาแล้วไม่เห็นว่าเสื้อผ้าอันตรธานหายไป ก่อนที่ผมจะสังเกตเอาในตอนนี้ว่าหมอนี่ใส่ชุดนักศึกษา ผูกเนคไทที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยผมอยู่
งั้นก็แสดงว่าเรียนที่เดียวกันกับผมน่ะสิ!?
“นาย...”
ผมเบิกตาโต ปากเผยออ้า เปล่งเสียงออกไปอย่างตะลึงงันโดยอัตโนมัติ
“ครับ?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงตอบรับก่อนที่ผมจะครางออกไป
“มะ...มายรูมเมต”
ตกลงปลงใจเอาเองเสร็จสรรพว่าจะตามจิกมันมาเป็นรูมเมต ส่วนอีกฝ่าย จากที่ทำหน้าสงสัยว่าผมเรียกทำไม ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อกินไปแล้ว ผมก็พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวเหมือนกัน จะอธิบายว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรก็ไม่ทันละ มันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อน ตัดบทเอาดื้อๆ
“ไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”
แต่กูไม่ให้มึงจากไปง่ายๆ หรอกเว้ย! ทำกูโดนพืชผักสวนครัวรุมแล้ว ต้องรับผิดชอบ!
ผมกระโจนคว้าแขนหมอนั่นไว้ด้วยความเร็วแสงโดยสัญชาตญาณ คนที่ชื่อคชาหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ ส่วนผมก็หลุดพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
“นายมาอยู่กับเราเถอะ เราสัญญาว่าจะดูแลนายเอง”
อีกฝ่ายอึ้งงัน อุทานออกมาเสียงดังราวกับว่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้
“พะ...พูดอะไรวะเนี่ย!”
อะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ ขอร้องล่ะ!
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา