จะทำยังไงเมื่อตื่นมาต้องมีคู่หมั้นเเถมยังเป็นคนที่หน้าเกรงขามที่สุด มีคู่หมั้นทั้งทีทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วยชีวิตคู่จะเป็นยังไงเมื่อมีคู่หมั้นอย่าง เปรม ปรเมศ เเล้วคนอย่างเปรม ปรเมศจะสนอะไรใครล่ะ เเบบนี้ผมต้องทำยังไง?
จะทำยังไงเมื่อตื่นมาต้องมีคู่หมั้นเเถมยังเป็นคนที่หน้าเกรงขามที่สุด มีคู่หมั้นทั้งทีทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วยชีวิตคู่จะเป็นยังไงเมื่อมีคู่หมั้นอย่าง เปรม ปรเมศ เเล้วคนอย่างเปรม ปรเมศจะสนอะไรใครล่ะ เเบบนี้ผมต้องทำยังไง?
8.00 น.
กริ้งงง! กริ้ง~ กริ้ง~
โว้ยยยอะไรวะเนี่ยนี่มันวันหยุดไม่ใช่หรือไงทำไมถึงได้มีคนโทรจิกตั้งเเต่เช้าด้วย ผมบ่นในใจในขณะที่มือรีบคว้านหาโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังจนรบกวนเวลานอนของผม ให้ตายสิถ้าไม่ใช่ธุระด่วนผมจะโกรธยันลูกบวชเลยคอยดู!
“ฮัลโหล! นี่เเกอยู่ไหนไอ้น้องเวร!!” เดี๋ยวนะ! พี่สาวโทรมาตอนนี้เนี่ยนะ?
“เฮ้ ใจเย็นสิ” ผมตอบกลับไปในขณะที่หลับตาอยู่
“ฉันถามว่าอยู่ไหน รู้ไหมนี่มันกี่โมงเเล้ว!” บ้าจริงจะรบกวนเวลานอนคนอื่นไปถึงไหนนี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ
“เมฆก็อยู่คอนโดสิ เเล้วตอนนี้ก็เช้าอยู่ถ้าจะให้ไปธุระที่ไหนให้ ขอบอกเลยว่าไม่!” โทรมาเเต่ละทีคงมีไม่กี่อย่างไม่ใช้ไปโน้นก็ใช้ทำนี่
“นี่เเกลืมไปเเล้วหรือไงเมฆ ลุกไปเเต่งตัวเดี๋ยวนี้!”
“ลืม?” นี่ผมลืมอะไรไปหรือว่าผมเรียนมากไปจนจำอะไรไม่ได้เลย
“งั้นฉันจะบอกเเกเป็นครั้งสุดท้าย เเล้วช่วยลากสังขารเน่าๆของเเกมาเร็วๆด้วย” ผมได้ยินเสียงจริงจังของพี่สาวเเล้วชักใจไม่ดีหรือจะมีเรื่องไม่ดี?
“วันนี้วันเสาร์ใช่มันคือวันหยุดเเก เเต่ไม่ใช่วันนี้เพราะเเกต้องไปกับคุณเปรมไงไอ้น้องเวร!!”
“เวรเเล้ว!!” ผมเด้งตัวลุกตื่นเต็มตาทันทีผมเพ้าไรยุ่งหมดตอนนี้ไม่ใช่เวลาตกใจมันคือเวลาซวย ซวยเเน่ๆไอ้เมฆ!
“ใช่! เวรเเน่ๆคุณเปรมรอเเกที่ร้านดูชุดตอนนี้จะครึ่งชั่วโมงเเล้ว”
“เจ้ คะ..คือเมฆไม่ไปได้ไหม”ใช่ เขาคือเปรม ปรเมศ คนที่ใครๆต้องก้มหัวให้เเต่ผมกลับลืมนัดตั้งเเต่วันเเรก
“หยุดความกลัวเเล้วรีบไปเเต่งตัว เเกจะไปเป็นสะใภ้บ้านเขาเเต่กลับสายตั้งเเต่วันเเรกฉันจะเเก้ตัวให้เเกยังไงดีห๊ะ!?” เสียงเจ้บ่นออกมาไม่หยุดหูผมมันไม่ได้ฟังเสียงบ่นเลยสักนิดในหัวคิดเเต่จะเเก้ตัวยังไง ถ้าเจอเเล้วเขาจะเป็นยังไงมันหยุดคิดไม่ได้จริงๆ
“เมฆเเกฟังฉันอยู่รึป่าว?”
“อะ..อืมฟังอยู่” ปากขยับเเต่ในใจจะร้องไห้เเล้ว
“ฉันให้เวลาเเก 20 นาที เดี๋ยวฉันจะไปรับที่คอนโดเเล้วจะไปส่ง เเค่นี้” ติ๊ด! เชี่ยยเเล้ว ผมรีบลุกเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยทันที
ผมจัดการตัวเองเสร็จผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถพี่สาวผมก็มารับที่คอนโด ผมรีบเปิดประตูขึ้นไปทันที
“เจ้ เลื่อนไม่ได้หรือไง บอกว่าผมปวดท้องก็ได้” พยายามหาวิธีเเก้ปัญหาเพราะตอนนี้ไม่อยากเจอเขาจริงๆ
“เเกคิดว่าเขาเป็นใคร จะเชื่อเด็กอย่างแกรึไง”
“เเล้วทำไมต้องเป็นผมด้วย ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ” ให้ตายสิผมยังเรียนอยู่เเต่กลับต้องมาเเต่งงานเข้าบ้านตระกูลใหญ่เนี่ยนะ? บ้าเเล้วต้องมีอะไรผิดพลาดเเน่ๆ
“หยุดคิดหยุดพูดสักที นั่งไปเงียบๆจะถึงเเล้ว” คำว่าจะถึงเล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ผมจะโดนว่าเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบไหม “ลงไปได้เเล้วถึงเเล้ว อย่าลืมขอโทษคุณเปรมด้วย”
“จะ..เจ้” จะหันไปขอร้องสักหน่อยดูสีหน้าเเล้ว เฮ้อ “อืม รู้เเล้วน่า” ผมมองร้านขนาดใหญ่ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ เเหมลงเเป๊ปเดียวขับออกไปไวเลยนะ
@ร้านJ
ร้านก็กว้างเกินเเล้วผมจะรู้ไหมวะว่าคุณเปรมไรนั้นอยู่ตรงไหน จะให้เดินหาให้ทั่วก็คงไม่ใช่เเล้วไหม สายตาผมกวาดมองไปรอบๆไม่มีใครโดดเด่นที่จะเป็นเขาคนนั้นเลย เดินหาจนจะทั่วเเล้วอยู่ไหนของเขาหรือว่าจะกลับไปเเล้ววะ? นั้นสิคนอย่างเขาคงไม่มานั่งรออะไรเเบบนี้หรอก หมุนตัวจะเดินกลับชนเข้ากับเเผงอกใครคนหนึ่งเข้า
“อ่ะ! ขอโทษครับ”ผมรีบกล่าวคำขอโทษไปทันที
“นี่เหรอสะใภ้ที่จะเเต่งเข้าบ้านฉัน?”
เสียงเข้มพูดออกมาเเค่ฟังน้ำเสียงก็เล่นเอาผมขนลุกไปทั้งตัว ใช่เเล้วนี่เเหละเขา เปรม ปรเมศ
“คะคือ เมฆขอโทษครับ เมื่อคืนเมฆปวดท้องมากๆ เลยมาสายนิดหน่อย” ผมแก้ตัวออกไปโดยที่ไม่มองดวงตาสีนิลของเขาเลยเเม้เเต่นิดเดียว
“ฉันให้เธอพูดอีกที”
ชิบหาย!ใช่เขาไม่ใช่คนที่ใครจะมาหลอกเขาได้ ซวยเเล้วไอ้เมฆ
“เมฆลืมครับ” ผมตอบกลับไปทันที มือบีบเข้าหากันเเน่นเป็นวันเเรกที่กดดันสิ้นดี
“เมฆตื่นสาย ขอโทษที่โกหกครับ” ผมกัดปากแน่นเมื่ออีกคนยังคงเงียบ
“ถ้ามีอีกครั้ง..”เขาเงียบไปผมเงยหน้าขึ้นมองเขากลับต้องนิ่งค้างทันทีกับสายตาที่จ้องมองผมเหมือนสายตาเขาไม่เคยละจากผมเลย “เธอเจอดีเเน่”
“คะครับ เข้าใจเเล้ว” ตอบกลับยังเสียงสั่นเลยไอ้เมฆเอ้ย ต่อไปจะอยู่ได้ไหมวะ
“รีบไปจัดการในส่วนของเธอ” ผมลืมไปเลยว่าต้องไปลองชุด มันต้องใช้เวลานิจะให้นั่งรอก็กดดันเปล่าๆ
“คุณเปรมกลับก่อนเลยก็ได้ครับ เมฆว่ามันคงอีกนนาน” พูดเเค่นี้ถึงกับจ้องหน้าเลยเหรอวะ หรือเราพูดอะไรไม่เข้าหูคนหวังดีนะเนี่ยกลัวจะรอนาน
“มันเป็นหน้าที่ฉัน ฉันจะรอ” โอเคคงไม่มีใครขัดใจเขาหรอก
ผมลองชุดเเละเลือกอะไรไปเรื่อยๆทั้งยืนทั้งหมุนเมื่อยขาไปหมดแล้วง่วงก็ง่วง อยากนอนด้วย หิวด้วยขอบ่นหน่อยเหอะอะไรเยอะเเยะไปหมด มือผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออก เพราะนี่คือชุดสุดท้ายเเล้วที่ผมลองในที่สุดจะได้กลับไปนอนสักที เสื้อเชิ้ตสีขาวตกลงไหล่ขาวก่อนทีจะถอดมันออกมือชะงักทันที
“เสร็จรึยัง?”
ให้ตายสิเขาเข้ามาตอนไหนผมรีบดึงเสื้อใส่อีกครั้งเเต่กระดุมนี่สิกลัดยังไงให้ทัน
“กะใกล้เเล้วครับ คุณเปรมออกไปรอข้างนอกก็ได้ครับ” ทำไมเสียงต้องสั่น เเล้วทำไมเขาเดินเข้ามาบอกให้รอข้างนอกไง
“ทำไม ฉันรอเธอในนี้ไม่ได้?” ผมกัดปากแน่นในขณะที่เขายืนซ้อนหลังผมเเผงอกกว้างกระทบกับเเผ่นหลังผมรับรู้ถึงร่างกายตัวเองที่สั่นทันที
“หื้ม? ว่าไง” เขาก้มลงกระซิบข้างหูพร้อมกับเเขนเเกร่งที่เข้ามาโอบเอว
“อะเอ่อ ขยับออกไปได้ไหมครับจะเปลี่ยนชุด” ตอบกลับไปเสียงสั่น
“หึ ยังไงฉันก็ต้องเห็นมากกว่านี้” เขาก้มลงจูบไหล่ผมเบาๆ
“หรือว่าไม่จริง?”
“ปะ..ปล่อยก่อนครับ” ผมสะดุ้งทันทีเมื่อริมฝีปากอีกคนประทับลงบนไหล่ขาวของผม มือเล็กพยายามเเกะเเขนแกร่งที่โอบรอบเอวผมเเน่นปลายนิ้วเริ่มถูวนตามหน้าท้องไปมา
“อ๊ะ! คุณเปรม!” เขาหมุนตัวผมให้หันหน้าเข้าหาผมตกใจจนเผลอสบตากับเขา ใบหน้าเเบบนี้เหมือนสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะทั้งปาก จมูก เเละดวงตาที่ไม่อาจละสายตานั้นมันทำให้ผมตั่วสั่นจนเเทบจะล้มพับลงกับพื้นถ้าไม่ติดที่ว่ามีเเขนของใครอีกคนประครองร่างของผมไว้อยู่
“หึ กลัวงั้นเหรอ” ริมฝีปากอีกคนขยับพูดจนจะชิดกับต้นคอ นิ้วยาวบีบเบาๆตามคางของผม
“ไม่ดีมั้งถ้าเมียจะกลัวผัวเเบบนี้”
มือเรียวจับขยุ้มเสื้ออีกคนไว้เเน่นผมเริ่มกลัวเขาเเล้วจริงๆไม่คิดเลยว่าเขาจะอันตรายขนาดนี้มือใหญ่บีบปลายคางผมให้เเหงนขึ้นให้สายตาผมอยู่ระดับเดียวกับสายตาของเขา
“จะทะ..อื้อ!” ริมฝีปากหนากดจูบลงอย่างเร็วปลายนิ้วเเกร่งบีบคางผมจนปวดริมฝีปากหนาบดขยี้ดูดกัดตามขอบปากล่างจนผมเผยปากออกจังหวะนั้นลิ้นร้อนของอีกคนเข้ามาดูดตวัดลิ้นเล็กดูดดึงจนเกิดเสียง
“อ่ะ..อื้อ” เหมือนจะขาดใจเก่งไปเเล้วเขาเก่งเกินไปมือผมทุบอกเขาไปหลายทียิ่งผมทุบเขายิ่งกดริมฝีปากดูดดึงเเรงขึ้นอีกเท่าตัวตอนนี้ขาผมเหมือนจะไม่ไหวเเล้วมันจะล้มพับให้ได้เลยให้ตายสิ
“ปะปล่อย อื้อ” เขาผละออกจากริมฝีปากผมที่น่าจะบวมแดงด้วยการจูบก่อนจะขยับปลายจมูกสูดดมตามซอกคอขาวริมฝีปากหนากดจูบตามลำคอฟันคมขบกัดตามรอยจูบไล่ลงมาตามไหล่ขาวเนียน ตอนนี้ทั้งรอยดูดรอยฟันประปรายตามลำคอขาวถึงจะปกปิดเเค่ไหนก็คงเห็นอยู่ดี ขาเล็กเหมือนจะไม่มีเเรงล้มพับนั่งลงกับพื้นทันที
“อึก! ทะทำไมต้องผม” ใช่ทำไมต้องผมที่ต้องมาเเต่งงานกับคนเเบบเขา ไม่ใช่เลยสักนิดผมถามออกไปทั้งเสียงสั่นๆนี่เเหละ
“นั้นสินะ ทำไมต้องเธอ”
ร่างสูงใหญ่ก้มลงมาพร้อมกับปลายนิ้วที่ถูตามคอขาวลูบตามร่องรอยที่แดงช้ำจนเห็นรอยฟันได้ชัด
“เเล้วฉันมันไม่ดีตรงไหน หื้ม?”
ร้ายกาจคนคนนี้ร้ายกาจจริงๆดวงตาสีนิลจ้องมองผมเหมือนไม่พอใจในสิ่งที่ผมถามไป ทำไมล่ะผมจะสงสัยไม่ได้เลยหรือไง อยู่ๆผมต้องมาเเต่งงานกับเขา เขาทั้งเพอร์เฟคสาวๆเหรอเหอะเเค่กระดิกนิ้วคงวิ่งมาหาเป็นเเถวเเล้วมั้ง
“เอาล่ะเด็กดีลุกขึ้นสักทีฉันไม่ว่างพอจะมามองเธอนั่งเเบบนี้ทั้งวันหรอกนะ” มือใหญ่ลูบตามแก้มขาวพร้อมกับตบเรียกสติเบาๆทำให้ผมหลุดออกจากความคิดทั้งหมดทันที
“ออกไปก่อนผมจะเเต่งตัว” ผมบอกออกไปในขณะที่มือเล็กๆของผมกระชับเสื้อสีขาวไว้เเน่น
“10 นาที” หื้ม? อะไร 10 นาทีผมขมวดคิ้วสงสัยทันที
“ฉันคงเห็นเธอในสภาพที่ดีกว่านี้” พูดจบร่างสูงใหญ่เดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่นั่งตรงนี้เลยสักนิด เกินไปเเล้วเขาทำเกินไปเเล้ว!
ผมรีบจัดการกับตัวเองทันทีทั้งตัวยังสั่นไม่หายเลยให้ตายสินี่คือครั้งเเรกที่เจอกันนะทำไมร้ายขนาดนี้ เเล้วไอ้รอยบ้านี่ทำไงให้หายไอ้เสื้อที่ผมใส่มาวันนี้ก็ปิดไม่มิดด้วยสิ ชีวิตนายเมฆา จบสิ้นเเล้ว เเต่งตัวเสร็จผมรีบก้าวเท้าออกจากห้องเเต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“สะเสร็จเเล้วครับ” ผมมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระดิกนิ้วเป็นเชิงบอกให้ผมเดินไปหา คิดว่าไงเหอะก็ต้องไปสิครับใครจะกล้าขัดใจเขา ไอ้ขาเจ้ากรรมนี่ทำไมต้องสั่นด้วยก็เเค่เดินไปหาเองทำเป็นสั่นไปได้
“ดะเดี๋ยวครับ!” พอผมเดินไปยืนข้างเขาเเขนเเกร่งก็โอบเอวผมเข้าไปใกล้จนหน้าผมจมอยู่กับอกเเกร่ง ทำไมเขาตัวสูงใหญ่ขนาดนี้
“อะไร?” เขาก้มลงถามผมอย่างท่าทีสบายเนี่ยนะ?
“ทำไมต้องโอบด้วยครับ” ปากเวรถามอะไรไร้สาระอีกแล้วอยากโดนอีกไง
“เเล้วทำไมฉันจะโอบไม่ได้?” ดวงตาสีนิลจ้องมองสบตาผมทำให้ผมเกร็งจนเผลอขยุ้มชายเสื้อราคาเเพงของเขา
“ในเมื่อทั้งตัวของเธอมันเป็นของฉัน” ปฎิเสธไม่ได้จริงๆในเมื่อผมคือคนในปกครองของเขาไปแล้ว
เผลอคิดอะไรไปตั้งมากมายรู้ตัวอีกทีก็โดนโอบเอวออกมาจากร้านเเล้วตั้งเเต่เมื่อไหร่วะเนี่ย เดี๋ยวนะเเล้วเขาจะพาไปไหนอยู่ๆก็เอามายัดในรถเเบบนี้ aston martin คันนี้คงจะลากใครขึ้นมาก็ได้ทั้งนั้นสินะ คนระดับเขาคงอยากทำอะไรคงเป็นเรื่องง่ายไปหมด เเม้กระทั่งเอาผมมานั่งในรถคันหรูคันนี้อย่างง่ายดาย
ปึ๊ก! เสียงปิดประตูรถเมื่อร่างกายอันสูงใหญ่ของเขาเข้ามานั่งข้างกายผมเป็นที่เรียบร้อย
“เราจะไปไหนกันครับ เมฆมีธุระต่อนะ” ผมพูดออกไปก็เเน่สิตอนบ่ายผมมีทำรายงานกับเพื่อนที่มหาลัย
“ที่ไหน?” นี่เขาจะไม่ตอบใช่ไหมว่าเขาจะพาผมไปไหนผมไม่มีเวลามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเขาหรอกนะ
“ที่มหาลัยครับ” ผมได้ยินเขาตอบกลับเเต่ อืม อะไรของเขาวะเขาควรปล่อยผมกลับไปทำรายงานไม่ใช่ไงให้ตายสิไม่ใช่ตบไฟเลี้ยวเข้ามาในโรงเเรมหรูขนาดนี้
“ใส่ซะ” เขาโยนอะไรมาบนตักผมเหมือนจะเป็นเสื้อกันหนาวเเต่เเค่รู้ยีห้อเเละราคาก็น่าจะหนาวเเล้วจริงๆเเต่ไม่เข้าใจให้มาทำไมอากาศร้อนขนาดนี้ ผมยังคงขมวดคิ้วสงสัย
“หรืออยากโชว์ว่าเพิ่งโดนอะไรมา?”
มือเล็กรีบยกปิดทันทีก่อนจะรีบสวมเสื้อกันหนาวเเล้วรูดซิปขึ้นจนสุด
“เธอใส่เเบบนี้ก็น่ารักดี” ว่าจบปากหนาก็กดจูบบนกลุ่มผมนิ่มเเล้วลงจากรถไปมีเเต่ผมนี่เเหละนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้
“จะให้ฉันไปอุ้มลงมารึไง” ได้ยินเเค่นั้นผมรีบลงมาอย่างรวดเร็วให้ตายสิเสื้อเขานี่ไซส์อะไรวะอยู่บนตัวผมทำไมมันลงมาถึงต้นขาขนาดนี้ บ่นไปก็เดินตามร่างสูงใหญ่ไปเงียบๆ
“สวัสดีครับคุณเปรมทางเราได้จัดตามที่คุณต้องการเเล้วครับ ชั้นบนสุดเชิญครับ” เสียงพนักงานพูดออกมาก่อนจะเดินนำไป
“เดินดีๆ” อ่าผมคงเหม่ออีกเเล้วสินะทำไมเสียงเขาน่ากลัวเเบบนี้ เเขนเเกร่งเข้ามาโอบเอวผมไว้เเน่นผมอดประหม่าไม่ได้จนเผลอกัดปากตัวเองเเน่น
“อ่ะ! คุณเปรม!” ผมตกใจอยู่ๆเจ้าของร่างใหญ่ก็ดันผมชิดผนังลิฟต์ นี่เราไม่ได้อยู่กันเเค่สองคนนะเขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!
“ชู่วว”ปลายนิ้วหนาจรดริมฝีปากบางเล็กเหมือนบอกกลายๆว่าให้เงียบ
“อย่ากัดปาก ถ้าอยากให้มันเเตกฉันขอเป็นคนทำมันเอง”
“มะ..ไม่กัดแล้วครับ” อันตรายเขาอันตรายมากเกินไปจริงๆ ผมได้ยินเสียง หึ ในลำคอเขาพร้อมกับเสียงลิฟต์ที่เปิดออกพอดีมือเล็กรีบดันเเผงอกกว้างออกห่างทันที
“เชิญครับ” ผมหันไปมองวิวรอบๆบอกได้เลยว่าตรงนี้สวยงามมากจริงๆตึกที่สูงเหยียดฟ้าขนาดนี้ผมเคยไปก็ตั้งหลายที่เเต่เเปลกทำไมที่นี่ผมไม่เคยรู้จักเลย
“ชอบรึไง?” ผมสะดุ้งเซไปข้างหลังเล็กน้อยเเผ่นหลังผมปะทะกับอกแกร่งทันที
“เเค่บอกว่าชอบ ตึกนี้จะเป็นของเธอทันทีภายใน10 วิ” นั้นสินะคนอย่างเขาทำได้อยู่เเล้วเเต่เเบบนี้มันเกินไปแล้วเเค่ผมชอบเนี่ยนะ
“เมฆไม่ได้อยากได้” ผมตอบกลับไปทันที
“ฉันไม่ได้ให้ฟรี ทุกสิ่งจากฉันมันต้องเเลก”
“เมฆไม่มีอะไรจะมาเเลกหรอกครับ” นั้นสินะจะให้เงินเขาเหรอ อย่างเขาคงไม่ต้องการหรอกมั้ง
“เเน่นอนว่าเธอมี” อะไรวะที่บอกว่ามี?
“หลังจากนี้เธอมีสิ่งที่ฉันต้องการเเน่นอน”
เป็นครั้งเเรกที่ผมนั่งทานข้าวกับเขาบอกไม่ถูกทั้งอึดอัดเเละสิ่งที่เขาพูดมันคืออะไรเเต่ผมก็เลิกคิดแล้วล่ะยังไงผมก็ต้องอยู่กับเขาอยู่ดี พอออกมาจากโรงเเรมหรูกะจะขอเเยกกับเขาเลยเพราะต้องไปทำงานต่อที่มหาลัย
“งั้นเเยกเลยนะครับ เมฆจะไปทำงานต่อ”
“ขึ้นรถ” อะไรของเขาบอกว่าจะไปทำงานยังจะให้ไปไหนด้วยอีก
“ตะเเต่” โอเคไม่ต้องมองเเบบนั้นจะพาไปไหนก็ไปเลยเถียงอะไรไม่ได้อยู่เเล้วนิผมรีบก้าวขึ้นรถปิดประตูทันที
ผมเตรียมใจไว้เเล้วล่ะว่าวันนี้คงไม่ได้ไปช่วยเพื่อนเเน่นอนเดี๋ยวค่อยไลน์บอกพวกมันก็ได้ เฮ้อ เอาเเต่ใจจริงๆว่าเเล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มากดบอกเพื่อนทันที
“คุยไรนักหนา” คุยไรล่ะก็ใครที่ทำให้ต้องผิดนัดเพื่อนเนี่ย
“ก็เมฆจะบอกเพื่อนว่าไปไม่ได้เเล้ว”
“แหกตาดูซะ” ผมรีบเงยหน้ามองทันที นี่มหาลัยผมนิ จะมาส่งมันพูดยากรึไง!
“อ้าว เมฆไม่ทันมองทางไม่คิดว่าคุณเปรมจะให้มา”
“อืม กี่โมง” อะไรกี่โมงของเขา อ๋อกลับกี่โมงสินะ
“อ๋อ เมฆน่าจะเสร็จตอนประมาณทุ่มนี่เเหละครับ ปกติเพื่อนไปส่งอยู่เเล้ว”
“คนนั้น?” ผมมองตรงไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่อ่าไม่ใช่หรอก นั่นน่ะรุ่นพี่ที่ตามจีบผมต่างหากใครจะกล้าบอกว่ะว่ามีคนตามจีบ
“ไม่ใช่หรอกครับ คนนั้นรุ่นพี่ครับ”
“หึ งั้นเหรอ”
“งั้นเมฆไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ อ้อ! เเล้วก็ขอบคุณอาหารมื้อนี้ด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความจริงใจเเล้วก้าวเท้าลงจากรถ
“เดี๋ยว!” เท้าชะงักทันทีผมหมุนตัวกลับไปผมอาจจะลืมของบางอย่างสินะเเต่เขาเดินลงตามมาทำไม?
“มีอะ..อื้ม!” มือใหญ่บีบท้ายทอยเล็กเบาๆริมฝีปากหนากดจูบบดขยี้ริมฝีปากแดงเล็กทันทีดูดดึงขอบปากบนสลับล่างไปมาจนบวมเจ่อเเล้วผละออก
“นี่สำหรับพวกที่มันกล้าจะหวัง”
ดวงตาสีนิลจ้องมองใครอีกคนที่จงใจจะให้เห็นฉากนี้โดยเฉพาะปลายนิ้วใหญ่ลูบวนริมฝีปากที่บวมเจ่อไปมาด้วยความพอใจ
“เเล้วฉันจะมารับ”
พูดเเค่นั้นร่างสูงใหญ่ก็ขับรถออกไปทันที ให้ตายสิลืมไปได้ไงว่าไม่ได้มีเขาเเค่สองคนผมหันไปดูต้นไม้ต้นนั้นกลับไม่มีใครอยู่ซะเเล้ว หวังว่าคงไม่มีใครเห็นนะ
เมื่อเด็กอย่าง คิง พชร ที่มีความมั่นใจเเละคิดว่าไม่มีใครสามารถจัดการกับตัวเองได้ดันมาห้าวตีนใส่คนอย่าง ภาค พิเภก ใครจะรู้ว่าคนอย่างภาค พิเภก จะกล้าบ้าปิ่นโหดเเละใจร้ายขนาดนี้ จากที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงในชีวิตนี้จะเกลียดภาค พิเภกเเละไม่ขอเจออีกครั้งในชีวิตทำไมถึงได้วนมาตกเป็นคนของภาค พิเภกได้คองไม่เข้าใจ??
บทนำ หมอพุฒตาล ศัลยแพทย์ทั่วไป เรียนจบด้วยเกรดนิยมอันดับหนึ่ง เธอกลายเป็นหมอผ่าตัดมือหนึ่งของโรงพยาบาล ด้วยชีวิตที่คิดอุทิศให้กับวงการแพทย์ ทำให้หมอพุฒตาลไม่เคยข้องแวะกับชายใด แม้จะมีหนุ่มเข้ามาจีบไม่เว้นวัน เมื่อบิดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เพราะการผ่าตัดที่ล่าช้า เนื่องมาจากช่วงเวลานั้น ขาดหมอเฉพาะทาง เหตุผลนี้จึงเป็นแรงผลักดัน ทำให้เธอตั้งใจเรียนศัลยแพทย์ จนฝีมือด้านการผ่าตัดการวินิจฉัยโรคของหมอพุฒตาล เป็นที่ยอมรับของเพื่อนหมอ และคนไข้ที่มารับการรักษา เมื่อเธอทำงานได้สองปีสิ่งที่ไม่คาดฝันกับชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อมารดาเข้ามาหาเธอถึงห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาล สิ่งที่มารดาต้องการคือการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อน เมื่อนางกู้ยืมเงินเขามาส่งเสียให้เธอเรียน ใครเล่าจะรู้ว่าหมอมือหนึ่งอย่างเธอ จะต้องมาแต่งงานใช้หนี้ผู้ชายที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เงินสิบล้านกับดอกเบี้ยอีกเท่าตัวทางเลือกของหมอพุฒตาล คือการแต่งงานกับชายแปลกหน้าเพียงเท่านั้น เตชิน หนุ่มไฮโซรูปหล่อ เห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องบำเรอ เขามองความรักเป็นแค่เรื่องล้อเล่น เที่ยวเตร่ไปวันๆ ส่วนธุรกิจของครอบครัวเขาทิ้งให้เตชิต พี่ชายเพียงคนเดียวรับผิดชอบ ความอดทนของผู้เป็นมารดาได้สิ้นสุดลง เมื่อเตชินเที่ยวเตร่ไม่เอาการเอางาน นางจึงยื่นคำขาดด้วยการให้เขาแต่งงานกับหมอพุฒตาล เตชินฟังแค่ชื่อของเธอ เขาถึงกับขำออกมา ชายหนุ่มไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงเฉิ่ม ๆ แบบนั้นเป็นอันขาด ที่สำคัญเขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เมื่อมารดายื่นคำขาดคือการริบทรัพย์ ทั้งบัตรเครดิตและรถสปอร์ตคันหรู เมื่อไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มจำใจยอมตกลงแต่งงาน ซึ่งแน่นอนผู้หญิงคนนั้นต้องทนเขาไม่ได้ และเธอต้องขอหย่าภายในสามเดือน เขาจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เธอดู เธอจะได้รู้ว่าไม่ควรวิ่งเข้ามาในกองเพลิง ที่เขาก่อเอาไว้ เพราะมันพร้อมที่จะเผาเธอให้มอดไหม้ไปในพริบตา!! ************************* ฝากภาค 2 รุ่นลูก ด้วยนะคะ บำเรอรักคุณหมอจ้า*************
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP เพลงคลาสสิคดังเบาๆ บรรยากาศสลัวๆ เหมาะสำหรับทำอย่างอื่นมากกว่าการเจรจาทางธุรกิจ แต่เมื่อคู่ค้ามีความต้องการแบบนี้ ดีแลนก็เลี่ยงไม่ได้ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย... เหม็นทั้งควันบุหรี่ และกลิ่นเหม็นหืนอื่นๆ จนแทบจะสำลัก “คุณมาช้า” อดัมบ่น เขาเสือกแก้วบรั่นดีให้กับคนมาใหม่ “ขอโทษครับ ผมไม่ชินทางนักเลยหลงทางเพราะต้องใช้ตัวช่วย” ดีแลนไม่ได้ขยาย เขาหลงทางเพราะวิ่งตามคำชี้นำของแอพพิเคชั่นตัวหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าออกนอกเส้นทาง ก็เตลิดไปไกลเกินกว่าจะวกรถกลับมา สาเหตุเพราะเขาทิ้งร้างการขับรถยนต์มาหลายปี ดีแลนมีคนขับรถให้แต่เมื่อมีนัดกะทันหัน เขาเลยจำเป็นต้องขับรถมาเอง “คุณจริงจังกับชีวิตเกินไป ผมเลยอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง” อดัมเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ต้องทำงานก็มีกิน เขาเลยใช้ชีวิตได้เต็มที่ ดีทว่าเขามีหัวธุรกิจ ถึงจะผลาญสมบัติของตระกูลไปบ้าง ก็ไม่ทำให้เทียร่าสะเทือน สาวสวยสามนางเดินมายืนขนาบข้างเขา ดีแลนขยับตัวหนี เขาส่งสายตาปราม เมื่อตนเองไม่ชอบผู้หญิงบริการเหล่านี้ “มาสนุกกันเถอะ สาวๆ พวกนี้ผมจัดไว้ให้คุณเลยนะ”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด