เหตุจากฝันร้าย! ขอขวัญ ไพรีรักษ์ จึงตัดสินใจเดินทางเหินฟ้าสู่ดินแดนแห่งทราย การยื่นเท้าไปสอดกับบางเรื่อง เป็นเหตุนำเธอไปพบเจอกับผู้ชายที่แรกพบเจอก็มองเห็นเป็นศัตรู ความต้องการของมารดาทำให้นำพาให้ อันเดซาอี ซีกัลป์ กัลป์วามุเอ! เจอกับหญิงที่มีใบหน้าเหมือนคนรักเก่าอย่างกับพิมพ์เดียวกัน แม้ปรารถนาไขว่คว้ามาแนบกาย แต่เหตุผลบางอย่างทำให้เขามิอาจทำได้อย่างตั้งใจ การก้าวมาของเธอจึงเป็นเสมือนลิ่มเหล็กตอกย้ำลงบนหัวใจให้ย้อนคิดถึงอดีตอันเจ็บปวด เธอจะสามารถละลายน้ำแข็งที่เคลือบหัวใจเขาได้หรือเปล่า เขาจะปล่อยให้ความเจ็บปวดผลักไสให้เธอไปห่างไกลสุดไขว่คว้าหรือไม่ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่... “ฉันไม่ได้ขอ...แต่สั่ง” “คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันทำโน่นนี่ตามใจน่ะ” “อยากได้สิทธิ์แบบไหนล่ะขอขวัญ ฉันให้ได้ทุกอย่างเลยเชียวละ” โอ๊ย!! ขอขวัญอยากยกมือทาบหน้าผากพร้อมตบลงไปแรงๆ เธอมาเจอเข้ากับคนบ้าอะไรนี่ ถึงได้เอาแต่ใจพูดจาไม่รู้เรื่องอย่างนี้ ปวดหัวชะมัด! “และเธอต้องอยู่ข้างกายฉัน ห้ามห่างเกินสามก้าวด้วย” แทบต้องหงายหลังลงนอนยาวบนเตียง อย่างที่ว่าเป็นลมยังไม่ตื่น “ถ้าไม่...” “ฉันมีอำนาจมากพอ ที่จะทำให้เธอกลายเป็นของเล่นได้นานเท่าที่ต้องการ!”
ตอนที่ 1
ภายในป้อมปราการอันมั่นคงกลางทะเลทราย แสงแดดยามเที่ยงวันสาดส่องกระทบกับพื้นทรายสีขาวนวล จนมีไอร้อนคล้ายหมอกควันสีขาวใสพวยพุ่งขึ้นมา ทว่าผู้คนเกือบครึ่งร้อยที่มาร่วมพิธีแต่งงานกลับไม่รับรู้เลยสักนิด ด้วยพวกเขาต่างมีความชื่นชมและยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ยืนยิ้มกว้าง ต้อนรับแขกเหรื่ออย่างเป็นกันเองและใบหน้าเปี่ยมสุข
เจ้าบ่าวรูปร่างบึกบึนล่ำสัน ใบหน้าเข้มขรึมปราศจากไรหนวดเคราอย่างที่เคยเห็นจนชินตา ยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวสะอาดในปากแทบหมดทุกซี่ ยืนเคียงข้างเจ้าสาวหน้าละอ่อนแย้มยิ้มด้วยเขินอายจากนัยน์ตาเข้มแฝงความหวานที่มองมาบ่อยครั้ง
เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อนๆ ดังแว่วมา ทำให้สองแก้มใสของเจ้าสาวเป็นสีกลีบกุหลาบ ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่เจ้าบ่าวที่ร่วมผสมโรงด้วยการส่งสายตาเข้มวามวาวด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
“อย่าไปสนใจเลย เจ้าพวกนั้นอิจฉาที่ไอย่าตกลงแต่งงานกับฉัน อิจฉาที่ฉันได้สาวน้อยแสนสวยและแสนดีคนนี้ไปครอบครองนะ”
อันเดซาอีเอ่ยเสียงทุ้มหวาน หลุบสายตาลงมองแก้มใสซับสีเลือดด้วยหัวใจระทึก อยากจรดจมูกโด่งลงไปจูบซับความหอมละมุนให้ชุ่มฉ่ำใจ แต่ต้องข่มกลั้นใจเอาไว้ ด้วยเคยรับปากมารดาที่ขอไว้ เป็นสุภาพบุรุษจะต้องให้เกียรติสตรี ยิ่งเธอคนนั้นเป็นคนรักก็ยิ่งต้องหักห้ามใจให้ได้ จงอย่าทำอะไรที่หักหาญน้ำใจเด็ดขาด
“ซีกัลป์น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้” ไอซาย่าตวัดใบหน้าแดงระเรื่อใส่หนุ่มช่างจำนรรจาที่ขยันให้เธอเขินอายจนแก้มร้อนผ่าวบ่อยๆ วงโต
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา ไม่ใช่แค่เจ้าพวกนั้นนะ แขกที่มาร่วมงานก็เหมือนกัน ทุกคนอิจฉาที่ไอย่าตกลงแต่งงานกับฉันด้วยกันทั้งนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ก้มหน้ามองไอซาย่าด้วยสายตารักใคร่
ถือเป็นโชคดีของเขาที่ได้ครอบครองสาวน้อยแสนจะน่ารัก เรียบร้อยและอ่อนหวาน แรกพบประสบพักตร์เธอนั้นหัวใจหนุ่มน้อยถึงกับกระตุกไหวอย่างรุนแรง ราวกับพื้นดินที่ยืนอยู่ไหวโยก ยิ่งได้รู้ภูมิหลังของครอบครัวที่เป็นพ่อค้าวานิชมีชื่อเสียง ค่อนข้างสนิทกับครอบครัว หนทางรักก็เปิดโล่ง
“คุยกันทีไร เข้าเนื้อตัวเองทุกที ไอย่าปล่อยให้ซีกัลป์คุยกับเพื่อนๆ ดีกว่า ส่วนไอย่าก็อยากจะปลีกตัวไปดูเพื่อนๆ ด้วย”
“ไม่ให้ไปหรอก ต้องห่างจากไอย่าตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยรู้ไหม” ก่อนแต่งงานหนึ่งอาทิตย์ ต้องปล่อยให้เจ้าสาวอยู่กับครอบครัว เพื่อเรียนรู้วิธีการเป็นภรรยาที่ดี เตรียมกายให้พร้อมยามเมื่อชายหนุ่มคลอเคลียแนบชิดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่เขินอายและขลาดกลัวทำให้เกิดเป็นความหงุดหงิดแก่เจ้าบ่าวหมาดๆ
“แปลกจัง ทำไมไอย่าถึงได้ข่าวว่าซีกัลป์ดีใจจนตีปีกพับๆ เที่ยวรับแจกความรักจากสาวๆ จนหัวกระไดบ้านไม่แห้งนะ”
“ใครนะ ช่างกล้าเอาเรื่องไม่จริงมาพูดใส่ไฟฉันเสียได้ ไอย่าคงไม่เชื่อข่าว โคมลอยพวกนั้นใช่ไหมจ๊ะ”
“เชื่อ...ไอย่าเชื่อเต็มๆ เลยล่ะค่ะ” หญิงสาวกระเซ้าตอบออกไปเสียงหวานใส ด้วยเชื่อใจในตัวคนรักที่ทำตัวดีมาตลอด ถึงเขาจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มีสาวๆ ชม้ายชายตาให้ท่าอยู่ตลอดเวลา แต่อันเดซาอี ซีกัลป์ โอซาอิดนี่ กลับไม่เคยวอกแวกหรือให้ความสนใจสาวคนใด ทำให้เธอเชื่อในความรักและซื่อสัตย์ที่เขามอบให้ หากเขาคิดเปลี่ยนใจไปมีหญิงคนอื่น เรื่องนี้คงเกิดนานแล้ว ด้วยนับตั้งแต่เธอเจอและได้รักกันก็ผ่านมาถึงสามปีแล้ว
ดวงตากลมโตเป็นประกายพร่างพราวระยับยามนึกถึงวันที่ได้เจอหน้าอันเดซาอีครั้งแรก ที่เธอรู้สึกเหมือนกับวันเวลานั้นเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง ยามมองสบดวงตาเข้มวามวาวหัวใจสาวน้อยก็เต้นแรงรัวเร็วอย่างกับมีคนกระหน่ำตีกลองชุด ริ้วลมร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั้งใบหน้าและลำคอ
แม้ใบหน้าจะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว แต่ด้วยเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น รวมไปถึงน้ำเสียงใสแจ๋วขณะเอ่ยถามและต่อรองราคาสินค้า สะดุดหูเรียกความสนใจจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินผ่านให้เหลียวสายตาไปมอง การหยุดชะงักขณะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันเป็นเหตุให้ของบางอย่างในตัวเขาถูกฉกชิงไป ที่กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเธอคนนั้นได้เดินห่างไปไกลแล้ว
“บ้าชะมัด!” ชายหนุ่มสบถเมื่อรู้ตัว ดวงตาคมเข้มเป็นประกายวาวจ้า ขณะกวาดสายตาไล่มองไปท่ามกลางฝูงชน จนได้เห็นร่างของคนที่ต้องการ จึงเร่งรุดเดินไปอย่างเร็วไวโดยไม่ละลายตาแม้แต่เสี้ยววินาที
ข้าวของหลากสีสันสวยงามละลานตา ทำให้สาวน้อยที่ได้หลบหนีบิดาออกมาจากที่พักสนุกสนานเพลิดเพลินจนขาดความระมัดระวังตัว จึงไม่ได้รู้ว่าถุงเงินตรงสะเอวถูกสับกลายเป็นอีกใบที่ไร้เงิน! ซึ่งมาพร้อมกับชายหนุ่มใบหน้าถมึงทึง คนที่ทำให้หัวใจสาวน้อยกระตุกตั้งแต่แรกเห็น
“จับได้แล้วแม่แมวขโมย กลางวันแสกๆ กล้าแย่งของคนอื่นได้หน้าตาเฉย” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากและจับมือเล็กบีบเต็มแรง เขาและเพื่อนถูกแย่งชิงถุงเงินหลายครั้ง จนต้องหาทางจับเอาตัวไอ้หัวขโมยให้ได้คาหนังคาเขา!
“โอ๊ย! ปล่อยนะ ฉันไม่ได้เป็นขโมยนะ คุณเข้าใจผิดแล้ว” หญิงสาวบอกน้ำเสียงค่อนไปทางตื่นตระหนกและตกใจ รีบสะบัดแขนออกจากมือใหญ่ที่ลงแรงมาอย่างกับต้องการให้ลำแขนเสลากลมกลึงหักเป็นท่อนๆ
“เข้าใจผิด! หลักฐานอยู่ในมือชัดๆ ยังหาว่าคนอื่นเขาใส่ความอีก” อันเดซาอีดึงถุงเงินจากมือเล็กมาถือไว้ ด้วยจำได้ว่าเป็นของเขาที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ
“จับได้คาหนังคาเขา ยังจะปากแข็งไม่ยอมรับอีก อย่างนี้เห็นทีต้องไปคุยในที่จองจำเสียล่ะมั้ง”
“ไม่นะ! ไม่ใช่นะคะ ฉัน...ไม่ใช่” หญิงสาวรีบบอกอย่างตระหนกจนลิ้นพัวพันกัน พลางฝืนตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เพราะเรี่ยวแรงน้อยกว่า ทำให้ถูกลากจนหัวตุงคว้างไปข้างหน้า
“คุณฟังฉันก่อนสิ ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆ นะ ถุงเงินฉันก็ถูกขโมยเหมือนกัน” หญิงสาวยังพยายามบอกเสียงสั่น ด้วยหวังว่าชายหนุ่มร่างใหญ่เรี่ยวแรงอย่างกับช้างสารจะหยุดฟังความจริง
“ยังจะคุยอะไรอีก ในเมื่อถุงเงินของฉันอยู่ในมือของเธอ ถ้าเธอไม่ได้ขโมย แล้วถุงเงินของฉันจะมาอยู่ในมือเธอได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาอยู่ในมือได้ยังไง แต่ฉันไม่ได้ขโมยเงินของคุณจริงๆ นะ อุ๊ย!” เพราะหญิงสาวฝืนตัวไม่ยอมเดินตามแรงลากจูงและไม่ระวัง ทำให้ขาเกี่ยวกันจนถลาพุ่งตัวไปด้านหน้า ชนกับอกกว้างกำยำเต็มๆ ที่รีบผลักออก แต่ไม่รู้ปะทะกันท่าไหน ผ้าผืนบางๆ ที่ใช้คลุมใบหน้าไว้จึงเคลื่อนหลุด
ไอซาย่าเงยหน้าขึ้นพอดีกับคนตัวใหญ่ก้มลงมา...ตาประสบพบพักตร์ อย่างกับทุกอย่างที่อยู่รายรอบหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงหัวใจสองดวงที่กระหน่ำเต้นอย่างกับรัวกลองศึกเตรียมออกรบ
อุบัติเหตุเกิดซ้ำ! ร่างใหญ่ถูกชนจากด้านหลัง แรงปะทะมากพอที่จะส่งมาถึงอีกร่างเล็กเพรียวบางจนหงายไปด้านหลัง โชคดีว่ามีท่อนแขนกำยำสอดรัดกระชับช่วยเอาไว้เลยทำให้ไม่เจ็บร่างกาย แต่...
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มสีชมพูสดอ้าค้างอย่างไม่กลัวแมลงบินเข้าไปวางไข่ เมื่อปากหนาอุ่นแนบลงมาบนหน้าผากนวลเนียนเต็มๆ
“คุณ!” ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวจรดลำคอ หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำอย่างกับจะกระโดดออกมาจากทรวง เมื่อได้ใกล้ชิดบุรุษเพศชนิดได้กลิ่นกายเนื้อแท้ที่ติดจมูกพร้อมจูบ! แรกที่มิได้มาจากคนในครอบครัว
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด