“อย่าตามมานะตาบ้า คุณจะไปไหนก็เชิญ คนเฮงซวย จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย” “แต่เธอได้ฉันแล้วนะ” “กรี๊ด! ตาบ้า” ราชาวดีถลาวิ่งกลับมาปิดปากคนบ้าที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่แทบจะไม่ทัน ใบหน้าสวยแดงระเรื่องเพราะอับอาย เธอตวัดค้อนคนหน้าไม่อายหลายครั้ง “จะประจานให้คนเขารู้กันหมดหรือไงว่าฉันเป็นของคุณแล้ว คุณไม่อายแต่ฉันอายนะ” “อ้าว...ก็เธอคิดจะทิ้งฉันนี่น่า” ถ้าเป็นช่วงที่มีคนเดินติดตาม ไม่ทางที่เขาจะพูดอะไรแบบนี้เลย ไม่รู้ทำไมพออยู่กับราชาวดีแล้ว ความเย็นชาที่เขาเพียรพยายามสร้างไว้มันหลุดหายไปจนหาทางกลับเข้าตัวไม่ถูก มันเหมือนกับเขาได้กลายเป็นเด็กตอนที่ยังไม่ต้องคิดอะไร ไม่รับรู้ว่าเบื้องหลังภายใต้ความอบอุ่น สีหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่ชายคือการต้องเข่นฆ่าผู้อื่นให้ตายทั้งเป็น
ตอนที่ 1
“ที่พี่สีดาพูดมา...จริงใช่ไหมคะ?” หญิงสาวนามราชาวดีถามอย่างเก็บอาการตื่นเต้นดีใจเอาไว้ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าจะได้ไปทำงานพิเศษที่โรงแรมอีกครั้ง ที่ทำให้ความหวังของเธออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือคว้าแล้ว
ราชาวดีละมือจากการเช็ดถูกระจกร้านหันไปมองเจ้าของร้านที่เธอเคารพรักเสมือนญาติผู้ใหญ่ ผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือเธอมาตลอด ถึงขั้นฝากงานให้ แต่ช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทางโรงแรมจึงเลือกที่จะใช้วิธีการจ้างพนักงานพิเศษเวลาที่มีแขกพิเศษเป็นครั้งคราว เมื่อเธอมีความสามารถด้านการเขียนอ่านและพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จึงได้รับโอกาสนั้น
ราชาวดียิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาดเรียงกันสวยงามและยังได้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ในปาก ดวงตากลมโตแวววาวเหมือนลูกแก้วยามสะท้อนแสงไฟมอง
“จริงซิจ๊ะ พี่เพิ่งจะวางสายจากเพื่อนเมื่อกี้นี้เอง” สีดาบอกซ้ำ ขณะมองราชาวดีด้วยสายตารักใคร่ระคนเอ็นดู แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่เธอกลับรักสาวน้อยตรงหน้าราวกับคนในครอบครัว คอยดูแลเอาใจใส่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
เย้! ราชาวดีดีใจจนออกนอกหน้า อยากจะโผเข้าไปกอดสีดา แต่ร่างกายเต็มไปด้วยเศษสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามลำตัว กลัวจะไปทำให้อีกฝ่ายระคายเคือง
“ช่อม่วง”
“ค่ะพี่สีดา” ราชาวดีขานรับเสียงหวานใส มองตอบสีดาทันทีเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นเธอเต็ม ๆ ที่เมื่อไหร่เรียกแสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญให้ต้องล่ะเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ให้หันมาสนใจฟังเรื่องที่จะถูกกล่าวถึง
“มีอะไรคะพี่สีดา” ราชาวดีเอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปที่สีดาสายตาแน่วนิ่ง ตั้งใจฟังเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูด
“งานวันนี้สำคัญมากนะ คนที่มาเป็นกลุ่มลูกค้าประจำก็จริง แต่หนึ่งในนั้นก็เป็นนายใหญ่” สีดาละเว้นที่จะไม่บอกราชาวดีว่าอีกฝ่ายยังเป็นหนุ่มรูปงาม แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว เพราะเป็นถึงหัวหน้าขององค์กรทำงานผิดกฎหมายกลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่น
“เพื่อนพี่เขาบอกให้เราดูแลเอาใจใส่อย่างให้ขาดตกบกพร่อง เพราะถ้าหากเกิดปัญหาหรือเขาไม่พอใจขึ้นมา จะทำให้โรงแรมสูญเสียลูกค้าสำคัญไปได้ แล้วที่สำคัญ...” ไม่อยากพูด แต่ถ้าไม่เตือนให้ราชาวดีระวังตัวไว้บ้าง ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น
“ระวังตัวด้วยนะช่อ งานนี้ไม่ได้ง่ายอย่างงานอื่นที่เราทำมา”
ราชาวดีออกอาการกังวลเมื่อได้ยินคำพูดจากปากสีดา ความคิดสื่อออกมาทางแววตา ก่อนศีรษะทุยจะผงกรับทัน
“ค่ะพี่สีดา ช่อม่วงจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ให้พี่สีดาและเพื่อนผิดหวังค่ะ”
คำรับรองทำให้สีดาคลายความกังวลใจไปเล็กน้อย ด้วยปัญหาใหญ่จริง ๆ อยู่ที่โรงแรม เพราะไม่รู้ว่าราชาวดีจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ด้วยนิสัยของลูกค้าที่บางคนก็เอาแต่ใจและหาเรื่องหาราวเก่ง ก็ได้แต่หวังว่าราชาวดีจะระงับใจได้เหมือนกับทุกครั้งแล้วกัน การทำงานที่นั่นไม่ใช่ไม่เคยมีปัญหา หลายครั้งที่ราชาวดีมาบ่น...
“งานหนักช่อไม่ท้อนะคะพี่สีดา ช่อสู้ได้เสมอ พี่สีดาก็รู้ แต่กับคนที่ปากนอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้วยังจะบั่นทอนและไม่ให้กำลังใจกันอีก ไหนจะลูกค้าที่บางคนไม่ได้เห็นเราเป็นเพียงแค่พนักงานที่สามารถทำอะไรก็ได้ คิดแต่หาเรื่องพาเราขึ้นเตียง คิด ๆ แล้วก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะคะ”
แต่สุดท้ายเมื่องานมาและเงินก็ตามมา คนที่บ่นพึมพำว่าไม่แน่ใจว่าจะยังทำต่อหรือไม่กลับตอบรับกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางเริงรื่น ดวงตาเปล่งแวววาวราวกับลูกแก้วสะท้อนแสงไฟ โดยไม่หวั่นเกรงอุปสรรคหรือปัญหาใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น ทุ่มเททั้งกายและใจทำงานอย่างเต็มที่
“ถึงจะต้องเข้างานทุ่มหนึ่ง แต่เพื่อนพี่บอกว่าให้ไปถึงโรงแรมก่อนหกโมงนะ ทันไหม”
“เอ๊ะ! ทำไมละคะ”
ราชาวดีถามอย่างแปลกใจ หญิงสาวเอียงศีรษะเล็กน้อย พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออกเล็กน้อย เธอไม่เคยไปสาย ไปก่อนเวลาทำงานด้วย แต่เพื่อนพี่สีดากลับสั่งมาแบบนี้ ก็เกิดสงสัยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ถามไปพี่สีดาก็ไม่รู้ความอยู่ดี ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุดต่างหากละ ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้าเสียเมื่อเจอกับสายตาตำหนิ
“ขอโทษค่ะพี่สีดา ช่อจะไม่ทำแล้วจริง ๆ สาบานค่ะ” ราชาวดียกมือขึ้นชูสองนิ้วที่ขมับ แต่ไพล่อีกแขนไปด้านหลัง นิ้วชี้กับนิ้วกลางกลับไขว้กันไว้ ถ้าสิ่งไหนไม่มั่นใจว่าจะทำได้ เธอไม่กล้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะหรอก ดังเช่นเรื่องนี้ที่จะต้องมีช่วงเวลาที่คนเราพลั้งเผลอกันบ้าง
“พี่สีดาไม่ต้องห่วงนะคะ ฝีมืออย่างช่อ ทันแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวยิ้มสำทับ แต่เพียงแค่เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างผนังห้องแล้วต้องเบิกตากว้าง...นัดก่อนหกโมง ตายแล้วนี่มันใกล้เกือบจะห้าโมงแล้วนะ จะทันไหมนี่...บ้านเธออยู่ไกลจากร้านมากด้วย และอยู่คนละมุมเมืองกับโรงแรมที่จะต้องไปทำงานด้วย
แย่แล้ว! จะไปทันไหมนี่ ราชาวดีเริ่มจะกังวลใจ
“มีอะไรหรือเปล่าช่อ” สีดาถาม ในใจเธอหน่วง ๆ ชอบกล ไม่อยากให้หญิงตรงหน้ารับงานคืนนี้เลย เพราะกลัวเธอจะเป็นอันตราย แต่ก็รู้ดีว่างานพิเศษเหล่านี้เป็นสิ่งที่ราชาวดีรอเสมอ งานที่เงินตอบแทนไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้บ่อยครั้งบวกกับเงินทิปที่จะได้รับเก็บมาสะสม อีกไม่นานก็จะได้เป็นตั๋วเครื่องบินและค่าเดินทางพอจะไปตามหาพี่สาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อนได้
หากราชาวดีกลับไม่ได้ยินคำถามของสีดา ด้วยเธอดีใจที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง ดวงตากลมโตแวววาวเป็นประกาย หัวใจเต้นเร็ว ดังก้องทรวงจนต้องรีบยกมือจับไว้ เพราะกลัวว่ามันจะหล่นออกมา การรอยคอยอันยาวนานนับสิบปีกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว อดทนทำงานเก็บเงินอีกไม่ถึงเท่าไหร่ สิ่งที่ฝันไว้ก็จะเป็นจริงแล้ว
‘พี่พรรอหน่อยนะคะ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ช่อก็จะไม่ท้อ จะไปตามหาพี่ให้เจอ แล้วเรากลับมาอยู่ด้วยกัน’
ดวงตากลมโตอมโศกทอแสงเป็นประกายผ่านม่านน้ำแพที่เอ่อล้นคลอเบ้า
ทุกวันนี้เธออยู่ด้วยความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยให้เข้มแข็ง...หวังจะได้เจอกับพี่สาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมานานนับสิบปี แม้จะรู้ว่ามันริบหรี่เต็มที แต่การวาดฝันว่าจะได้เจอกับคนที่รักก็นำเอาความสุขมาให้
อีกไม่นานเธอจะได้อยู่กับพี่สาวอย่างมีความสุขเช่นเคยมี ได้นอนฟังเสียงนุ่มหวานเย็นใจที่เอื้อนเอ่ยเล่านิทานก่อนนอน แค่ได้ฝันเธอก็มีความสุขแล้ว จึงเพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริง
“ช่อไปก่อนนะคะพี่สีดา”
ราชาวดีถลาไปด้านหน้าพร้อมมือเล็กเรียวยกขึ้นโบกลา แต่เพราะความรีบเร่งจนลืมซึ่งหน้าที่ประจำที่ต้องทำก่อนเลิกงานคือการเก็บเอาเศษผงเศษหญ้าที่ตัดออกจากลูกค้าไปทิ้ง หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าสะพายที่เก็บไว้ในตู้ใกล้กับประตูห้องครัว แต่เผลอไปเหยียบที่ตักผงซึ่งตอนนี้มีเศษเส้นผมและข้าวของซึ่งจะต้องนำเอาไปทิ้งที่ด้านหลังร้านหกกระจัดกระจาย
“ว้าย! ตายแล้ว...แหะ ๆ ขอโทษค่ะพี่สีดา เดี๋ยวช่อจะรีบเก็บและนำไปทิ้งให้เรียบร้อยค่ะ” ราชาวดีหัวเราะแห้ง ๆ เมื่อความซุ่มซ่ามของตัวเองทำให้ข้าวของที่เก็บแล้วกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
“ไม่ต้องรีบก็ได้ช่อ ถ้ากลัวไม่ทัน เดี๋ยวพี่ไปส่งให้ก็ได้” เห็นราชาวดียิ้มแย้มอย่างมีความสุข ทำให้เธอมีความสุขไปด้วย รอยยิ้มที่เป็นเสมือนแสงสว่างให้กับคนที่ใจเหนื่อยล้าได้อย่างดี ดวงตากลมโตใสแจ๋วเป็นประกายสดชื่นแจ่มใสจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน