ทัณฑ์ร้ายจากเขาสร้างราคีให้กับเธอยังไม่พอ ยังก่อสายใยเป็นหนึ่งชีวิตน้อยๆ ที่เธอมิอาจทำลายได้ "ฉันทำผิดอะไร นายถึงได้ทำกับฉันแบบนี้" มัสลินเอ่ยถามผู้ชายที่ทำลายความสาว สร้างราคีคาวให้เธอ ด้วยน้ำเสียงขมขื่น เธอไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า แต่ทำไมเขาถึงทำร้ายเธออย่างไร้ความปรานี "ผิดสิ ผิดที่เธอเป็นเจ้าสาวของไอ้ภานุยังไงล่ะ ถ้าเธอไม่แต่งงานกับมัน ฉันคงไม่เอาตัวเธอมา" หากเธอไม่ใช่เจ้าสาวของคนที่เขาเกลียดชัง หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้!
ตอนที่ 1
ด้านหน้าปากซอยแห่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดสดขนาดใหญ่ มีแผงขายสินค้ามากกว่าสองร้อยแผง และรอบๆ มีอาคารห้องแถวให้เช่ามีผู้เช่าเต็มทุกห้อง เจ้าของตลาดและห้องแถวในย่านนี้มีคฤหาสน์หลังงามอยู่ท้ายซอย
“ป้าครับ รู้จักบ้านคุณนายแพรพรรณกับคุณสมเกียรติไหมครับ”
รถกระบะคันหนึ่งแล่นมาจอด แล้วเปิดกระจกฝั่งคนขับหยุดถามแม่ค้าขายกล้วยทอดหน้าทางเข้าตลาด
“ขี่รถไปจนสุดซอยนู้นเลยค่ะ บ้านหลังใหญ่ๆ ตรงนั้นแหละ บ้านคุณแพรพรรณกับคุณสมเกียรติ”
“ขอบคุณครับป้า ออ ผมขอกล้วยทอดกับมันทอดร้อยนึงครับ”
คำขอบคุณมาพร้อมกับธนบัตรสีแดงถูกส่งให้แม่ค้า เมื่อได้รับถุงกล้วยทอดรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันนั้น ก็แล่นเข้าไปในซอยตามทางที่แม่ค้าบอก แล้วไปจอดอยู่ข้างรั้วบ้านไม่ไกลจากประตูทางเข้า รถจอดนิ่งอยู่แบบนั้นนานร่วมสิบนาที ก็เห็นประตูบ้านเปิดออก รถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งแล่นออกมาจากด้านในจอดรออยู่หน้าบ้าน ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราของคนมอง ปรากฏรอยเหยียดบนมุมปากเล็กน้อยก่อนจะคลายลง ดวงตาคมกริบใต้เรียวคิ้วดกหนาจ้องมองอย่างตั้งใจ ครู่ต่อมาร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่ง ในชุดกระโปรงยาวสีขาวก็ออกมาจากด้านใน พร้อมกับหญิงวัยกลางคนเดินตามมาด้วย ทั้งสองหยุดพูดคุยอะไรกันหน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะขึ้นรถที่จอดรออยู่ออกไป คนซุ่มมองรีบขยับลงจากรถเดินตรงมาหาคนที่กำลังจะปิดประตูบ้าน
“ป้าครับ ขอถามอะไรหน่อยครับ”
คนพูดมองสภาพของชายหนุ่ม ที่สวมเสื้อเชิ้ตเก่ากับกางเกงยีนส์สีซีด ด้วยสายตาระแวง ท่าทางอีกฝ่ายดูไม่น่าไว้ใจ
“ที่นี่ บ้านคุณนายแพรพรรณกับคุณสมเกียรติใช่ไหมครับ”
“ใช่ ที่นี่ไม่ซื้อของเร่ขายหรอกนะ”
แกโบกมือปฏิเสธเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมาขายของ ผลักประตูรั้วปิดเตรียมหันหลังกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่ชายหนุ่มเรียกไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิป้า ผมไม่ได้มาขายของ ผมมาสมัครงานครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ออ ที่นี่คนงานเต็มแล้ว ไม่รับเพิ่มหรอกจ้าพ่อหนุ่ม”
“ผมได้ยินคนที่ตลาดบอกว่า ถ้าอยากได้งานให้มาลองสมัครดู” เขายังไม่ละความพยายาม
“ที่นี่คนงานเต็มแล้วจริงๆ ไปหางานที่อื่นเถอะ แถวอู่รถหน้าปากซอยเหมือนติดป้ายรับสมัครคนงาน ลองไปถามดูสิ บอกว่าป้าแววแนะนำมาก็ได้”
ท่าทางหวาดระแวงคลายลง เมื่อเห็นท่าทีซื่อๆ ของของฝ่ายตรงข้าม นางแววแม้บ้านของที่นี่ จึงแนะนำด้วยความหวังดี
“น่าเสียดาย ผมอยากทำงานที่บ้านใหญ่ๆ แบบนี้ คงอยู่สุขสบายดี” คำพูดนั้นทำให้คนฟังยิ้มขำในความซื่อ
“เป็นคนใช้เขาจะสบาย ได้ยังไง แม้แต่หลานในไส้คุณนายแกยังเรียกใช้ หัวไม่วางหางไม่เว้น”
ในสายตาคนภายนอกอาจคิดว่าการได้ทำงานในคฤหาสน์หลังใหญ่สบาย แต่ความจริงแล้วคนงานที่นี่มีน้อยมากเพียงสามคนเท่านั้น ประกอบด้วยตัวนางเองที่มีหน้าที่เป็นแม่บ้าน นายมั่นสามีของนางทำหน้าที่เป็นคนขับรถและควบตำแหน่งคนสวน และมีเด็กชาวเขาชื่ออาหมี่คอยช่วยทำความสะอาดในบ้าน รวมถึงหลานสาวของเจ้าบ้านที่โดนใช้งานราวกับคนรับใช้อีกคน พอเรียนจบมัธยมก็ไม่ยอมให้เรียนต่อบอกว่าสิ้นเปลือง แต่ลูกสาวตัวเองกลับส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชน คิดแล้วน่าเวทนานัก
“เห็นว่าคุณนายแพรพรรณแกมีลูกสาวสวย ผมอยากเห็นเป็นบุญตา” คนพูดชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“ก็เพิ่งออกไปเมื่อกี้ไม่เห็นหรือไง หน้าอย่างเอ็งได้แค่มองไฟท้ายรถก็บุญหัวแล้ว อย่าคิดไปหมายปองดอกฟ้าเลย เพราะคุณหนูของฉัน เธอกำลังจะแต่งงานกับเศรษฐี นี่เดือนหน้าก็จัดงานแล้ว เห็นว่าเจ้าบ่าวเตรียมงานใหญ่โต”
นางแววพูดข่มเกทับเจ้าหมาข้างถนนให้เลิกฝันกลางวัน เมื่อครู่คุณหนูของนางกำลังจะออกไปข้างนอก จึงเรียกนายมั่นคนขับรถไปส่ง นางเลยขอให้พาคุณมัสลินไปส่งที่หน้าปากซอยด้วย ไม่อยากให้เดินตากแดดร้อนๆ ออกไปเก็บค่าเช่าให้คุณนาย
“อ้อ คนเมื่อกี้ในรถ” เขาพยักหน้าทำท่านึกออก
“ฉันจะเข้าบ้านแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”
พูดจบนางแววก็พาร่างค่อนข้างท้วมของตนเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มคนนั้นมองอยู่นอกรั้ว โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูภาพที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อครู่
“นี่สินะลูกสาวนายสมเกียรติ นางแพรพรรณ หึ สวยน่ารักขนาดนี้ ช่างเลือกไม่เบานี่ ไอ้ภานุ”
ร่างสูงใหญ่หมุนกายเดินออกมาจากหน้าประตูรั้ว เดินกลับมานั่งบนรถกระบะก่อนจะสตาร์ทเครื่องขับออกมา เมื่อบรรลุเป้าหมายในการสืบดูประวัติของว่าที่เจ้าสาวของภานุ อัศวนาวิน ใบหน้าคร้ามคมรกเรื้อด้วยหนวดเคราหนา มีรอยยิ้มหยันเมื่อปรายตามองหญิงสาวในรูป
“ไอ้ภานุ เกมของเรากำลังจะเริ่มต้น ฉันไม่ปล่อยให้แกมีความสุขหรอก”
///
รถยนต์หรูคันงามแล่นมาจอดหน้าปากซอย ประตูด้านข้างคนขับเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวก้าวลงมา ไม่ทันจะเดินออกไปกระจกรถตรงที่นั่งด้านหลังก็เปิดออก
“ยายมัส ฝากซื้อพายมะพร้าว เอามาสองกล่องนะ แช่ตู้เย็นไว้ให้ด้วยเดี๋ยวเย็นนี้จะกลับมากิน” ธนบัตรสีเทาถูกยื่นส่งให้
“ค่ะ พี่ป่าน” มัสลินยื่นมือไปรับธนบัตรของพี่สาวมาเก็บไว้
ลินินปรายตามองไปยังตึกแถวข้างตลาดนิดหนึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูร้านขายขนมออกมาก็รีบกดปิดกระจกรถ แล้วสั่งให้คนรถขับออกไปทันที
“สงสัยวันนี้ฝนจะตก ยายคุณหนูป่านยอมให้นั่งรถมาด้วย”
“พอดีพี่ป่านมีธุระ เลยให้มัสติดรถมาด้วย พี่ปอนด์อย่าไปแขวะพี่ป่านเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ป่านรู้เข้าจะพาลเกลียดขี้หน้าพี่ปอนด์มากกว่าเดิม”
มัสลินรีบบอกเกรงว่าปรัชญ์จะเหน็บแนมพี่สาวเธอมากกว่านี้ เขากับลินินเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เรียนมัธยม ปรัชย์อายุมากกว่าลินินสามปีแก่กว่ามัสลินห้าปี เขาย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอและพี่สาว เขาย้ายมาพร้อมกับมารดามาเช่าตึกแถวเปิดร้านขายขนมที่ตลาดทรัพย์เจริญแห่งนี้ เปรมใจแม่ของปรัชญ์เป็นลูกศิษย์เก่าของคุณยายของมัสลิน จึงมักพาลูกชายแวะไปหาท่านที่บ้านบ่อยๆ พลอยให้เด็กทั้งสองสนิทสนมกัน
“ช่างสิ ใครจะสน มาเข้ามาก่อน ข้างนอกร้อนจะตาย เดี๋ยวแดดเผาดำหมด”
ปรัชญ์เปิดประตูร้านให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านใน กลิ่นหอมของขนมปังลอยฟุ้งชวนน้ำลายสอทันทีที่เข้ามา ทำเอาคนได้กลิ่นท้องร้องเสียงดัง
“หิวใช่ไหม มานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่เอาอะไรมาให้กิน”
ลูกชายเจ้าของร้านได้ยินเสียงท้องร้องก็จูงมือมัสลินมานั่งที่เก้าอี้ แล้วเดินหายเข้าไปด้านใน ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวผัดและน้ำหวานมาวางตรงหน้า
“ข้าวผัดไส้กรอกของชอบของมัสไง แม่พี่ทำไว้ให้ นี่น้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ จะได้สดชื่น”
“ขอบคุณค่ะ น่ากินมากเลย มัสกินก่อนนะคะ”
มัสลินเอ่ยขอบคุณแล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่เช้าเธอได้กินข้าวต้มไปชามเดียว หลังจากป้อนข้าวป้อนยาให้คุณยายที่นอนป่วยอยู่ ก็ต้องมาช่วยเด็กอาหมี่ทำความสะอาดบ้าน กว่างานจะเสร็จก็บ่ายคล้อย ไม่ทันจะได้กินอะไรคุณป้าแพรก็ใช้ให้มาเก็บค่าเช่า โชคยังดีที่นางแววฝากเธอติดรถของพี่สาวออกมาด้วย หากปั่นจักรยานออกมาเหมือนทุกครั้งคงลำบากกว่านี้
“พี่สงสารมัสเหลือเกิน ทำไมต้องทนให้เขาใช้งานราวกับทาสแบบนั้น มัสเรียนจบมีวุฒิปริญญาน่าจะหางานทำแล้วย้ายออกมาอยู่ข้างนอก”
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
หลิวซืออินถูกฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว ความแค้นของเขาทำลายนางยังไม่พอ ยังก่อสายใยเป็นสองชีวิตน้อยๆ ในท้องนาง เมื่อพบกันอีกครั้ง คนชั่วคนนั้นกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ เป็นแม่ทัพแล้วอย่างไร ต่อให้ท่านเป็นฮ่องเต้ข้าก็ไม่ให้อภัย! แนะนำตัวละคร หลิวซืออิน สตรีผู้เกิดมาอาภัพดั่งถูกสวรรค์แกล้ง ห้าขวบก็กำพร้าไร้บิดามารดา อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิว ไม่ต่างจากบ่าวไพร่คนหนึ่ง ท่านอาแท้ๆ ไม่ใส่ใจ อาสะใภ้ทุบตีรังแก อีกทั้งยังส่งนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เพื่อแต่งงานกับเจ้าหนี้แทนบุตรีตัวเอง ชะตาลิขิตให้ถูกคนชั่วฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว ความแค้นของเขาทำลายนางยังไม่พอ ยังก่อสายใยเป็นสองชีวิตน้อยๆ ในท้องนาง เมื่อพบกันอีกครั้ง คนชั่วคนนั้นกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ นางจะไม่ยอมให้เขาพราก เจ้าก้อนแป้งฝาแฝดของนางไป ท่านเป็นแม่ทัพแล้วอย่างไร ต่อให้ท่านเป็นฮ่องเต้ข้าก็ไม่ให้อภัย! *** เยี่ยเหวินจ้าว แม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยถัง เขาฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่หลังจากถูกเล่ห์ลวงจากหญิงชั่วผู้เป็นป้าสะใภ้หลอกให้เขากลายเป็นคนร้าย ทำลายชีวิตสตรีผู้น่าสงสาร ชะตาลิขิตให้พบเจอบิดาแท้ๆ ทำความดีความชอบในสงคราม จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น สิ่งเดียวที่ยังติดค้างในใจ นั่นคือ การตามหาสตรีนางนั้น ! ///
สาวสวยเปรียบดังลูกกวางน้อยหรือจะรอดพ้นสายตาเสือร้ายไปได้ เมื่อเขาต้องการเอนริโก้หรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือ! เป็นเรื่องเอนริโก้ นักธุรกิจหนุ่มรูปงาม เจ้าของบริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่ เขาหล่อรวย และเร่าร้อน จนสาวๆ ต่างพากันหลงใหล แต่ สาวน้อยลูกครึ่งไทยอังกฤษอย่าง ไปรญา กลับไม่ยอมเป็นทาสเงินตราและเสน่หาจากเขา เธอสวยหุ่นดี กว่าสาวโคโยตี้ในบาร์นั้น แต่เลือกเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดอยู่หลังร้าน สาวสวยเปรียบดังลูกกวางน้อยหรือจะรอดพ้นสายตาเสือร้ายไปได้ เมื่อเขาต้องการเอนริโก้หรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการ ล่ารักจึงบังเกิดขึ้น น้องปลายจะรอดเงื้อมมือเสือร้ายหิวสวาทอย่างเอนริโก้ได้หรือไม่ คำเตื่อน * เรื่องนี้แนวอิโรติก มีบางฉากบางตอนเลิฟซีนร้อนแรงจนเลือดพุ่ง หากไม่ใช่สายหื่นอาจจะน็อกกลางอากาศได้ ใครสายหื่นเชิญอ่านเลยจ้า อิอิ
เพราะความผิดที่ไม่ได้ก่อ ทำให้ ไลลา ต้องมาชดใช้กรรมแทนพ่อและพี่ชาย ด้วยการถูกบังคับให้กลายมาเป็น ‘เมียเชลย’ ของมาเฟียหนุ่ม ผู้มีรูปลักษณ์แสนดิบเถื่อน ไร้หัวใจ อย่าง ราฟาเอล มาร์เซียอาโน่ รองหัวหน้าแก๊งเลโอปาสคาล แห่งคารัสซีเลีย ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า หากเธออยากเป็นอิสระ ก็ต้องมีลูกให้เขา แล้วจากนั้นเธอจะไปไหนก็ไป ไลลากัดฟันทน ทำตามหน้าที่อย่างไม่มีทางเลือก เธอได้แต่สัญญากับตัวเองว่า จะไม่ยอมให้หัวใจตัวเอง พ่ายแพ้ให้กับเขาเด็ดขาด เธอต้องไม่รักเขา เหมือนที่เขาเคยประกาศไว้ว่า อย่าคิดหวังเป็นเมียเขา เพราะเธอเป็นได้แค่ เมียเชลย ที่เขาไม่มีวันรัก ! /// “คุณเอาตัวฉันมาทำไม” ไลลาถามเสียงแผ่ว เรื่องที่ได้ยินทำให้เธอไม่อยากเชื่อ แต่ท่าทางของคนพูดทำให้เธอจำต้องเชื่อเขา “เธอต้องอยู่เป็นเชลย จนกว่านายอังตวนจะหาทางชดใช้ความเสียหายได้ทั้งหมด หรืออังเดรยอมกลับมารับโทษ ให้พูดตรงๆ คือมาอยู่ขัดดอกยังไงล่ะ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาไลลาหัวใจหล่นไปกองกับพื้น ไม่คิดว่าพี่ชายจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ จนทำให้พ่อและเธอต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป “คุณปู่ของฉัน ท่านต้องการให้ฉันมีทายาท ท่านยื่นข้อเสนอให้พ่อของเธอว่า ภายในหนึ่งปีนี้หากเธอมีลูกให้ฉันได้ ก็จะยกหนี้ทั้งหมดให้” ราฟาเอลบอกข้อเสนอของคนเป็นปู่ให้เธอรับรู้ “ถ้า... ถ้าฉันยอมรับข้อเสนอ หนี้ของพ่อฉันจะได้รับการชดใช้ใช่ไหมคะ” เธอถามเขาเสียงเจือสะอื้น อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ใช่ ขอแค่เธอยอมทำตามเงื่อนไข เธอจะชดใช้หนี้แทนพ่อเธอได้” “แล้วความผิดของพี่อังเดรล่ะค่ะ ฉันจะชดใช้ให้แทนได้ไหม” ไลลาถามอย่างมีความหวัง “เธอนี่ได้คืบจะเอาศอก ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ค่อยมาพูดเรื่องนี้กัน” ราฟาเอลบอกเสียงเข้ม เขากระตุกยิ้มหยัน เมื่อเห็นสายตาผิดหวังของหญิงสาว “ฉัน... ฉันยอมรับข้อเสนอค่ะ” ไลลากลั้นใจพูดออกไป ก้มหน้าหลบสายตาของเขา มือน้อยกำแน่นข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอไม่มีทางเลือกอื่น อนาคตความฝันพังพินาศลงไปแล้ว เมื่อต้องเอาร่างกายของตัวเองชดใช้ความผิดแทนพี่ชาย “เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดีแล้ว” ราฟาเอลเชยคางหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปแตะริมฝีปากจุมพิตเรียวปากอิ่มอย่างดุดัน ไลลาตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติได้แล้วเบือนหน้าหนีเขา มือยกผลักแผงอกหนาให้ออกห่าง “นี่คุณทำอะไร” “หึ ก็ทดสอบคุณภาพยังไงล่ะ ซื้อผ้ายังต้องดูเนื้อ นี่เลือกแม่พันธุ์ทำลูก มันต้องทดสอบคุณภาพสักหน่อยสิ” ถ้อยคำหยาบหยามนั้น ทำเอาคนฟังน้ำตาคลอ ศักดิ์ศรีถูกเขาเหยียบย่ำลงไปอย่างไร้ทางสู้ หญิงสาวได้แต่ฝืนข่มกลั้นความอดสูนั้นไว้ หนึ่งปีเท่านั้นเธอต้องอดทน เธอต้องทำเพื่อพ่อและพี่ชาย “จำเอาไว้ว่า อย่าคิดหวังจะเป็นเมียฉัน เพราะเธอเป็นได้แค่ เมียเชลย !”
เขาต้องการมีลูก แต่ไม่ต้องการมีเมีย ทางเลือกที่ดีคือการจ้างผู้หญิงสักคนมาอุ้มบุญ ทว่า... เธอกลับขโมยลูกของเขาไปนี่สิ โทษของเธอคือ ต้องมาเป็นเมียจริงๆ ของเขา /// ริคคาโด้ มาร์เซียอาโน่ ทายาทคนโตของตระกูลมาร์เซียอาโน่ ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศคารัสซีเลีย เบื้องหลังเขาคือหัวหน้าแก๊งเลโอปาสคาล แก๊งมาเฟียหนึ่งในสี่แก๊งใหญ่ของคารัสซีเลีย ชีวิตท่ามกลางคมกระสุนและควันปืน ทำให้เขาไม่ปรารถนาจะมีคู่ครองให้เป็นจุดอ่อน ทว่า... นายฟรองซัว มาร์เซียอาโน่ ปู่ของเขากลับเคี่ยวเข็ญให้หลานชายมีทายาท ริคคาโด้จึงเลือกจ้างผู้หญิงคนหนึ่งมาอุ้มบุญให้เขา โดยมีเงื่อนไขคือ 1. เขาต้องการลูกชายเท่านั้น 2. ไม่จำเป็นต้องพบหน้ากัน จ่ายเงินเมื่อเด็กคลอดคือจบสัญญา 3. ห้ามให้ใครรู้ว่าเป็นแม่ของลูกเขา เขาได้ลูกชายตัวน้อยสมใจ โดยไม่เคยสนใจว่าแม่ของเด็กคือใคร! อลิชา กิตติรำไพ หญิงสาวลูกครึ่งไทย-คารัสซีเลีย เธอเป็นเจ้าของโฮมสเตย์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของคารัสซีเลีย อลิชาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับน้องโรซีลูกสาวตัวน้อยวัยห้าขวบ และนายพัชรบิดาของเธอ วันหนึ่งอลิชาได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไว้ นั่นทำให้ชีวิตแสนสงบ ต้องพบกับความวุ่นวาย เมื่อเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาคือ หัวหน้าแก๊งมาเฟีย เธอจะทำเช่นไร กับมาเฟียหนุ่มแสนร้ายกาจคนนี้ คนที่ครั้งหนึ่งเคยว่าจ้างให้เธอ เป็นแม่อุ้มบุญลูกชายของเขา! * เพิ่มตอนพิเศษ โรซี่น้อยตอนโต ** ฝากโรซี่น้อยไว้ในอ้อมใจของนักอ่านด้วยนะคะ
บ่วงรักหงส์ฟ้า อาญามังกร (ซีรีส์มาเฟียยอดรัก ลำดับที่5) เรื่องราวความรักแสนวุ่นวาย ของหงส์และมังกรคู่แฝดชายหญิง สองทายาทมาเฟียและยากุซ่า มาดูกันว่าสองแฝด จะรักได้ร้ายแค่ไหน! *** “เป็นเด็กดี ว่าง่ายๆ นะหงส์น้อยของฉัน” ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่มพลิ้ว ขณะก้มลงกระซิบชิดริมหูนิ่ม ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ ตรงติ่งหูสาวคล้ายต้องการหยอกเย้าให้เธอขนลุกซู่ “ฉัน... ไม่เอานะ...” หญิงสาวพยายามรวบรวมสติของตัวเองสุดฤทธิ์ ให้หลุดพ้นจากวังวนของความวาบหวามที่เขาสร้างขึ้น เบนนีโต้คลี่ยิ้มร้าย มองนางหงส์สาวที่กำลังถูกเขาถอนขนด้วยแววตาวาววาม ร่างนุ่มๆ กายหอมๆ ของเธอกำลังถูกเขากลืนกินทีละน้อย และเขาไม่คิดจะปล่อยให้สาวน้อยใต้ร่างหลุดรอดจากกรงเล็บไปได้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น